ตอนที่ 555

Alchemy Emperor of the Divine Dao

ซวนหยวนจื่อกวงเปิดศึก

“รูปแบบอาคมสังหารที่สี่?” จูเสวียนเอ๋อถามด้วยความสงสัย

“ในตำนานกล่าวเอาไว้ว่าสวรรค์และปฐพีนั้นมีวิญญาณอยู่ ซึ่งก็คือจิตวิญญาณสังหารทั้งสิบ” หลิงฮันอธิบาย “วิญญาณทั้งสิบนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังมาก พวกมันถูกเรียกว่ารูปแบบอาคมสังหารทั้งสิบ ตั้งแต่รูปแบบอาคมที่สองลงไปถึงสิบ พวกมันสามารถลบล้างได้แม้แต่ตัวตนระดับทลายมิติ”

“แล้วรูปอาคมสังหารที่หนึ่งล่ะ?” จูเสวียนเอ๋อถาม

“รูปอาคมสังหารที่หนึ่ง…” หลิงฮันแน่นิ่งไปชั่วขณะ “ถูกรู้จักกันในนามรูปแบบอาคมสังหารพระเจ้า”

“มันสามารถสังหารได้แม้กระทั่งพระเจ้า?” จูเสวียนเอ๋ออุทานออกมา

“ไม่ผิด” หลิงฮันพยักหน้า “รูปอาคมสังหารที่หนึ่งสามารถลบล้างได้แม้แต่ตัวตนระดับพระเจ้า มันคือรูปแบบอาคมสังหารตนแรกของโลกใบนี้ เพียงแต่ตัวตนเหล่านี้ได้สูญหายไปนานมากแล้ว

“รูปแบบอาคมสังหารที่สี่นั้นแม้แต่จอมยุทธระดับทลายมิติขั้นปลายก็มีโอกาสที่จะถูกลบตัวตนออกไป”

“งั้นพวกเราก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายสุดๆเลยไม่ใช่รึไง?” จูเสวียนเอ๋อกล่าว

หลิงฮันพยักหน้า “ข้าไม่รู้ว่ามันมีพลังอำนาจแบบใด แต่ตอนนี้เมืองหมื่นสมบัติได้ถูกห้อมล้อมไปด้วยรูปแบบอาคมสังหารที่สี่แล้ว หรือว่ามันคิดจะสังหารผู้คนทั้งหมดในเมือง? แต่เมืองหมื่นสมบัติคือศูนย์กลางความมั่งคั่งของภูมิภาคกลาง ซึ่งเป็นที่ตั้งของตำหนักสมบัติวิญญาณและสมาคมนักปรุงยา รูปแบบอาคมสังหารที่สี่จะได้ประโยชน์อะไรกับการกระทำครั้งนี้?”

แปลกมาก…

หลิงฮันส่ายหัว “ปัญหาครั้งนี้พวกเราคงทำอะไรไม่ได้ แม้จะเป็นตัวตนระดับทลายมิติมาเองก็ต้องเป็นระดับทลายมิติขั้นเก้าเป็นอย่างน้อย ไม่เช่นนั้นก็มีแต่เอาชีวิตมาทิ้งเปล่าๆ”

จูเสวียนเอ๋อเห็นด้วย ในทวีปฮงเทียนมีจอมยุทธระดับทลายมิติกี่คน? เรื่องนี้ไม่มีใครรู้ แต่โดยส่วนใหญ่พวกเขาคงไม่มีพลังพอที่จะต่อต้านรูปแบบอาคมสังหารแน่ๆ

พวกหลิงฮันค่อยๆล่าถอย พวกเขาหวาดกลัวว่าจะไปกระตุ้นรูปแบบอาคมสังหารที่สี่

โชคดีที่รูปแบบอาคมเป็นตัวตนที่สามารถสังหารได้แม้แต่จอมยุทธระดับทลายมิติ มันคงไม่มาให้ความสนใจกับมดปลวกตัวน้อยๆ และอีกเหตุผลหนึ่งที่มันไม่ลงมือก็เป็นเพราะพวกหลิงฮันยังไม่ได้เข้าไปในหมอกลึกมากนัก

พวกเขาออกจากอาณาเขตของรูปแบบอาคมสังหารที่สี่และกลับไปยังเมืองหมื่นสมบัติซึ่งเป็นเป้าหมายในการสังหาร แต่เพราะตอนนี้ในเมืองได้เปิดใช้งานรูปแบบอาคมป้องกันขนาดใหญ่แล้ว มันจึงเป็นสถานที่ที่ปลอดภัย

“ฮันหลิง!” เมื่อเดินไปถึงหน้าเมือง เสียงคำรามอันเย็นชาและร่างของชายคนหนึ่งก็ปรากฏตรงหน้าพวกเขา

มันคือซวนหยวนจื่อกวง

ซวนหยวนจื่อกวงจ้องมองหลิงฮันด้วยความอาฆาต ที่นี่ไม่ใช่ตำหนักสมบัติวิญญาณแถมยังเป็นนอกเมืองอีกด้วย แล้วทีนี้ใครกันจะหยุดมันได้?

หลิงฮันโบกมือและพูด “เจ้าเข้าไปในเมืองก่อน ข้าคงต้องปะทะกับหมอนี่”

“ระวังตัวด้วย!” จูเสวียนเอ๋อพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน

“ทุบมันให้น่วมเลย!” ฮูหนิวกวัดแกว่งหมัดเล็กๆของนาง

“ทุบตีมัน!” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนมักจะเลียนแบบฮูหนิว เพราะนางถูกหลิวอู๋ตงและหลีซื่อฉางล้างสมองว่าห้ามไว้ใจและเลียนแบบจูเสวียนเอ๋อเด็ดขาด

หญิงสาวทั้งสามคนเดินกลับเข้าไปในเมือง โดยเหลือไว้เพียงหลิงฮันกับซวนหยวนจื่อกวง

หลิงฮันไม่กล้าประมาท ถ้าเป็นการต่อสู้กับคนที่มีพลังบ่มเพาะเท่ากัน เขามั่นใจว่าเขาไม่แพ้ใครแน่นอน แต่ซวนหยวนจื่อกวงไม่เพียงจะมีพลังบ่มเพาะที่มากกว่าเขาหลายขั้น แต่ยังมีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งอีกด้วย นับว่าเขาเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างมาก

ซวนหยวนจื่อกวงไม่พูดพล่าม ฝ่ามือของมันปลดปล่อยทะเลเพลิงพุ่งเข้าใส่หลิงฮันทันที

หลิงฮันใช้ย่างก้าวเทพธิดาปีศาจไปปรากฏตัวด้านข้างอีกฝ่าย ระดับพลังของเขาต่ำกว่าอีกฝ่ายมากเกินไป หากจะให้ปะทะกันซึ่งๆหน้าคงเป็นวิธีการที่งี่เง่าเกินไป

“เหอะ ฝันไปเถอะ!” ซวนหยวนจื่อกวงแสยะยิ้ม มันขยับร่างสร้างระยะห่างกับหลิงฮันและเริ่มปลดปล่อยการโจมตีที่ทรงพลังออกไปอีกครั้ง

พรสวรรค์ในวิถีวรยุทธของมันเหนือกว่าจอมยุทธทั่วไป ปราณหมัดทั้งยี่สิบสองหมัดที่ผสานเข้ากับอำนาจของสวรรค์และปฐพีจนดูเหมือนกับยี่สิบสามหมัดพุ่งเข้าใส่หลิงฮันพร้อมกัน

ท่าทีของหลิงฮันยังคงสงบนิ่ง เขามีไพ่ลับอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นดาบกำเนิดมาร เกราะอัสนีหรือกายาเหล็กไหล มีไพ่ชิ้นไหนของเขาบ้างที่ธรรมดา? หลิงฮันแสยะยิ้มและพูด “ในเมื่อเจ้าไม่กล้าปะทะกันซึ่งๆหน้าก็รับนี่ไป!”

ร่างของเขาล่าถอยและสร้างระยะห่างกับซวนหยวนจื่อกวงประมาณสิบฟุต

“เหอะ พลังบ่มเพาะของข้าสูงกว่าเข้า แถมยังมีปราณก่อเกิดที่ล้ำลึกกว่าเจ้า ไม่ว่าจะใช้วิธีการอะไรเจ้าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า” ซวนหยวนจื่อกวงพูดอย่างองอาจ หนึ่งฝ่ามือของมันปลดปล่อยพยัคฆ์เพลิงทั้งสิบสามเข้าใส่หลิงฮัน

ระยะห่างแค่ไม่กี่สิบฟุต เป็นไปไม่ได้ที่อำนาจของพลังโจมตีของมันจะลดลง

หลิงฮันหัวเราะและพูด “เจ้าประเมินตัวเองสูงไป!” แขนซ้ายของหลิงอันตั้งท่าถือธนู ในขณะที่อีกหนึ่งฝ่ามือปรากฏก้อนแสงพลังที่ค่อยๆเปลี่ยนรูปร่างกลายเป็นคันศร ทันใดนั้นเขาก็ยิงคันศรนั่นออกไป

ศรฆ่ามังกรทะลวงดารา!

ซวนหยวนจื่อกวงตกตะลึงและรีบโคจรปราณก่อเกิดเพื่อป้องกัน ‘ตูม’ คันศรกระแทกเข้าที่หน้าอกของมัน โชคที่ที่มันโคจรปราณก่อเกิดได้ทันทำให้ป้องกันคันศรเอาไว้ได้ แต่การโจมตีนี้ก็รุนแรงมากจนมันเกือบจะสำลักโลหิตออกมา

แม้พลังของมันจะสูงกว่าหลิงฮัน แต่หลิงฮันนั้นโจมตีโดยเน้นจุดๆเดียวแถมคันศรก็รวดเร็วอย่างมาก มันจึงไม่อาจคาดเดาได้ว่าหลิงฮันจะโจมตีมายังจุดไหน

เมื่อพยัคฆ์เพลิงทั้งนี่สิบสามตัวใกล้เข้ามา หลิงฮันก็หลบหลีกอย่างง่ายดาย “ก็ไม่เท่าไหร่!”

ซวนหยวนจื่อกวงเกรี้ยวกราด ไม่ว่าจะเป็นระดับพลังหรือพลังต่อสู้มันก็เหนือกว่าหลิงฮัน มันสมควรจะจัดการหลิงฮันได้ง่ายดายแท้ๆ แต่การบาดเจ็บเพียงเพราะการโจมตีเดียวจากคนที่อ่อนแอกว่าทำให้มันเสียหน้าเป็นอย่างมาก

อัจฉริยะไร้ที่เปรียบเช่นมันต้องไม่ถูกโค่นล้มโดยอัจฉริยะคนอื่น!

มันเกรี้ยวกราดจนมีเปลวเพลิงปรากฏขึ้นบนหัว เปลวเพลิงเหล่านั้นมีรูปร่างเป็นมังกรและนกอมตะโบราณซึ่งก็คือสายเลือดที่สืบทอดมาของมัน

“เจ้าต้องตาย!” ซวนหยวนจื่อกวงคำรามอย่างเย็นชา

หลิงฮันยิ้มและพูด “ช่างเป็นคนที่รู้จักเห่าเสียจริง!”

‘ตูม!’

ทันใดนั้นเอง หมอกสีดำที่ล้อมรอบเมืองก็สั่นไหวพร้อมกับปรากฏ กระบี่ ดาบ ขวานอยู่ภายในหมอก อาวุธเหล่านั้นปลดปล่อยประกายแสงที่เย็นยะเยือกออกมา

สีหน้าของหลิงฮันเปลี่ยนสีและรีบพุ่งกลับเข้าไปในเมือง

ซวนหยวนจื่อกวงที่เกรี้ยวกราดอยู่แล้วกลายเป็นเกรี้ยวกราดมากกว่าเดิม เจ้าหนูนี่คิดจะละทิ้งการต่อสู้? มันกำลังจะลงมือหยุดหลิงฮัน แต่เมื่อมันมองเห็นการเปลี่ยนแปลงของหมอกสีดำ ความรู้สึกหวาดกลัวก็ผุดขึ้นในจิตใจและรีบวิ่งไปยังประตูเมืองทันที

รูปแบบอาคมสังหารที่สี่ถูกกระตุ้นใช้งานแล้ว!