DC บทที่ 247: คำขอเล็กน้อย

 

แม้ว่านั่นทำให้เธอใช้เวลาเกือบครึ่งวันเพราะว่าเธอต้องไปหาพวกเธอ โหลวหลานจีก็สามารถติดต่อศิษย์หลักทุกคนได้ อย่างไรก็ตามเมื่อเธอเธอได้พูดกับศิษย์คนสุดท้ายเสร็จแล้ว โหลวหลานจีก็ออกไปจากที่นั่นพร้อมกับถอนใจ

 

“เขาต้องมิชอบผลลัพธ์แน่…” เธอถอนใจ

 

นอกจากฟางซีหลาน ศิษย์หลักคนอื่นปฏิเสธที่จะรับบันทึกของซูหยาง กล่าวไปแล้วไม่ใช่ว่าโหลวหลานจีไม่ได้คาดถึงผลลัพธ์นี้ ตามจริงแล้วเธอไม่ได้แม้แต่จะหว่านล้อมพวกเธอเมื่อพวกเธอปฏิเสธ ในเมื่องานของเธอเพียงแค่แจกจ่ายบันทึกและเธอรู้ว่าพวกเธอคงต้องปฏิเสธ

 

หลังจากนั้น โหลวหลานจีก็กลับไปยังที่พักของซูหยาง ที่ซึ่งยังมีกลุ่มของศิษย์นอกรออยู่ ราวกับสวนดอกไม้ที่รอรดน้ำ

 

เมื่อเห็นภาพฉากนี้ โหลวหลานจีก็ถอนใจอีกครั้ง “เมื่อรู้ว่ากลเม็ดของเขาเทพเพียงไหน นั่นคงจะแปลกประหลาดมากถ้าสิ่งนี้ไม่เกิดขึ้น” เธอคิดในใจ

 

เมื่อเหล่าศิษย์ที่นั่นสังเกตเห็นโหลวหลานจี พวกเธอพลันทักทายเธอ

 

บางคนรู้สึกสงสัยว่าผู้นำนิกายก็ต้องการการนวดจากซูหยาง ดังนั้นเธอจึงปรากฏตัวขึ้นที่นี่ ส่วนคนอื่นนั้นความคิดแบบนั้นกลับไม่ได้เกิดขึ้นในใจแม้แต่น้อย กลับกันพวกเธอต่างพากันกังวลกับซูหยาง ซึ่งอาจจะมีปัญหากับผู้นำนิกายเพราะว่าความปั่นป่วนก่อนหน้านั้น

 

หลังจากรอคอยเป็นเวลาอีกสองสามนาที หญิงสาวน่ารักก็เดินออกมาจากห้องพักของซูหยางด้วยท่าทางไม่สมดุลราวกับว่าเธอเดินอยู่บนน้ำแข็งลื่นขณะเกิดแผ่นดินไหว

 

“คนต่อไป”

 

เสียงซูหยางดังขึ้นมาจากภายในบ้าน แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไป ในเมื่อพวกเธอล้วนรอให้โหลวหลานจีเข้าไปก่อนถึงแม้ว่าจะมาถึงทีหลัง

 

“ผู้นำนิกาย” ซูหยางทักทายเธอด้วยรอยยิ้มต้อนรับเมื่อเธอเข้าไปในห้อง

 

“เจ้า…” โหลวหลานจีรู้สึกว่าบางอย่างของซูหยางแตกต่างไปเมื่อเธอเห็นเขา ถึงแม้ว่าเธอไม่อาจแยกแยะได้ว่าทำไมเธอจึงมีความรู้สึกเช่นนั้น แต่นั่นก็ทำให้ใจเธอเต้นรัวเร็วขึ้น ราวกับว่าร่างกายของเธอมีปฏิกิริยากับตัวตนของเขา

 

“ข้ามาที่นี่เพื่อบอกเจ้าว่าข้าได้ทำสิ่งที่เจ้าร้องขอสำเร็จแล้ว” เธอพลันกล่าวกับเขา

 

“อย่างไรก็ตามนอกจากฟางซีหลาน ก็มิมีศิษย์หลักคนไหนอีกที่ยอมรับบันทึกของเจ้า”

 

โหลวหลานจีบอกเขาตามความจริงโดยไม่ปกปิด และรอปฏิกิริยาโต้ตอบจากเขา

 

อย่างไรก็ตามซูหยางไม่แม้แต่จะเลิกคิ้วเมื่อได้ยินข่าว

 

“เป็นอย่างนั้นรึ นั่นค่อนข้างโชคร้ายอยู่บ้าง” เขากล่าวด้วยเสียงเรียบเฉย

 

“เช่นนั้นแล้วเรื่องน้ำมันรัญจวน…”

 

“ตามสัญญา ข้าจักบอกท่านถึงวิธีที่จะได้มา” เขากล่าว

 

โหลวหลานจีตะลึงไปเล็กน้อยกับผลที่ได้ ในเมื่อเธอกังวลว่าซูหยางจะเริ่มหาข้ออ้าง ดังนั้นเธอจึงจ้องมองเขาด้วยดวงตากลมกว้าง รอคอยคำพูดถัดไปที่จะออกมาจากปากเขาอย่างอดทน

 

“แต่ก่อนที่ข้าจะบอกท่านเรื่องนั้น ท่านพอจะคืนกระดาษบันทึกที่ข้าได้ให้แก่ท่านได้หรือไม่” เขากล่าวพร้อมกับแบมือยื่นออกมาข้างหน้า

 

โหลวหลานจีไม่ได้คิดมากเกี่ยกับเรื่องนั้นและส่งคืนกระดาษบันทึกที่ถูกปฏิเสธโดยศิษย์หลัก

 

“อะไรที่เขียนไว้ภายในบันทึก หากว่าเจ้ามิรังเกียจคำถามของข้า” เธอรู้สึกสงสัยเกินจนอดถามไม่ได้

 

“มิมีอะไรมาก” เขาตอบขณะที่เขาหยิบกระดาษบันทึก “เพียงแค่วิชาการฝึกฝนระดับอัมพรที่อาจช่วยการฝึกปรือของพวกเธอได้”

 

โหลวหลานจีมีท่าทางชะงักค้างเมื่อเธอได้ยินเช่นนั้น และเธอจ้องมองเขาด้วยดวงตากลมกว้างกว่าไข่ไก่

 

เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเธอ ซูหยางยิ้มและกล่าวว่า “ข้าเพียงแค่พูดเล่น…”

 

ขณะที่เขาพูดคำพูดเหล่านั้น ซูหยางก็ใช้เพลิงปรุงยาของเขาแผดเผากระดาษบันทึกจนกระทั่งพวกมันไม่คงอยู่อีกต่อไป

 

เมื่อโหลวหลานจีเห็นเพลิงปรุงยา เธอรู้สึกเหมือนกับว่าโลกในใจของเธอสั่นสะท้าน ราวกับว่าเธอประสบกับการแสดงขั้นสุดยอด

 

“น-น-น-นั่น ป-ป-เป็น…”

 

“ถูกต้อง นี่เป็นเพลิงปรุงยา” ซูหยางพูดโดยไม่ลังเล “และบังเอิญว่านี่ก็เป็นที่มาของน้ำมันรัญจวน”

 

“…”

 

โหลวหลานจีตกตะลึงพูดไม่ออก เมื่อไหร่กันที่ซูหยางกลายเป็นนักปรุงยา นานแค่ไหนแล้วที่เขาเป็น และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ เขาได้ปรุงน้ำมันรัญจวนขึ้นมาจริงหรือไม่ สิ่งที่กระทั่งเหนือกว่ากระทั่งโอสถหยินพ้นพิสัยที่นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยยกย่องไว้สูงก่อนที่จะรู้จักกับน้ำมันรัญจวน

 

“มีอะไรผิดไปรึ ท่านมิเชื่อข้ารึ” ซูหยางถามเธอหลังจากที่เธอนิ่งเงียบไปหลายนาที

 

“ม…ไม่…มิใช่เช่นนั้น…” โหลวหลานจีพูด “ข้าเพียงมิคิดว่าเจ้าเปิดเผยชัดเจนเช่นนี้…”

 

ถึงแม้ซูหยางจะทำตามคำสัญญาของเขา โหลวหลานจีก็ไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่มีความลับซุกซ่อนอย่างลึกลับซับซ้อนแบบเขาจะเปิดเผยความลับยิ่งใหญ่เช่นนี้กับเธอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อดูเหมือนว่าเขาได้ซ่อนมันไว้มาชั่วระยะเวลาหนึ่งจนถึงตอนนี้

 

“ทำไมเจ้าจึงบอกข้าเรื่องนี้ เจ้าต้องมีเหตุผลอื่น…”

 

ซูหยางยิ้มและกล่าวว่า “ข้าต้องเปิดเผยมันไม่ช้าก็เร็วถึงแม้ว่าท่านมิได้ถาม อย่างไรก็ตามข้าก็มีคำขอร้องเล็กน้อยสำหรับท่านเช่นกัน…”

 

“จ-เจ้าต้องการจากข้าตอนนี้เลยรึ” โหลวหลานจีเตรียมตัวเตรียมใจไว้

 

“มันเป็นเรื่องง่าย จริงแล้ว..” ซูหยางเข้าไปใกล้เธอและพูดสองสามประโยคให้แก่เธอ

 

โหลวหลานจีสับสนในตอนแรก แต่เมื่อเธอได้ยินจากเขามากขึ้น ดวงตาของเธอก็เปิดกว้างด้วยความตระหนก

 

“จ-จ-เจ้า…ไม่น่าเชื่อ…”

 

โหลวหลานจีไม่รู้ว่าควรหัวเราะหรือว่าร้องไห้หลังจากที่ได้ยินเรื่องราวทั้งหมด อย่างไรก็ตามมีสิ่งหนึ่งที่ชัดเจนว่าเธอไม่เคยคาดเดาคำขอร้องของเขาถูกแม้ว่าจะผ่านไปล้านปี

 

“ก็ดี…” เธอพยักหน้า “แม้ว่าข้าจะฝ่าฝืนกฏของนิกายที่ยอมให้เกิดเรื่องนี้ นี่ให้ถือว่าเป็นกรณีพิเศษ…”

 

ซูหยางยิ้มและกล่าวว่า “บางทีข้าควรพิจารณาสอนท่านถึงวิธีสร้างน้ำมันรัญจวนในอนาคต…”

 

ดวงตาของโหลวหลานจีเปล่งประกายสว่างหลังจากที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้และเธอก็พูดขึ้นว่า “เจ้ามิต้องกังวลกับความจริงที่ว่าเจ้าเป็นนักปรุงยาแล้วจะถูกเปิดเผยสู่โลกภายนอกในเมื่อมันจะยังคงเป็นความลับสำหรับข้า”

 

ซูหยางไม่ได้กล่าวอะไรอีกเพราะว่าเขารู้อยู่แล้วว่าเธอต้องพูดเช่นนั้น

 

“อย่างไรก็ตามข้ามาที่นี่เพื่อบอกเจ้าอีกเรื่อง เนื่องจากสถานการณ์เกี่ยวกับวิญญาณพิทักษ์ ฟางซีหลานหวังว่าเจ้าจะไปหาเธอยังที่พัก”

 

“ข้าเข้าใจแล้ว…ข้าจักไปหาเธอโดยเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้” ซูหยางกล่าว

 

“ดี เช่นนั้นข้าจักไปแล้วในตอนนี้เพื่อเติมเต็มคำขอของเจ้า…” เธอกล่าวก่อนที่จะออกไปจากที่นั้นหลังจากนั้นไม่นาน แต่ยังคงรู้สึกตระหนกกับทุกสิ่งที่เธอรับรู้ในวันนี้เกี่ยวกับซูหยาง

 

และแม้ว่าเธอจะมีคำถามมากมายหลายสิบข้อเกี่ยวกับเพลิงปรุงยาของซูหยางและเรื่องอื่นๆ เธอตัดสินใจที่จะปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอนาคตเมื่อเธอเข้าใจและยอมรับข้อมูลทุกอย่างที่เธอได้รับในวันนี้

PS: เรื่องนี้จะชะลอช้าลงตามต้นฉบับนะครับ ไม่ใช่ผมอู้ ? และฝากเป็นแรงใจให้กับ Nine Yang Sword Saint ด้วยนะครับ เรื่องเป็นอย่างไรนั้น ผมเองก็ยังไม่รู้มากเท่าไหร่ เพราะว่าอ่านไปล่วงหน้าไม่กี่บท พร้อมๆกับแปลครับ