บทที่ 159 คอยดูฝีมือข้าเสียบ้าง ! (ต้น)
ยากจน ! ยากจนข้นแค้น ! ล้วนเป็นความรู้สึกที่ผุดขึ้นในใจของเยี่ยฉวนเวลานี้ !
เมื่อครั้งที่อยู่เมืองชายแดน เยี่ยฉวนเคยรับรู้ว่าศาสตราวุธจิตวิญญาณมีมูลค่าไม่น้อยกว่าสองล้าน เหรียญ !
กระบี่แห่งจิตวิญญาณมูลค่าสูงยิ่งกว่า !
ตัวเขาเองในเวลานี้ไม่มีเงินพอที่จะใช้ซื้อกระบี่ จนต้องบอกว่าสถานะการเงินกรอบแกรบเสียจนอยาก ออกปล้นทีเดียว !
จากนั้นไม่นานหลังเยี่ยฉวนไปถึงสำนักอัปสรเมรัย ในทันทีที่ยื่นแผ่นป้ายแขกพิเศษ เขาพลันถูกเชิญให้ เข้าไปในห้องที่ตกแต่งอย่างหรู ก่อนที่ไม่นานจะมีชายชราคนหนึ่งเดินเข้ามา
เมื่อเห็นเยี่ยฉวน เขาค้อมตัวเล็กน้อยแสดงคารวะ “คุณชายเยี่ยให้เกียรติมาเยือน ไม่ทราบว่ามีอะไรจะ ให้ข้ารับใช้ ?”
เยี่ยฉวนพยักหน้า จากนั้นจึงล้วงเอาหยกศิลาจิตวิญญาณทั้งเก้าชิ้นออกมา “ข้าต้องการขายทั้งหมด จะได้เท่าไร ?”
“นี่มันหยกศิลาจิตวิญญาณ !” แววตาของผู้ชรามีร่องรอยประหลาดใจยิ่ง “ในแคว้นเจียงจะหาหยกศิลาที่บริสุทธิ์เช่นนี้ยากยิ่ง”
เสียงพึมพำเบา ๆ กับตนเองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะบอกกับเยี่ยฉวนว่า “หยกศิลาจิตวิญญาณทั้งหมดนี้มี ราคาชิ้นละห้าแสนเหรียญทอง !”
“ฮะ…ฮ้า ห้าแสน !” เยี่ยฉวนนิ่งอึ้งไปนิดหนึ่ง ก่อนพูดต่อว่า “ท่านจะบอกว่า ทั้งหมดนี่มีมูลค่าถึง 4 ล้าน 5 แสนเหรียญทอง อย่างนั้นเหรอ ?”
คำตอบที่ได้คืออาการพยักหน้าน้อย ๆ
เยี่ยฉวนถามกลับมาอีก “แล้วกระบี่จิตวิญญาณเล่า ราคาเท่าไร ?”
คนถูกถามมองสบตาเยี่ยฉวนขณะที่ตอบกลับมาว่า “อย่างน้อยต้องสามล้าน แต่จะหาซื้อยากนักขอรับ !”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น พลันมุมปากปรากฏรอยยิ้มหยัน “ข้าเข้าใจแล้วล่ะว่า เหตุใดจึงมีผู้ฝึกกระบี่น้อยนิด เช่นนี้ !”
“แม่มเอ๊ย ! คนธรรมดา ๆ จะมีปัญญาหากระบี่ดี ๆ มาใช้ได้ยังไง !”
“กระบี่จิตวิญญาณเล่มเดียว ปาเข้าไปตั้งสามล้านเหรียญทอง !”
“อย่าแต่คนทั่วไป ต่อให้เป็นพวกชนชั้นสูง พวกเขาก็คงมีน้อยคนนักที่จะมีเงินมากมายขนาดนั้น !”
“หยกศิลาเหล่านี้พวกผู้ฝึกกระบี่อยากได้ไว้ครอบครองเสียด้วย น่ากลัวจะโก่งราคาได้อีกโขทีเดียว !” เยี่ยฉวนนั่งคิดทบทวนไปมาอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะงัดเอาบรรดาสิ่งของที่ริบได้จากคู่ต่อสู้ออกมากองตรงหน้า
แน่นอนว่าของที่มูลค่าสูงที่สุดในบรรดาของที่เอาออกมากองเป็นของที่เพิ่งริบได้อย่างพัดด้ามจิ้ว
สายตาของผู้ชราเหลือบมองเห็นพัดด้ามจิ้ว จึงเอ่ยขึ้นว่า “คุณชายเยี่ย ข้าขอตอบด้วยความสัตย์จริง พัดด้ามจิ้วมีมูลค่าสูงที่สุดเมื่อเทียบกับของที่ท่านมีทั้งหมดนี่…”
เยี่ยฉวนถามสวนกลับทันควัน “ข้าสามารถนำสิ่งของทั้งหมดแลกกับกระบี่จิตวิญญาณสักสองเล่มเพียง พอหรือไม่ ?”
ชายชราได้ยินคำถาม เขามีทีท่าอึกอักด้วยความไม่แน่ใจ ทว่าในขณะที่ชะงักงัน พลันสายตาชำเลือง มองใครบางคนที่ยืนอยู่ด้านนอก เขารีบหันกลับมาทางเยี่ยฉวน
“ท่านต้องการซื้อกระบี่จิตวิญญาณสองเล่มใช่ไหมขอรับ ?”
เยี่ยฉวนไม่ตอบ แต่พยักหน้า
สายตาคนแก่มองอย่างเข้าใจ
“ไม่ต้องห่วง แขกผู้มีเกียรติของสำนักอัปสรเมรัยประสงค์สิ่งใด ทางเราจะจัดการให้ท่านได้ทุกสิ่งที่ต้องการ โปรดคอยสักครู่ขอรับ คุณชายเยี่ย” พูดจบก็รีบรวบรวมสิ่งของทั้งกอง เสร็จแล้วจึงออกจากห้องไปทันที
ครึ่งชั่วยามต่อมา ชายแก่คนเดิมจึงกลับเข้ามาในห้อง คราวนี้เขาอุ้มหีบสีดำสองหีบไว้ในอ้อมแขนด้วย เขาเดินตรงเข้ามาหาเยี่ยฉวน “ขออภัยที่ทำให้ต้องคอยขอรับ คุณชายเยี่ย”
พูดพลางส่งหีบสีดำให้แก่เยี่ยฉวน “นี่คือกระบี่จิตวิญญาณสองเล่มตามที่ท่านต้องการ คุณชายเยี่ย กรุณาตรวจสอบอีกครั้ง !”
เยี่ยฉวนรีบเปิดหีบทันที ภายในบรรจุกระบี่คมปลาบเงาวับ มีความยาวประมาณสามสิบชุ่นและมี ความกว้างเท่ากับสองนิ้วมือ
แต่สิ่งสำคัญคือเขาสัมผัสได้คือจิตวิญญาณภายในกระบี่ทั้งสองเล่มอย่างชัดเจน !
ชายหนุ่มจึงมั่นใจได้อย่างแน่นอนว่านี่คือกระบี่จิตวิญญาณ ! และเมื่อสำรวจจนแน่ใจแล้วจึงปิดหีบ ก่อนจะหันไปพูดกับชายชราว่า “ตอนนี้ข้ายังมีเงินไม่มากพอจะจ่ายเป็นค่ากระบี่ทั้งสองเล่มนี้น่ะซี !”
คนฟังยิ้มน้อย ๆ “คุณชายเยี่ย ท่านเป็นแขกพิเศษของสำนักอัปสรเมรัย ฉะนั้นทางเรายินดีที่จะมอบ สิ่งนี้ให้แก่ท่านขอรับ !”
ได้ยินเช่นนั้น เยี่ยฉวนพลันชะงักไปนิดหนึ่ง แต่แล้วก็พูดว่า “เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าได้แต่ขอบใจสำหรับทุกสิ่ง”คนอย่างเยี่ยฉวนมีหรือจะปฏิเสธความปรารถนาดีจากสำนักอัปสรเมรัย
เห็นชายหนุ่มไม่ปฏิเสธ ชายชราพลันรู้สึกโล่งอก เขายิ้มกว้างด้วยความยินดี “อ้อ ข้ามีเรื่องจะบอกท่านอีกอย่าง เวลาไปไหนมาไหนท่านควรระมัดระวังให้มาก โดยเฉพาะกับคนของสถานศึกษาฉางมู่ ทางเรารู้มาว่าสถานศึกษาฉางมู่หมายปลิดชีวิตท่าน นอกจากนั้นพวกเขายังเป็นชนวนเหตุของการระเบิดเรือเหาะลำที่ท่าน โดยสารมาด้วย แม้ครั้งนี้จะไม่สำเร็จ แต่พวกเขาย่อมไม่เลิกราง่าย ๆ อย่างไรเสียท่านอย่าได้วางใจเป็นอันขาด คุณชายเยี่ย !”
เยี่ยฉวนผงกศีรษะ “ขอบคุณในความหวังดีของท่าน ถ้ามีข่าวความเคลื่อนไหวใดอีก ขอให้ทางท่านแจ้งข้าด้วยจะขอบคุณยิ่งนัก !”
คนผู้มีอาวุโสกว่ายิ้มรับ “ไม่มีปัญหาขอรับ !”
จากนั้นเยี่ยฉวนค้อมตัวคารวะอำลาด้วยการห่อกำปั้น “ลาก่อน !” จากนั้นจึงหันกลับเดินออกจาก สถานที่ไปโดยหอบกระบี่จิตวิญญาณทั้งสองเล่มไว้ในอ้อมแขน
ทันทีที่เยี่ยฉวนลับกาย คนผู้หนึ่งในเครื่องแต่งกายผ้าคลุมสีดำพลันปรากฏตัวขึ้นในห้องพัก เขาผู้นี้คือ จ้าวหอชั้นที่เก้าแห่งสำนักอัปสรเมรัย !
สายตามองตาหลังคนที่เพิ่งเดินลับสายตาไป จากนั้นจึงหันมาพูดกับชายชรา “เจ้าจงอำนวยความ สะดวกให้แก่คนผู้นั้น ถึงแม้ว่าข้าจะไม่อยู่ที่เมืองหลวงก็ตาม รวมทั้งคอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของสถาน ศึกษาฉางมู่ ถ้าได้เรื่องให้รีบส่งข่าวแก่เขาโดยเร็วที่สุด !”
ชายชราค้อมตัวรับคำสั่ง “ขอรับ !”
จ้าวหอชั้นเก้าค่อยหลับตาลงช้า ๆ “สถานศึกษาฉางมู่… เวลาแห่งหายนะของพวกมันใกล้จะถึงแล้วสินะ !”
ทางด้านเยี่ยฉวน หลังเขาออกจากสำนักอัปสรเมรัยได้ ก็เร่งเดินตรงกลับสถานศึกษาฉางหลานทันที
อา ! กระบี่จิตวิญญาณสองเล่ม ! สถานะแห่งพลังของเขาในตอนนี้ หากได้ดูดกลืนกระบี่จิตวิญญาณ ทั้งสองนี้เพิ่มเข้าไปอีกเมื่อใด เท่ากับโอกาสที่จะก้าวสู่ขั้นทะยานสวรรค์ย่อมมีมากขึ้นถึงแปดจากสิบส่วนทีเดียว !
และเมื่อไหร่ที่เขาถึงขั้นทะยานสวรรค์ มิใช่เพียงการเพิ่มระดับของความกล้าแกร่งแห่งพลังอันเป็นสิ่งแน่นอนเพียงเท่านั้น หากยังหมายถึงเขาสามารถใช้กระบี่เป็นยานพาหนะทะยานสู่อากาศไปในที่ที่ต้องการได้อีก ด้วย !
“ถ้าข้าได้นั่งกระบี่ ขี่ชมเมืองหลวง คงจะมีความสุขไม่น้อย หึหึ !” เพียงแค่คิดเขาก็อดที่จะยิ้มออกมา กับตนเองไม่ได้
ความคิดโลดแล่น ฝีเท้ายิ่งเร่ง !
แต่แล้วเท้าที่กำลังก้าวอย่างเร่งรีบกลับสะดุดกึกหยุดนิ่งสนิทเมื่อสังเกตเห็นหนทางเบื้องหน้าเป็นเส้น ทางแคบ ๆ ที่ถนนกว้างเพียงหนึ่งจั้ง และด้านซ้ายขวาเป็นผนังทึบของอาคารทั้งสองฟากฝั่ง !