DC บทที่ 248: ซูหยางเป็นผู้บริสุทธิ์

 

หลังจากออกจากที่พักของซูหยาง โหลวหลานจีก็ตรงไปยังตำหนักโอสถ ที่ซึ่งเหล่าศิษย์ต่างพากันเร่งรีบทำงานหลังจากถูกโหลวหลานจีลงโทษพวกเธอที่มาทำงานสาย

 

“อาจารย์ช่างใจร้าย… ทำไมเธอต้องโยนงานทั้งหมดนี้ให้กับพวกเราที่มาสายทั้งที่มีข้ออ้างที่มีเหตุผล” อวี้เยียนถอนใจ

 

“ไม่มีเหตุผลรึ เจ้าต้องการพูดว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนไร้เหตุผลรึ จริงแล้วสิ่งที่ทำให้ข้าต้องถูกลงโทษไปพร้อมพวกเจ้าทั้งที่ไม่ได้มาสายนี่จึงไร้เหตุผล” ศิษย์หญิงเซียว ศิษย์เพียงคนเดียวที่ไม่ชอบซูหยางและเป็นเพียงหนึ่งในศิษย์นอกไม่กี่คนที่ยังไม่เคยได้ร่วมฝึกกับเขา อุทานออกมา

 

“พวกเราพี่น้องล้วนแบ่งปันทุกสิ่งไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขสมไปจนถึงช่วงเวลาแห่งความระทมทุกข์” อวี้เยียนส่ายหน้าแล้วกล่าวขึ้น

 

“ช-ช่างเป็นเรื่องไร้สาระ” เซียวร้องเสียงดัง

 

“ยอมแพ้เถอะ พี่เซียว…”

 

“ใช่แล้ว…เจ้ามิได้อะไรจากการคร่ำครวญกับพวกเรา…ถ้ามีอะไรก็ไปร้องทุกข์กับท่านอาจารย์…”

 

ศิษย์คนอื่นกล่าวกับเธอ

 

“ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของซูหยาง” ศิษย์เซียวก่นด่าเขาในใจ ถ้าไม่ใช่เขา มีหรือที่พวกเธอหรือจะมาสาย และเพราะว่าซูหยางกลายเป็นหัวข้อหลักของพวกเธอในเวลาแทบทั้งหมด ทำให้เธอรู้สึกแปลกแยกจากกลุ่มในฐานะที่เป็นคนที่ไม่มีอะไรดีที่จะพูดเกี่ยวกับเขา

 

ทันใดนั้นขณะที่ศิษย์เซียวกำลังที่จะอ้าปากพูด โหลวหลานจีก็เดินเข้ามาในตำหนักโอสถอย่างสบายๆ

 

“ผ-ผู้นำนิกาย” ศิษย์เซียว ซึ่งเป็นคนแรกที่สังเกตเห็นเธอเข้ามา พลันทักทายเธอ

 

“ศิษย์คนนี้คารวะผู้นำนิกาย”

 

ศิษย์คนอื่นต่างพากันทำตามหลังจากที่สังเกตเห็นเธอ

 

“ผู้อาวุโสหลานอยู่ไหม ข้ามาที่นี่เพื่อพูดกับเธอ” โหลวหลานจีกล่าว

 

“ย-อยู่ อาจารย์อยู่ในห้องของเธอตอนนี้เพื่อทำรายงานให้เสร็จเกี่ยวกับเรื่องน้ำมันรัญจวน…” หนึ่งในศิษย์กล่าว

 

“โห ตำหนักโอสถได้จำแนกส่วนผสมของน้ำมันรัญจวนออกมาแล้วรึ” โหลวหลานจีรู้สึกประหลาดใจกับผลลัพธ์ ในเมื่อเธอไม่ได้คาดคิดถึงแม้แต่น้อย

 

“ใช่แล้วท่านผู้นำนิกาย อาจารย์ของเราตอนนี้มีรายการของส่วนผสม”

 

“พวกเจ้าตำหนักโอสถล้วนเกินความคาดหมายของข้า พวกเจ้าควรได้รับค่าจ้างและหินวิญญาณเพิ่มในสามเดือนถัดไปนี้” โหลวหลานจีกล่าวพร้อมรอยยิ้ม ขณะที่บรรดาศิษย์ต่างพยายามควบคุมความตื่นเต้น เพราะพวกเธอไม่อยากจะมีพฤติกรรมเหลวไหลต่อหน้าผู้นำนิกาย

 

“อย่างไรก็ตามข้าจักขึ้นไปข้างบนเพื่อพบกับผู้อาวุโสหลาน” โหลวหลานจีกล่าวขณะที่เธอขึ้นไปชั้นบนปล่อยบรรดาศิษย์ไว้ตามลำพัง

 

“ก๊อกก๊อก”

 

“ผู้อาวุโสหลาน นี่ผู้นำนิกาย”

 

ประตูห้องหลานลี่ชิงเปิดหลังจากผ่านไปไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น และหลานลี่ชิงก็ออกมาทักทายเธอที่ประตู

 

“ศิษย์หลานคำนับผู้นำนิกาย”

 

“ไปพูดกันข้างใน”

 

หลานลี่ชิงพยักหน้าและปิดประตูตามหลัง

 

ยามเมื่อพวกเธออยู่ข้างในแล้ว หลานลี่ชิงก็กล่าวว่า “ผู้นำนิกาย พวกเราได้วิเคราะห์น้ำมันรัญจวนเสร็จแล้ว และนี่คือรายการวัตถุดิบ ส่วนสำหรับรายงาน ข้าก็เกือบทำเสร็จแล้ว…”

 

โหลวหลานจีรับรายการวัตถุดิบและอ่านรายละเอียด

 

“เป็นเช่นนี้จริงๆ นี่เป็นเช่นเดียวกับรายการที่ผู้อาวุโสเจ้าเอามาให้…” เธอคิดในใจ

 

วัตถุดิบทุกอย่างในรายการของหลานลี่ชิงก็เป็นเช่นเดียวกับในรายการของผู้อาวุโสเจ้า ดังนั้นจึงไม่มีข้อกังขาว่านี่เป็นวัตถุดิบที่แท้จริงที่ต้องการในการสร้างน้ำมันรัญจวน ส่วนสำหรับวิธีนั้น…เธอคงต้องรอดูว่าซูหยางต้องการที่จะแบ่งปันให้กับเธอก่อนที่พวกเธอจะสูญเสียทรัพยากรมากขึ้นสำหรับการทดสอบ

 

“เจ้ามิต้องให้รายงานแก่ข้า” โหลวหลานจีกล่าวกับเธอ

 

“เอ๋” หลานลี่ชิงจ้องมองเธอด้วยท่าทางมึนงง “ข้าเข้าใจแล้ว…”

 

“อย่างไรก็ตามที่ข้ามาที่นี่ก็เพราะว่ามีเรื่องอื่น” โหลวหลานจีพลันกล่าวขึ้น ดวงตาเธอเพ่งมองไปที่หลานลี่ชิง

 

หลานลี่ชิงพลันสับสน ทำไมผู้นำนิกายถึงมาที่นี่ถ้าไม่ใช่เพราะว่าน้ำมันรัญจวน

 

“เป็นเรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับซูหยาง” โหลวหลานจีพลันกล่าวขึ้นโดยไม่มีเกริ่นล่วงหน้า สร้างความตระหนกให้กับหลานลี่ชิง ซึ่งเกือบสำลักเมื่อได้ยินคำพูดของเธอ

 

“ท-ท่านพูดเรื่องอะไรกัน ท่านผู้นำนิกาย” หลานลี่ชิงกลั้นอาการจะร้องไห้และไต่ถาม

 

“เจ้ามิจำเป็นต้องปกปิด…ข้ารู้ดีว่าเจ้าได้ร่วมฝึกคู่กับเขา” โหลวหลานจีกล่าว ทำให้ฝันร้ายที่สุดของหลานลี่ชิงเป็นจริง และยิ่งสำคัญไปกว่านั้น ทำไมเธอจึงค้นพบ

 

“ผ-ผ-ผู้นำนิกาย…ข-ข้าสามารถอธิบายได้…” หลานลี่ชิงเริ่มสั่นสะท้านด้วยความหวาดกล้วกับผลที่ตามมา จนเธอทรุดกายลงคุกเข่าหมอบกราบ

 

“นั่นล้วนเป็นความผิดของข้า ข้าเป็นคนที่ยั่วซูหยาง กระทั่งใช้อำนาจในฐานะผู้อาวุโสนิกายกดดันเขา”

 

หลานลี่ชิงเริ่มโกหกเพื่อที่จะผลักข้อกล่าวหาทั้งหมดมาที่ตัวเธอเองเพื่อที่ซูหยางจะไม่ต้องถูกลงโทษหรืออย่างน้อยก็ได้รับการลงโทษที่น้อยกว่าเดิม อย่างไรก็ตามเธอจะรู้สักนิดก็หาไม่ว่าโหลวหลานจีมองทะลุการโกหกของเธอก่อนที่เธอจะพูดจบเสียอีก

 

เมื่อเห็นปฏิกิริยาของหลานลี่ชิง โหลวหลานจีรู้สึกอยากหยอกล้อเธอสักเล็กน้อยก่อนบอกความจริง

 

“ผู้อาวุโสหลาน…ท่านรู้หรือไม่ว่าผู้อาวุโสนิกายห้ามร่วมฝึกคู่กับศิษย์”

 

“ข้า…”

 

“เช่นนั้นเจ้ารู้ผลที่ตามมาสำหรับการฝ่าฝืนกฏนิกายข้อนี้หรือไม่” โหลวหลานจีเพ่งมองไปยังหลานลี่ชิงและทำท่าว่าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

 

“ข้ารู้…”

 

“เจ้ามีอะไรที่จะพูดกับข้าอีกไหม”

 

“ศิษย์คนนี้ไม่มีข้อแก้ตัว หรือว่ามีความคิดที่จะขอให้ยกโทษ อย่างไรก็ตามได้โปรดอย่าลงโทษซูหยางซึ่งเป็นผู้บริสุทธิ์ เพราะนี่เป็นความผิดพลาดอันโง่เขลาของข้าเอง”

 

โหลวหลานจีเกือบจะหัวเราะออกมาเสียงดังเมื่ออีกฝ่ายเรียกซูหยางว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ อย่างไรก็ตามเธอประทับใจหลานลี่ชิงที่พยายามปกป้องซูหยางกระทั่งผลักดันความผิดทั้งหมดไปไว้ที่ตัวเธอเอง

 

“ข้ามิสามารถทำเช่นนั้น ในเมื่อเขาเองก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบในเรื่องทั้งหมดนี้…” โหลวหลานจีต้องการเห็นว่าหลานลี่ชิงจะมีปฏิกิริยาต่อเรื่องทั้งหมดนี้อย่างไร

 

“อ-อย่าทำเช่นนั้น…ได้โปรด ท่านผู้นำนิกาย ข้ายินดีทำทุกสิ่งเพียงแค่ยกเว้นเขา” หลานลี่ชิงขอร้องพร้อมกับก้มจนศีรษะจรดพื้น ดวงตาเธอเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา

 

“ข้าคิดว่าแค่นี้คงพอ…” โหลวหลานจีคิดในใจ คงเป็นเรื่องแย่สำหรับเธอถ้าหลานลี่ชิงฟ้องซูหยางเรื่องนี้

 

“เงยหน้าขึ้น ผู้อาวุโสหลาน… เป็นซูหยางที่บอกข้าเรื่องความสัมพันธ์ของพวกเจ้า…” เธอกล่าว

 

“..อะไรกัน” หลานลี่ชิงเงยหน้าขึ้นมาอย่าช้าๆ เพื่อมองดูโหลวหลานจี บนใบหน้าของเธอมีท่าทางที่ไม่อยากเชื่อแม้แต่น้อย เหมือนกับว่าเธอเพิ่งรู้ว่าครอบครัวของเธอถูกฆาตกรรมจากโจรร้าย