บทที่ 160 คอยดูฝีมือข้าเสียบ้าง ! (ปลาย)

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์

บทที่ 160 คอยดูฝีมือข้าเสียบ้าง ! (ปลาย)

บรรยากาศรอบข้างเปล่าเปลี่ยววังเวงน่าฉงน ด้วยไร้ผู้คนสัญจรแม้สักคน !

น่าประหลาดยิ่งนัก !

ชายหนุ่มจับตามองถนนเบื้องหน้า พลางคิดตัดสินใจเปลี่ยนไปใช้เส้นทางอื่น ถึงจะเป็นคนไม่เคยเกรง

กลัวสิ่งใด แต่เยี่ยฉวนหาใช่คนโง่เง่าที่จะยอมเดินลงสู่กับดักทั้งที่รู้แก่ใจเช่นนี้

ทว่าไม่ทันไร โสตประสาทพลับรับรู้เสียงกระแสลมวูบเข้าหาทางเบื้องหลัง เยี่ยฉวนหรี่สายตาก่อนหัน

ขวับไปในทิศทางที่มาของเสียงเบื้องหลัง พร้อมกับกระแทกหมัดสวนออกไปเบื้องหน้าทันควัน

ผัวะ !

แรงปะทะทำให้ร่างของเยี่ยฉวนถอยหลังไปพรื่ดหนึ่ง ขณะเดียวกันพื้นดินบริเวณนั้นเกิดรอยครูดลึก

เป็นแนวยาว เขายกสันหมัดขึ้นดู เห็นเป็นรอยโลหิตแดงช้ำจึงเงยมองทางเบื้องหน้า

ในที่ปลายไกลสุดถนนมีคนผู้หนึ่งรูปร่างกำยำเทอะทะอายุราวยี่สิบยืนขวางทางอยู่ ขนาดร่างกายของ

เขาคนนี้ถ้าจะเทียบความใหญ่โตน่าจะพอกับไป๋เจ๋อ และมือข้างขวาของคนผู้นั้นก็ได้สวมใส่ถุงมือเหล็กสีดำ

“ศาสตราวุธจิตวิญญาณสินะ !” สายตาจับภาพวัตถุที่อยู่ในมือของคนที่ยืนฟากตรงข้าม เยี่ยฉวนพลันนัยน์ตาเป็นประกายด้วยความกระหายใคร่ได้

ผู้ชายสวมถุงมือเหล็กสีหน้าดุดัน มองคนตรงหน้าด้วยแววตาส่องประกายกร้าว บิดปากแสยะยิ้ม

ขณะเดียวกันเยี่ยฉวนก็ได้สอดส่ายสายตามองโดยรอบ

ตอนนั้นเองจึงสังเกตเห็นว่าห่างออกไปทางด้านหลังคนร่างยักษ์ มีคนผู้ชายอีกสองคน เจ้าคนทางซ้ายสวมชุดคลุมยาวในมือถือทวนยาว โดยที่ส่วนปลายของทวนเป็นประกายเจิดจ้าดุจแสงดาวอันสงบเยือก

ส่วนอีกคนทางขวาผมทรงสั้น ในมือถือดาบสั้นโค้งจันทร์เสี้ยว เป็นดาบสั้นสีดำสันหนาร้อยด้วยห่วง

เหล็กสามห่วง ทว่าส่วนคมดาบกลับบางเฉียบ

และพลังของคนทั้งสาม ก็คือขั้นพลังทะยานสวรรค์ ! ไม่สิ ที่ถูกต้องบอกว่าคนทั้งสามกำลังจะเป็นขั้น

สันโดษในอีกไม่ช้าต่างหาก !

ในตอนนั้นเอง เสียงคนสวมชุดยาวถือทวนพลันพูดขึ้นว่า “พวกเราทั้งสามเคยเห็นฝีมือของเจ้ามาก่อน ! เพียงแต่ไม่เคยคิดว่าในแคว้นเจียงจะมียอดคนเช่นเจ้าเคียงข้างทัดเทียมผู้เยี่ยมยุทธ์แห่งแคว้นอันหลานซิ่วเช่นนี้”

พลางคนพูดสาวเท้าเดินตรงมาทางเยี่ยฉวน “เรามาสู้กันทีละคนหนึ่งต่อหนึ่ง เพราะพวกเราไม่ได้เป็น

ศัตรู ฉะนั้น…” เยี่ยฉวนไม่รอให้จบประโยค เขาทะยานพรวดรวดเร็วราวลูกธนูหลุดจากแล่ง !

ระยะห่างของคนทั้งคู่ไม่กี่จั้ง ทว่าในขณะนั้นเองสีหน้าของเยี่ยฉวนแปรเปลี่ยนฉับพลัน ช่วงจังหวะนั้น

เขาเบี่ยงกายออกทางขวาเพื่อเลี่ยงหลบบางสิ่ง ด้วยลูกธนูสีดำได้พุ่งตรงเข้ามาปักตรงหัวไหล่ของเยี่ยฉวน !

ชายหนุ่มเงยมองตามทิศทางของลูกธนูต้นเหตุ ก่อนพบว่าบนหลังคาบ้านหลังหนึ่งปรากฏว่ามีร่างของสตรีในชุดรัดกุมสีดำกลืนกับความมืด ในมือถือคันธนูและที่ไหล่สะพายกระบอกใส่ลูกธนูสั่นพริ้วอยู่เบื้องหลัง !

ใครว่าสาม พวกมันมีสี่คนต่างหาก !

เยี่ยฉวนเหลือบมองสตรีที่ยืนมองอยู่บนหลังคาในระยะไกลด้วยแววตาเย็นเยียบ มือคว้าลูกธนูบนหัว

ไหล่กระชากออกมาหักทิ้ง ทันใดนั้นมีเสียงกระแสลมพัดวืดขึ้นทางเบื้องหลัง คนร่างยักษ์ปรากฏกายขณะเดียวกับที่เยี่ยฉวนหันหลังขวับรับหมัดหนึ่งที่พุ่งสวบตรงเข้ายังศีรษะ !

ฉับพลันเยี่ยฉวนตอบโต้โดยแรงหมัดอันทรงพลัง ประหนึ่งเสือร้ายที่หลุดออกจากป่ากระโจนเข้าตะครุบขย้ำเหยื่ออันโอชะ !

เขาบิดมุมปากแยกเขี้ยวหมุนรอบตัวขณะพุ่งออกหมัดตรงเข้าปะทะรุนแรง ! “หนึ่งหมัดดับชีพ !”

ด้วยพลังรุนแรงระเบิดออกขณะเยี่ยฉวนออกหมัดพุ่งตรง จึงพาให้พื้นดินเบื้องล่างแยกแตกด้วยความ

แรงแห่งพลังระเบิด ไม่เพียงพื้นดินเท่านั้นที่แตก ทว่าผนังทั้งสองฝั่งยังเกิดรอยร้าวโยงใยทั่วทั้งแผ่นพื้น

หมัดปะทะหมัด !

ผัวะ !

สิ้นเสียงระเบิดสนั่น พลันถุงมือเหล็กสีดำของผู้ชายร่างบึกบึนแตกกระจายเป็นเสี่ยง ขณะที่ร่างของผู้เป็นเจ้าของถอยกรูดห่างออกไปอีกหลายจั้ง จนที่พื้นปรากฏรอยครูดเป็นแอ่งจมลึกลงไปในดิน

ทันทีที่ร่างถอยกรูดหยุดชะงัก คนร่างยักษ์จึงก้มลงมองมือข้างขวาที่ไร้ถุงมือเหล็กซึ่งกำลังสั่นสะท้าน

รุนแรง !

สีหน้าของเขาเวลานี้ทั้งตกตะลึงทั้งประหลาดใจ !

ตลอดเวลาที่ฝึกความแข็งแกร่งทางกาย คนที่มีขั้นพลังเท่ากันนั้นยากนักจะหาคนที่ร่างกายแข็งแกร่ง

เทียบเท่า !

แต่คนที่ยืนอยู่เบื้องหน้านี้สิ เขาเป็นเพียงผู้ฝึกกระบี่ขั้นพลังต่ำต้อยเท่านั้นไม่ใช่หรือไร ?!

เยี่ยฉวนไม่รอช้า ชายหนุ่มตัดสินใจไล่ติดตามผู้ชายร่างใหญ่ซึ่งล่าถอยออกห่างไป

ทว่าทันใดนั้นเขาต้องหันขวับมาเผชิญหน้าคนผู้หนึ่งซึ่งพุ่งทวนยาวออกขวางทางห่างใบหน้าไปเพียง

ไม่กี่นิ้ว ที่ปลายทวนปรากฏลำแสงคมกริบหมุนติ้ว !

ชายหนุ่มเร่งเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วออกด้านข้างหลบคมแห่งแสงทวนที่เข้าปะทะ ทว่าทันใดนั้นลำทวน

ยาวกลับตวัดวาดปัดเข้าหา

เวลานี้เยี่ยฉวนจึงไม่อาจคิดนาน ดังนั้นจึงได้แต่ผลักออกฝ่ามือทั้งสองเข้าสกัดลำทวนที่ตวัดฟาดเข้ามา

ผัวะ !

พลังปะทะส่งแรงสั่นสะเทือนสู่ผนังที่อยู่เบื้องหลังเยี่ยฉวน ขณะเดียวกันนั้นร่างของผู้ชายอีกคนหนึ่งก็

ได้ปรากฏขึ้นทางเบื้องหน้าพร้อมสับดาบโค้งจันทร์เสี้ยวลงสุดแรง

ฉัวะ !

แรงปะทะของดาบสั้นรวมทั้งพลังบีบอัด บังคับให้เกิดสถานการณ์ที่มิอาจเลี่ยงหลบ ! ช้าเกินไปที่จะ

หลบหลีกด้วยทั้งทวนยาวและดาบโค้งต่างบีบบังคับเข้ามาทั้งสองด้าน !

ดังนั้นชายหนุ่มจึงเหยียดแขนกางฝ่ามือออกคว้าจับอาวุธที่ฟาดลงไว้จนแน่น !

เปรี้ยง !

เยี่ยฉวนฉวยดาบสั้นโค้งด้วยสองมือ แต่เท้ากดลึกจมลงในผิวดิน

ทันใดนั้นเองทวนยาวพลันแทงสวบเข้ากลางลำตัว ! ชายหนุ่มจึงจำต้องปล่อยมือจากดาบสั้น และพลิกตัวหลบออกทางด้านข้าง !

เปรี้ยง ! เปรี้ยง !

ทวนยาวพลาดเป้าหมายทิ่มพรวดลงบนพื้นดินตรงจุดที่เยี่ยฉวนเคยยืน กระแสพลังส่งให้ผนังด้านข้าง

สั่นสะเทือนอย่างแรง !

ขณะนั้นเยี่ยฉวนทะยานหลบพลังปะทะของทั้งทวนยาวและดาบสั้นโค้งจันทร์เสี้ยว ทว่ายังมิทันได้หยุดพลันมีกระแสพลังบางอย่างพุ่งเข้าปะทะทางเบื้องหลังซ้ำอีกครา !!

ด้วยเขาหันขวับทันที จึงได้เผชิญหน้าในระยะประชิดตาต่อตากับผู้ชายร่างใหญ่ !

ขณะที่คนร่างยักษ์กำลังทะยานเข้าหาจากอากาศพร้อมกับสับหมัดลงมาอย่างแรง โดยมีเป้าหมายเป็นกึ่งกลางศีรษะของเยี่ยฉวน !

เกิดประกายแสงสีดำพุ่งวาบออกจากหมัด !

แววตาของเยี่ยฉวนฉายประกายโหดเหี้ยม ครานี้มิได้หลบหลีกแต่กลับพุ่งหมดสวนออกปะทะคนใน

อากาศ !

และก็เป็นอีกครา…

เพชรตัดเพชร !

หมัดต้องจัดการด้วยหมัด !!

เป็นอีกครั้งที่เขาปลดปล่อย ‘หนึ่งหมัดดับชีพ’ ! ที่มิใช่เพียงผสานเคล็ดวิชาต่อสู้เท่านั้น หากเยี่ยฉวนยังทำการประสานพลังทั้งหมดที่มีเพื่อเพิ่มอานุภาพความรุนแรงยิ่งขึ้นเข้าไปอีก !

สองพลังหมัดประสานงากลางอากาศ !

เปรี้ยง !

ร่างยักษ์ของคนตัวใหญ่กระเด็นหวือตกกระแทกพื้นดังสนั่นไกลออกไปหลายจั้ง

ขณะที่ร่างของเยี่ยฉวนเองก็กระถดถอยออกไปอีกหลายจั้งเช่นเดียวกัน !

ก่อนจะพลันเกิดกระแสลมหวิวหวือบางเบาแหวกอากาศทางเบื้องหลัง !

หากแต่มันก็ยังคงไม่อาจรอดพ้นโสตประสาทที่จะรับรู้ได้ เยี่ยฉวนสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อยและขยับเบี่ยง แต่ดูเหมือนยังช้าไป ด้วยลูกธนูปลายขนนกปักฉึกเข้าที่หัวไหล่อีกดอก !

ฉึก !

ชายหนุ่มเงยมองคนบนหลังคา จึบพบว่าหญิงสาวกำลังเงื้อคันธนูสุดแขนจนวงธนูเป็นรูปโค้งพระจันทร์เต็มดวง แสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการปล่อยลูกธนูเข้าสู่เป้าหมายอย่างเยี่ยฉวนตลอดเวลา !

สายตาเย็นชาของคนชุดดำที่กำลังเล็งธนูนั้น ขณะที่นางกำลังจะปลดปล่อยลูกธนู เสี้ยววินาทีต่อมา

หญิงสาวพลันต้องหันขวับไปมองด้านหลัง ด้วยปรากฏแสงสว่างวาบจู่โจมกระทันหันพุ่งตรงลงกลางศีรษะ !

คนชุดดำหรี่ตาลง ก่อนพลันหันหลังขวับแตะปลายเท้าลงบนพื้นดีดตัวลอยข้างจากบนหลังคาที่เดิมไปยังหลังคาอื่น !

และในที่นั้นนางก็ได้เผชิญหน้ากับสตรีอีกคนในชุดลวดลายภูเขาและแม่น้ำ !

จี้อันซื่อ !

ในเวลาเดียวกันเยี่ยฉวนที่อยู่เบื้องล่าง พลันปรากฏร่างของคนสองคนเข้ามาขนาบซ้ายขวา !

สองคนผู้นั้นคือโม่อวิ๋นฉีและไป๋เจ๋อ จึงเท่ากับตอนนี้ทั้งสองฝ่ายมีสี่ต่อสี่เท่ากันแล้ว !

เยี่ยฉวนตัดสินใจขยับจะเคลื่อนที่เข้าหาสองคนของอีกฝ่าย แต่โม่อวิ๋นฉีกลับใช้มือขวายกขึ้นกันไว้เสีย

ก่อน “คอยเดี๋ยวซี…”

ทั้งเยี่ยฉวนและไป๋เจ๋อเหลือบมองคนพูดเป็นตาเดียว ขณะที่เจ้าตัวพูดต่อว่า

“เจ้าจะดังเกินหน้าเกินตาเพื่อนฝูงไปหน่อยนะท่าน สาว ๆ ทั้งเมืองหลวงกิ๊วก๊าวรู้จักแต่เยี่ยฉวน ๆ…

เพราะฉะนั้นวันนี้เจ้าอยู่เฉย ๆ คอยดูฝีมือข้าเสียบ้าง ! ข้าจะคว่ำพวกมันให้ชมเป็นขวัญตา !”

ขาดคำเขาเคลื่อนที่ออกไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับที่ฉับพลันนั้นผู้ชายสองคนที่อยู่เบื้องหน้าหาบวับไปกับตา !

…ก่อนที่ท่ามกลางความเงียบงัน จะปรากฏเสียงปะทะดังสนั่น !!!

ผัวะ !

ภาพที่ปรากฏต่อหน้าต่อตาทุกคน คือร่างของโม่อวิ๋นฉีที่หัวทิ่มพรวดปักลงบนพื้นดิน เมื่อเขาเงยหน้า

ขึ้นจึงได้เห็นคราบโลหิตไหลออกทางมุมปาก

ไป๋เจ๋อนิ่งหน้ามองด้วยสายตาแสดงความผิดหวัง “ไอ้ตัวแสบ จะให้พวกเรายืนดูเวลาที่เจ้าถูกกระทืบงั้นหรือ ?”

โม่อวิ๋นฉีที่ได้ยินเช่นนั้นก็ได้แต่รู้สึกจุกจนไม่อาจตอบโต้ “…”