เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 469
แสงสว่างแสบตา ถนนทั่วเมืองเจียงหลิน เกิดแสงแสบตายิ่งกว่าดวงอาทิตย์

แสงแสบตาทำให้ทุกคนลืมตาขึ้นมาไม่ได้ คนที่ “เห็น” ได้เพียงแค่คนเดียวคือ ลู่ฝานที่ควบคุมค่ายกลเสวียนเหล็กเจดีย์เก้า

พวกเสวี่ยบาที่ตะโกนคำว่าตายดั่งสะเทือนไปทั่ว ตอนนี้กลับเงียบสนิท

ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่อยากพูด แต่ตอนนี้พวกเขาไม่สามารถพูดได้

พลังอันน่ากลัวกำเริบอยู่ในร่างกายของเขา พวกเขาไม่รู้ว่าพลังประหลาดเหล่านี้มาจากไหน ก็รู้สึกว่าร่างกายเองหนักเหมือนหิน ไม่สามารถขยับได้ ขนาดอ้าปากยังยาก

แสงสว่างหายไป อักษรยันต์สีทองลอยอยู่กลางท้องฟ้า

ตอนที่หานเฟิงและคนอื่นกำลังปรับการมองเห็น เห็นยอดฝีมือสิบสองคนของสำนักโลหิตพิฆาตยืนแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น

บนตัวของพวกเขา มีแสงสีทองประหลาดปกคลุมอยู่หนึ่งชั้น นั่นเป็นการกักขังที่ค่ายกลเสวียนเหล็กเจดีย์เก้าเพิ่มให้พวกเขา

สีหน้าทั้งสิบสองคน ดูทรมานเหมือนท้องผูก ใช้แรงทั้งหมดก็ไม่สามารถขยับได้

หานเฟิงหัวเราะแล้วพูดว่า “ให้พวกนายอวดดี ให้พวกนายกำเริบเสิบสานอีก”

ลู่ฝานออกคำสั่งว่า “ลงมือ!”

ทันใดนั้นลู่หาว ลู่เฮ่าหรานและหานเฟิงลงมือพร้อมกัน

ลู่ฝานพุ่งเข้าไปหาเสวี่ยบาทันที

มังกรเหิน!

เสวี่ยบาที่ไม่สามารถหลบได้ ทำได้เพียงปล่อยพลังปราณออกมาฝืนต้านกระบี่ลู่ฝานเอาไว้

ปราณชี่หมุนวนเป็นเกลียว ลู่ฝานแผดเสียงออกมา โจมตีครั้งที่หนึ่ง โจมตีครั้งที่สอง โจมตีครั้งที่สาม…..

กระบี่ฟันลงบนตัวเสวี่ยบาเก้าครั้ง ทำให้พลังปราณที่ปกคลุมร่างกายเสวี่ยบาแตกออก กระบี่โดนตัวเสวี่ยบา พลังอันน่ากลัวทำให้กระดูกของเสวี่ยบาแตก เสียงกระดูกดังขึ้นชัดเจน เสียงเหมือนเม็ดถั่วระเบิดดังขึ้น

เพียงกระบี่เดียวของลู่ฝาน ไม่รู้ทำให้กระดูกของเสวี่ยบาแตกไปเท่าไร เสวี่ยบาล้มลงกับพื้นเหมือนว่าวเชือกขาด

“ทางนี้ ทุกคนมาทางนี้!”

มีเสียงลู่หมิงตะโกนมาจากไม่ไกล

เห็นลู่หมิงพาลูกหลานตระกูลลู่ออกมาจากมุมถนน พุ่งเข้ามาพร้อมดาบในมือ ขณะเดียวกัน โจวเจิ้นโส่วไม่หนีอีกแล้ว เมื่อเห็นว่าลู่ฝานควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว รีบสั่งให้ทหารคุ้มครองเมืองเข้ามาทันที

ทุกคนล้อมสิบสองคนของสำนักโลหิตพิฆาตเอาไว้ เริ่มโจมตีอย่างดุเดือด

ภายใต้การกดดันของค่ายกล ยอดฝีมือทั้งสิบสองคนของสำนักโลหิตพิฆาต อย่าว่าแต่โจมตีกลับเลย ขนาดหลบยังทำไม่ได้

ทุกคนเหมือนเคาะหิน รุมยอดฝีมือทั้งสิบสองคน

ตอนนี้เจดีย์เสวียนเก้ามังกรในตัวของลู่ฝานก็หัวเราะแล้วพูดว่า “ฮ่าๆ เจ้านายผู้ยิ่งใหญ่ พลานุภาพค่ายกลของฉันไม่เลวใช่ไหม นี่แค่วิธีการแรกเท่านั้น หึหึ ถ้าวัสดุเพียงพอ ยังสามารถละลายเหล็กเข้าสู่ร่างกายผ่านค่ายกล ทำให้อีกฝ่ายเป็นหุ่นเชิดเหล็ก เจ้านายลองพลังธาตุทองขั้นสูงสุดอีกครั้งไหม!”

ลู่ฝานหัวเราะในใจ “ดีเหมือนกัน ให้ฉันได้เห็นประสิทธิภาพการโจมตีของค่ายกลนี้หน่อย”

เมื่อเกิดความคิด พลังธาตุทองของทั้งบริเวณรอบๆ รวมตัวกันอย่างรวดเร็ว กลายเป็นแสงกระบี่สีทองกลางอากาศ พุ่งเข้าไปโจมตีพวกเสวี่ยบา

พรวด!

ทันใดนั้น ยอดฝีมือของสำนักโลหิตพิฆาตคนหนึ่งโดนกระบี่แทงทะลุอก พลานุภาพของกระบี่นี้ เกินกว่าการโจมตีเดียวด้วยพละกำลังทั้งหมดของยอดฝีมือแดนปราณชีวิต

ลู่ฝานตกใจกับพลานุภาพของกระบี่สีทองนี้ ค่ายกลอันน่ากลัว นี่เป็นค่ายกลที่หลอมมาจากกองเหล็กธรรมดาๆ จริงเหรอ

มีเงาคนสองคนทรุดลงไปอีกแล้ว ภายใต้การโจมตีของค่ายกล ยอดฝีมือของสำนักโลหิตพิฆาต ไม่สามารถต้านทานได้เลย เพียงพริบตาก็ตายไปสามคน!

เสวี่ยบาที่ล้มลงบนพื้นเห็นดังนั้น รีบตะโกนออกมาอย่างน่าสงสาร