DC บทที่ 249: คำรับรองจากผู้นำนิกาย

 

“ผ-ผู้นำนิกาย…ท่านว่ากระไรไป” หลานลี่ชิงจ้องมองเธอด้วยดวงตาเบิกกว้าง ดูเหมือนว่าตกอยู่ในความตระหนก

 

โหลวหลานจียิ้มขอโทษและกล่าวว่า “เพื่อเป็นการขอโทษที่หยอกล้อเจ้าเล่น กระทั่งทำให้เจ้าถึงกับร้องไห้ ข้าจักให้ความสัมพันธ์ของเจ้ากับซูหยางเป็นข้อยกเว้น”

 

“อะ-อะ-อะไรกัน…” หลานลี่ชิงยังคงตกตะลึง ในเมื่อเธอยังไม่สามารถเข้าใจกับเหตุการณ์ได้

 

“เป็นซูหยางที่บอกข้าถึงความสัมพันธ์ของเจ้ากับเขา และขอร้องให้ข้ามาที่นี่ ดังนั้นเจ้ามิจำเป็นต้องกังวลว่าจะถูกลงโทษ”

 

“ท-ทำไมกัน” หลานลี่ชิงถาม

 

“มันเป็นเรื่องซับซ้อนอยู่บ้าง ดังนั้นข้าจักขออธิบายเลยในตอนนี้” โหลวหลานจีส่ายหน้า

 

“สิ่งที่เจ้าต้องรู้ตอนนี้ก็คือ ข้าผู้นำนิกายได้รับรองความสัมพันธ์ของเจ้ากับซูหยาง ดังนั้นเจ้าจึงมิจำเป็นต้องกังวลว่าจะถูกลงโทษเรื่องนี้ กล่าวไปแล้วเจ้ายังคงต้องรอจนกว่าเขากลายเป็นศิษย์หลักก่อนที่จะประกาศต่อสาธารณะ ด้วยในตอนนี้สถานการณ์ของเจ้าจักสร้างปัญหาจำนวนมากให้แก่พวกเราถ้าผู้อาวุโสคนอื่นรู้เรื่องนี้”

 

“…”

 

โหลวหลานจีคาดว่าหลานลี่ชิงต้องโห่ร้องออกมาด้วยความยินดีหลังจากที่ได้ยินคำของเธอ แต่หลานลี่ชิงยังคงร้องไห้ต่อไป ตามจริงเธอร้องไห้หนักขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ ซึ่งสร้างความงุนงงให้กับโหลวหลานจี

 

“ผ-ผู้อาวุโสหลาน เจ้ายังดีอยู่หรือไม่” เธอถามอีกฝ่าย

 

“เจ้าค่ะ…” หลานลี่ชิงพยักหน้า “ข-ข้าเพียงดีใจมากเกินไป…จนมิอาจหยุดหลั่งน้ำตาได้…”

 

“หลังจากเงียบไปชั่วขณะ โหลวหลานจีก็กล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มเล็กน้อย “แม้ว่าเจ้าอาจจะไม่เชื่อถือข้า ยามที่ข้าพูดเช่นนี้ แต่ข้ายิ่งยิ่งตกใจมากกว่าเมื่อข้าได้ยินชื่อเจ้ามาจากปากของซูหยาง ในเมื่อเจ้าเป็นคนเดียวในที่นี้ที่ข้าคาดคิดว่าจะฝ่าฝืนกฏพิเศษของนิกาย และข้าก็ยังยากที่จะยอมรับได้กระทั่งตอนนี้..”

 

“เจ้า..คือคนที่ยืนกรานที่จะรักษาความบริสุทธิ์ดั่งชีวิตไว้กว่าสามสิบปี ปฏิเสธการเกี้ยวพานของชายหล่อเหลานับร้อย กลับต้องสูญเสียความบริสุทธิ์ใหักับศิษย์หนุ่มที่อยู่กับพวกเราเพียงหนึ่งปี..ข้ามั่นใจว่าผู้นำนิกายคนก่อนคงมองดูเจ้าอยู่บนสวรรค์ด้วยตาโตและร้องไห้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่พวกเขาพยายามโน้มน้าวให้เจ้าหาคู่ฝึก…”

 

“…” หลานลี่ชิงนิ่งเงียบฟังพร้อมกับใบหน้าแดง เธอไม่อาจปฏิเสธทุกสิ่งที่มาจากปากของโหลวหลานจี ในเมื่อเธอเองก็ยางที่จะเชื่อว่าเป็นตัวเธอเองเช่นกันกระทั่งตอนนี้

 

“เจ้าคงมิว่ากระไรถ้าข้าจะถามว่าทำไมเจ้าจึงเลือกคนแบบซูหยาง แม้ว่าข้ายอมรับว่าเขาเป็นชายหนุ่มหล่อและมีเสน่ห์เหลือล้นและคงเติบโตขึ้นพร้อมเสน่ห์ดึงดูดมากยิ่งกว่าเดิมในอนาคต แต่ก็ยังมีคนอีกมากมายนอกจากนี้ที่มีบุคลิกลักษณะที่ดีกว่าเขา…”

 

“ข้า..” หลานลี่ชิงเปิดปากแต่พูดออกมาได้เพียงแค่คำเดียวก่อนที่จะเงียบไปอีกครั้ง

 

หลังจากที่ใช้เวลาเงียบงันไปเพื่อคิดหาคำตอบของตัวเธอเอง หลานลี่ชิงก็พูดต่อว่า “พูดตามความจริง กระทั่งข้าเองก็ไม่รู้ว่าทำไมจึงเลือกคนแบบเขา…” เธอกล่าวพร้อมรอยยิ้มขื่นขม

 

“สิ่งที่ข้ารู้ก็คือข้ารู้สึกปลอดภัยเมื่อมีเขาอยู่ใกล้ๆ และอีกอย่างก็คือมีเสน่ห์บางอย่างของเขาที่ข้าอดไม่ได้ที่จะถูกดึงดูดเข้าไป…”

 

“…” โหลวหลานจีหรี่ตา ถึงเธอจะเกลียดที่จะยอมรับเท่าไรก็ตาม เธอก็เข้าใจคำอธิบายของหลานลี่ชิง ในเมื่อเธอเองก็รู้สึกเช่นเดียวกันเมื่อเธออยู่กับเขา

 

“แม้ว่าเขาจะเพียงเป็นแค่ศิษย์…กระทั่งมีอายุไม่ถึงครึ่งของข้า…” โหลวหลานจีเริ่มรู้สึกหงุดหงิดมากยิ่งขึ้นเมื่อเธอรู้สึกถึงเรื่องนั้น

 

“ทำไมจึงต้องเป็นซูหยาง อะไรทำให้เขาดูพิเศษ นอกจากหน้าตาและกลเม็ดระดับพระเจ้า ก็ไม่มีอะไรพิเศษเกี่ยวกับเขาอีก ทำไมเป็นเช่นนั้น” โหลวหลานจีครุ่นคิด

 

“แม้ว่าจะสายเกินไปที่จะขอโทษ ข้ายังคงต้องขอโทษที่ฝ่าฝืนกฏนิกาย ผู้นำนิกาย…” หลานลี่ชิงพลันก้มหน้าอีกครั้งและกล่าวว่า “ข้าขอโทษ”

 

โหลวหลานจีไม่ได้ตอบรับถ้อยคำนั้น ในเมื่อเธอก็มั่นใจว่าเธอก็จักรู้สึกผิดเช่นกันถ้าเธอยอมรับคำขอโทษนั้น

 

“ข้าเองก็ทำผิดกฏนิกายร่วมฝึกคู่กับเขาเช่นกัน ด้วยฐานะของผู้นำนิกาย ไม่ต่ำไปกว่านี้ ดังนั้นข้าก็ไม่มีฐานะไหนที่จะยอมรับคำขอโทษของเธอได้…” เธอถอนหายใจ

 

“อย่างไรก็ตามทำไมเจ้ามิยืนขึ้นก่อน ข้ารู้จักเจ้านับตั้งแต่เจ้าถูกรับเลี้ยงโดยผู้นำนิกายคนก่อนๆ แต่พวกเขาล้วนมิอยู่ที่นี่แล้ว ดังนั้นข้าจึงอยากจะรู้รายละเอียดความสัมพันธ์ของเจ้ากับซูหยางแทนพวกเขา” โหลวหลานจีกล่าวขณะที่เธอไปนั่งอยู่ที่โต๊ะใกล้ๆ

 

“ผู้นำนิกาย…” หลานลี่ชิงปาดน้ำตาออกจากใบหน้าและตามโหลวหลานจีไปที่โต๊ะ

 

ยามเมื่อหลานลี่ชิงใจเย็นลงแล้ว โหลวหลานจีก็ถามว่า “เป็นอย่างไร เรื่องทั้งหมดนี้เริ่มขึ้นเมื่อไหร่ นานเท่าไหร่แล้วที่เจ้ากลายเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว เจ้าคิดอะไรในเวลานั้น นั่นต้องเปลี่ยนมุมมองความคิดต่อโลกของเจ้าด้วย จริงหรือไม่”

 

“ด-เดี๋ยวก่อน ผู้นำนิกาย…ข้ามิอาจตอบคำถามทั้งหมดนี้ได้ในคราวเดียว…”

 

เหงื่อหยดหนึ่งปรากฏขึ้นบนหน้าผากเมื่อโหลวหลานจีส่งคำถามมากมายมาลงที่เธอ

 

“งั้นก็ตอบทีละข้อ”

 

หลังจากที่ใช้เวลาเตรียมตัวชั่วขณะ หลานลี่ชิงก็กล่าวว่า “ทั้งหมดนี้เริ่มขึ้นเมื่อเพื่อนสนิทของข้าแนะนำข้าให้ไปหาซูหยางจาก..ความเจ็บปวดบนร่าง…”

 

“ข้าเองก็ไม่เชื่อในตอนแรก แต่เมื่อเขารักษาอาการเจ็บปวดบนร่างข้าได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ข้าพยายามแก้ปัญหามาหลายอาทิตย์ ข้าก็เริ่มเชื่อถือเขา และความรู้สึกที่มีต่อเขาก็เริ่มพัฒนาขึ้นในช่วงเวลานั้น”

 

“สิ่งหนึ่งก็นำไปสู่อีกสิ่ง และเขาก็พูดกับข้าให้ยกแก่นหยินบริสุทธิ์ของข้าให้กับเขา…”

 

โหลวหลานจีไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เธอได้ยิน ความสัมพันธ์ของพวกเขาเริ่มต้นมาตั้งแต่เนิ่นนาน

 

“ป-ประเดี๋ยวก่อน…จ-เจ้าฝึกคู่กับเขาก่อนที่เขาจะเป็นศิษย์ในเลยรึ” โหลวหลานจีอดที่จะถามไม่ได้

 

หลานลี่ชิงยืนยันด้วยการพยักหน้า “ไม่นานนักหลังจากที่เขาเริ่มขายบริการนวด”

 

“ต-แต่เขาอยู่แค่เพียงเขตปฐมวิญญาณในตอนนั้น มิมีทางที่เขาจักร่วมฝึกโดยใช้แก่นหยินบริสุทธิ์ของเจ้าได้ในตอนนั้น แก่นหยินบริสุทธิ์ของเขตสัมมาวิญญาณย่อมต้องทำร้ายรากฐานและร่างกายของเขา บ้าไปแล้ว นี่มันเป็นปาฏิหาริย์ที่เขายังคงมีชีวิตอยู่”

 

“มิเพียงแต่เขาฝึกฝนโดยใช้แก่นหยินบริสุทธิ์ของข้า ยังคงก้าวข้ามเข้าสู่เขตคัมภีร์วิญญาณและกลายเป็นศิษย์ในด้วย” หลานลี่ชิงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม รู้สึกภูมิใจในตัวเขา

 

“เหลือเชื่อ…” โหลวหลานจีกล้ำกลืนความตระหนก มีความลับมากมายเพียงใดที่ซูหยางมีภายใต้ชายเสื้อของเขากันแน่ เขาเป็น “ความอับอาย” ของตระกูลซูจริงหรือ นั่นไม่สมเหตุผลกับตัวตนของซูหยางที่เป็นอยู่