บทที่ 169 ผมอยู่กับลูกสาวตามลำพังไม่ได้เหรอ

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

หลังจากป้าบัวกล่อมเสียงแผ่วเบาแล้วก็เป็นผล ซารางไม่ร้องไห้จะเป็นจะตายอีก เสียงน้อยๆที่กำลังสะอื้นเอ่ยขึ้นว่า “หม่ามี๊!หนูจะเอาหม่ามี๊!”

“คุณหนูเป็นเด็กดีนะคะ เดี๋ยวหม่ามี๊ก็ถึงแล้วค่ะ “ป้าบัวยื่นมือไปเช็ดน้ำตาให้เธอ

ได้ยินดังนั้น นิ้วเล็กของซารางก็ชี้ไปยังออกัสในขณะที่ดวงตาพร่ามัวจากการร้องไห้“ไอ้ทุเรศ!คนเลว!คนหลอกลวง!สิบแปดมงกุฎ!เมื่อวานบอกว่าเดี๋ยวหม่ามี๊ก็มา แต่หนูนอนไปตั้งนาน หม่ามี๊ก็ยังไม่มี”

“ซาราง คุณออกัสไม่ใช่คนหลอกลวงนะคะ เป็นแด๊ดดี้ของหนูนะคะ เป็นแด๊ดดี้ของซาราง”

เพราะพึ่งร้องไห้เป็นเหตุ เสียงอ่อนของซารางจึงสะอื้น หลังได้ยินถ้อยคำของป้าบัว ใบหน้าเล็กของเธอก็ส่ายโดยพลัน “เขาไม่ใช่แด๊ดดี้!เขาเป็นคนเลว!เป็นคนหลอกลวง!”

ดวงตาเล็กเรียวของออกัสหรี่ขึ้น ทว่าไม่ได้ฉุนเฉียว แค่จ้องซารางเท่านั้น

“ยังมีอีก หม่ามี๊บอกว่าจะหาแด๊ดดี้ให้หนูด้วย” ร่างน้อยๆของซารางยังคงซุกอยู่ในอ้อมแขนของป้าบัว “คุณอาองค์ชายกับคุณอาสุดหล่อดีกับซารางมาก พวกเขาจะเป็นแด๊ดดี้ให้หนู!”

คุณอาองค์ชายชอบส่งของขวัญให้เธอเสมอ ยังให้เธอฝึกขี่ม้าด้วย เธอชอบคุณอาองค์ชายที่สุด

คุณอาสุดหล่อก็ดีกลับเธอมาก ชอบซื้อขนมให้เธอกิน แถมยังเล่นของเล่นเป็นเพื่อนเธออีก เธอก็ชอบคุณอาสุดหล่อด้วยเหมือนกัน!

เขาหลอกเธอ ยังตะคอกใส่เธออีก น่าเกลียดมาก!คนหลอกลวง!เธอไม่ชอบเขา!ไม่เอาเขาเป็นแด๊ดดี้!

ได้ยินดังนั้น ดวงตาออกัสมืดครึ้มชั่วพริบตา เสมือนท้องฟ้ามีเมฆสีดำปกคลุมก็ไม่ปาน เอ่ยขึ้นมาว่า “หม่ามี๊หนูบอกว่าจะหาแด๊ดดี้ให้หนูเหรอ?”

“หม่ามี๊เคยบอก แต่หนูขอบคุณอาองค์ชายกับคุณอาสุดหล่อ หนูจะให้พวกเขาเป็นแด๊ดดี้!”

ลูกกระเดือกออกัสขยับ สายตายิ่งมืดมนมากขึ้น คลื่นความเสียใจซัดเข้ากลางหัวใจครั้งแล้วครั้งเล่า เพลิงโกรธที่ไม่อาจพรรณนาได้ลุกโชนอยู่ในใจ

ซารางกลับไม่รู้ตัว ดวงตาที่มีน้ำตาคลอเบ้ามองไปที่ป้าบัว ขนตาเรียวยาวโดนน้ำตาจนเปียกแฉะ ชวนให้สงสารยิ่งนัก “คุณย่าโทรไปหาหม่ามี๊ของหนูหน่อยค่ะ!”

เมื่อถูกแววตานี้มอง ป้าบัวก็ใจอ่อน เอื้อมมือล้วงมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง

ทว่าวินาทีต่อมา แววตาที่มีรังสีอานุภาพมหาศาลฉายมา ป้าบัวจึงเก็บมือถือกลับเข้าที่

“คนเลว คนเลว คุณเป็นคนเลว เลวที่สุดในโลก ไอ้เหี้ย !”

ซารางเห็นแล้ว ดวงตาน้อยๆที่มองออกัสมีเพลิงโทสะลุกโชน ไอ้คนชั่ว

“ใครสอนให้ด่าคน?” ดวงตาเรียวเล็กของออกัสหรี่ขึ้น ผู้หญิงคนนั้น สอนเรื่องเหลวไหลลูกสาวเขาไปเรื่อยเลย?

ซารางยังคงรู้สึกยำเกรงออกัสเล็กน้อย เธอเอียงกายไปอีกทาง สองมือจับเอวของป้าบัวไว้แน่น ไม่ยอมมองเขาอีก

เขาลุกขึ้นไปยังห้องแต่งตัวอย่างไม่พูดจา เปลี่ยนเสื้อเสร็จก็เดินออกไปคอนโด ป้าบัวส่งเสียงมาจากด้านหลัง “คุณออกัสยังไม่ได้กินข้าวเช้านี้ค่ะ ”

“พาคุณหนูกินเลย แล้วผู้ช่วยเตโชจะพาพวกป้าไปที่อื่น อย่าให้คุณหนูจับมือถือเด็ดขาด ไม่งั้นก็รับผิดชอบผลที่ตามมาเอง ……”

เสียงเคร่งขรึมลอยมา จากนั้นร่างนั้นก็หายลับไปจากสายตา

เชอร์รีนมาถึงเมืองSก็สิบโมงแล้ว เธอยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย ได้ดื่มแค่แกแฟหนึ่งแก้วก็รีบไปคอนโดของออกัสทันที

เธอกดกริ่งห้านาทีเต็มๆ ทว่าก็ไม่มีคนมาเปิดประตู เหมือนว่าด้านในคอนโดจะไม่มีคนอยู่

เธอลงกดรหัสประตูบ้าน ซึ่งรหัสนี้เธอเคยใช้เมื่อสีปีก่อน และสิ่งที่เหนือความคาดหมายก็คือ ประตูเปิดออกจริงๆ!

สี่ปีให้หลัง รหัสประตูคอนโดก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน

เชอร์รีนเดินขมวดคิ้วเข้าไปโดยเร็ว จึงเห็นห้องรับแขกว่างเปล่า จากนั้นก็ไปที่ห้องนอนต่อ

ห้องนอนก็ไม่มีคนเลย เพียงแต่หางตาเหลือบไปเห็นโต๊ะเครื่องแป้งชุดนั้นยังคงตั้งตระหง่านอยู่เช่นเดิม เธอพลันรู้สึกอึ้ง

เป็นชุดเครื่องแป้งที่สี่ปีก่อนเขามอบให้เธอ เธอไม่ได้เอาไปด้วย เพราะสิ่งของทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเขา เธอไม่ได้เอาไปสักชิ้น!

จะทิ้งหรือไม่ทิ้งโต๊ะเครื่องแป้งก็เป็นสิทธิ์ของเขา เกี่ยวกับเธอ

เธอเก็บสายตากลับมา จากนั้นก็หมุนกายไปห้องด้านข้าง ซึ่งภายในห้องมีกลิ่นแอบเปิ้ลจางๆคลุกเคล้าอยู่ มันเป็นแชมพูสระผมที่เธอซื้อให้ซาราง

เมื่อเป็นดังนี้ เธอจึงมั่นใจว่าเมื่อคืนซารางนอนที่นี่ แล้วตอนนี้ล่ะ พาซารางไปไหนแล้ว?

ข่มอารมณ์เดือดดาลกับความกังวลในใจไว้ เชอร์รีนหยิบมือถือขึ้นมาโทร ไม่นานเธอก็เอ่ยขึ้นมาว่า “ออกัส ตกลงคุณพา——”

“คุณเชอร์รีนครับ ตอนนี้ท่านประธานกำลังประชุมอยู่ครับ” คนแทรกเธอพูดคือผู้ช่วยเตโช

“แล้วเขาจะประชุมเสร็จตอนไหนคะ?”

“ขออภัยด้วยครับคุณเชอร์รีน ผมไม่ทราบครับ”

เชอร์รีนวางสายแล้วตัดสินใจไปที่สิริไพบูรณ์กรุ๊ป วันนี้เธอจะคุยกับออกัสซึ่งๆหน้าถึงเรื่องซารางให้กระจ่าง!

เมื่อถึงสิริไพบูรณ์กรุ๊ปกลับถูกพนักงานสาวหน้าเคาน์เตอร์แจ้งว่า หากไม่มีการนัดหมายล่วงหน้าจะเข้าพบท่านประธานออกัสไม่ได้

เธอโทรหาผู้ช่วยเตโชอีกครั้ง โชคดีที่ผู้ช่วยเตโชไม่ได้พูดเหมือนกับพนักงานสาวหน้าเคาน์เตอร์ โดยบอกให้เธอขึ้นลิฟต์มายังชั้นห้าสิบสอง

ชั้นที่ห้าสิบสองเป็นห้องทำงานส่วนตัวของท่านประธาน ไม่ค่อยมีพนักงานมากนัก ผู้ช่วยเตโชยืนหน้าห้องทำงาน เมื่อเห็นเชอร์รีนเดินมาก็เชิญเข้าไปที่ห้องทำงานอย่างไว

เมื่อนั่งบนโซฟาแล้ว ผู้ช่วยเตโชเอ่ยถามว่า“คุณเชอร์รีนจะดื่มชาหรือกาแฟครับ?”

ตอนนี้เชอร์รีนไม่มีอารมณ์ดื่มอะไรทั้งนรั้น เธอสนใจแต่เรื่อง “ไม่ต้องแล้วค่ะ ประชุมเสร็จตอนไหนคะ?”

“คุณเชอร์รีนโปรดรอที่นี่สักพักนะครับ ผมประมาณเวลาไม่ถูกจริงๆครับ” ผู้ช่วยเตโชให้เลขาชงชามาหนึ่งแก้ว

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ” เชอร์รีนเอ่ยปากขอบคุณผู้ช่วยเตโช จากนั้นก็กล่าวต่อว่า “ไม่ทราบว่าห้องประชุมอยู่ชั้นไหนคะ?”

ถึงแม้ผู้ช่วยเตโชไม่รู้เจตนาของเธอ ทว่าก็ตอบตามความเป็นจริง“ชั้นที่สี่สิบแปดครับ”

สิ้นเสียง เชอร์รีนก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องทำงานประธาน ก่อนจะเดินไปยังชั้นสี่สิบแปด

ผู้ช่วยเตโชชะงักงัน เมื่อได้สติก็รีบตามไป เขารู้สึกไม่ชอบมาพากลอย่างไรไม่รู้

ทว่าการเคลื่อนไหวของผู้ช่วยเตโชช้าไป ตอนที่เขาตามทัน เชอร์รีนก็ผลักประตูห้องประชุมแล้ว

ภายในห้องประชุม ผู้บริหารระดับสูงกับเหล่าผู้จัดการทั้งหลายกำลังรายงานผลการดำเนินการอยู่ เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู สายตาทุกคนก็ไปยังต้นเสียงอย่างไม่รู้ตัว

แน่นอน รวมทั้งออกัสด้วย นิ้วมือได้รูปของเขากำลังจับปากกาแล้วแตะเบาๆบนเอกสารอยู่

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสายตามากมาย ทว่าสีหน้าเชอร์รีนก็ไม่แปรเปลี่ยน ยังคงยืนตัวตรงด้วยสีหน้าเงียบสงบและเย็นชา เธอกวาดสายตาผ่านผู้คน ก่อนจะหยุดอยู่กับผู้ชายหัวโต๊ะ

“ในเมื่อคุณออกัสกล้าทำเรื่องต่ำทรามอย่างนั้น งั้นการกระทำของฉันในตอนนี้ก็น่าจะอยู่ในการคาดเดาของคุณนะ”

ทั้งสองประสานตากัน คนหนึ่งเย็นชา อีกคนหนึ่งมีดวงตาลุ่มลึกคล้ายกับน้ำวน เสมือนห้องประชุมไม่มีคนอื่นอยู่ มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้น

พนักงานในบริษัทพากันจ้องหน้ากัน ไม่รู้ว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้น

ผู้ช่วยเตโชรีบเดินไปหาออกัสด้วยความรู้สึกผิด กดเสียงต่ำลง จึงได้ยินกันแค่สองคน “ขอโทษครับท่านประธาน ผมขวางคุณเชอร์รีนไม่ทันครับ”

“ไม่เป็นไร……” ริมฝีปากบางลั่นสามพยางค์ออกมา ออกัสละสายตากลับมา เสียงเคร่งขรึมกล่าวว่า “เลิกประชุม……”

สักพัก ห้องประชุมพลันเหลือเพียงสองคน พนักงานทุกคนออกไปกันหมดแล้ว ทั้งยังช่วยปิดประตูให้ด้วย

เชอร์รีนพูดตรงประเด็นทันที“คุณพาซารางไปซ่อนที่ไหน?”

เท้ายาวที่กำลังนั่งไขว่ห้างเปลี่ยนท่าอย่างสบายๆ ออกัสหรี่ตามองเธอ ตอบอย่างเป็นธรรมชาติและเหมือนกันมีเหตุผลว่า “ย่อมเป็นที่ที่คุณหาไม่เจออยู่แล้ว……”

คำตอบแบบนี้ยั่วโมโหเชอร์รีนยิ่งนัก ทว่าเธอก็พยายามข่มกลั้นเอาไว้ ไม่ได้ระเบิดออกมา

เธอจ้องเขาเช่นกัน ยกมุมปากขึ้นกล่าวเสียงเย็นเยียบและเย้ยหยัน“คนที่มีสิทธิ์เลี้ยงดูซารางคือฉัน จำเป็นต้องให้ฉันเตือนคุณออกัสอีกไหม?คุณออกัสรู้หรือเปล่าว่าตัวเองแอบลักซารางเป็นพฤติกรรมแบบไหน?ก็เหมือนโจรไง!”

ออกัสนั่งเอียงตัวบนเก้าอี้หนัง พลางกล่าวอย่างหนักแน่นว่า“ถ้าไม่มีพฤติกรรมเหมือนโจร คุณเชอร์รีนคิดว่าผมจะได้อยู่กับลูกสาวตามลำพังเหรอ?”

เขาเน้นเสียงส่วนหลังอย่างเลือนราง

ดังคาด เขารู้ในสิ่งที่ควรรู้แล้ว ผลลัพธ์เช่นนี้ก็อยู่ในการคาดคะเนเธอเช่นกัน

“แล้วทำไมสี่ปีก่อนคุณออกัสไม่คิดอยู่ตามลำพังกับลูกสาว?”เธอย้อนถามเสียงเรียบ