“รูปแบบอาคมสังหารที่สี่?” จูเสวียนเอ๋อถามด้วยความสงสัย
“ในตำนานกล่าวเอาไว้ว่าสวรรค์และปฐพีนั้นมีวิญญาณอยู่ ซึ่งก็คือจิตวิญญาณสังหารทั้งสิบ” หลิงฮันอธิบาย “วิญญาณทั้งสิบนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังมาก พวกมันถูกเรียกว่ารูปแบบอาคมสังหารทั้งสิบ ตั้งแต่รูปแบบอาคมที่สองลงไปถึงสิบ พวกมันสามารถลบล้างได้แม้แต่ตัวตนระดับทลายมิติ”
“แล้วรูปอาคมสังหารที่หนึ่งล่ะ?” จูเสวียนเอ๋อถาม
“รูปอาคมสังหารที่หนึ่ง…” หลิงฮันแน่นิ่งไปชั่วขณะ “ถูกรู้จักกันในนามรูปแบบอาคมสังหารพระเจ้า”
“มันสามารถสังหารได้แม้กระทั่งพระเจ้า?” จูเสวียนเอ๋ออุทานออกมา
“ไม่ผิด” หลิงฮันพยักหน้า “รูปอาคมสังหารที่หนึ่งสามารถลบล้างได้แม้แต่ตัวตนระดับพระเจ้า มันคือรูปแบบอาคมสังหารตนแรกของโลกใบนี้ เพียงแต่ตัวตนเหล่านี้ได้สูญหายไปนานมากแล้ว
“รูปแบบอาคมสังหารที่สี่นั้นแม้แต่จอมยุทธระดับทลายมิติขั้นปลายก็มีโอกาสที่จะถูกลบตัวตนออกไป”
“งั้นพวกเราก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายสุดๆเลยไม่ใช่รึไง?” จูเสวียนเอ๋อกล่าว
หลิงฮันพยักหน้า “ข้าไม่รู้ว่ามันมีพลังอำนาจแบบใด แต่ตอนนี้เมืองหมื่นสมบัติได้ถูกห้อมล้อมไปด้วยรูปแบบอาคมสังหารที่สี่แล้ว หรือว่ามันคิดจะสังหารผู้คนทั้งหมดในเมือง? แต่เมืองหมื่นสมบัติคือศูนย์กลางความมั่งคั่งของภูมิภาคกลาง ซึ่งเป็นที่ตั้งของตำหนักสมบัติวิญญาณและสมาคมนักปรุงยา รูปแบบอาคมสังหารที่สี่จะได้ประโยชน์อะไรกับการกระทำครั้งนี้?”
แปลกมาก…
หลิงฮันส่ายหัว “ปัญหาครั้งนี้พวกเราคงทำอะไรไม่ได้ แม้จะเป็นตัวตนระดับทลายมิติมาเองก็ต้องเป็นระดับทลายมิติขั้นเก้าเป็นอย่างน้อย ไม่เช่นนั้นก็มีแต่เอาชีวิตมาทิ้งเปล่าๆ”
จูเสวียนเอ๋อเห็นด้วย ในทวีปฮงเทียนมีจอมยุทธระดับทลายมิติกี่คน? เรื่องนี้ไม่มีใครรู้ แต่โดยส่วนใหญ่พวกเขาคงไม่มีพลังพอที่จะต่อต้านรูปแบบอาคมสังหารแน่ๆ
พวกหลิงฮันค่อยๆล่าถอย พวกเขาหวาดกลัวว่าจะไปกระตุ้นรูปแบบอาคมสังหารที่สี่
โชคดีที่รูปแบบอาคมเป็นตัวตนที่สามารถสังหารได้แม้แต่จอมยุทธระดับทลายมิติ มันคงไม่มาให้ความสนใจกับมดปลวกตัวน้อยๆ และอีกเหตุผลหนึ่งที่มันไม่ลงมือก็เป็นเพราะพวกหลิงฮันยังไม่ได้เข้าไปในหมอกลึกมากนัก
พวกเขาออกจากอาณาเขตของรูปแบบอาคมสังหารที่สี่และกลับไปยังเมืองหมื่นสมบัติซึ่งเป็นเป้าหมายในการสังหาร แต่เพราะตอนนี้ในเมืองได้เปิดใช้งานรูปแบบอาคมป้องกันขนาดใหญ่แล้ว มันจึงเป็นสถานที่ที่ปลอดภัย
“ฮันหลิง!” เมื่อเดินไปถึงหน้าเมือง เสียงคำรามอันเย็นชาและร่างของชายคนหนึ่งก็ปรากฏตรงหน้าพวกเขา
มันคือซวนหยวนจื่อกวง
ซวนหยวนจื่อกวงจ้องมองหลิงฮันด้วยความอาฆาต ที่นี่ไม่ใช่ตำหนักสมบัติวิญญาณแถมยังเป็นนอกเมืองอีกด้วย แล้วทีนี้ใครกันจะหยุดมันได้?
หลิงฮันโบกมือและพูด “เจ้าเข้าไปในเมืองก่อน ข้าคงต้องปะทะกับหมอนี่”
“ระวังตัวด้วย!” จูเสวียนเอ๋อพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
“ทุบมันให้น่วมเลย!” ฮูหนิวกวัดแกว่งหมัดเล็กๆของนาง
“ทุบตีมัน!” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนมักจะเลียนแบบฮูหนิว เพราะนางถูกหลิวอู๋ตงและหลีซื่อฉางล้างสมองว่าห้ามไว้ใจและเลียนแบบจูเสวียนเอ๋อเด็ดขาด
หญิงสาวทั้งสามคนเดินกลับเข้าไปในเมือง โดยเหลือไว้เพียงหลิงฮันกับซวนหยวนจื่อกวง
หลิงฮันไม่กล้าประมาท ถ้าเป็นการต่อสู้กับคนที่มีพลังบ่มเพาะเท่ากัน เขามั่นใจว่าเขาไม่แพ้ใครแน่นอน แต่ซวนหยวนจื่อกวงไม่เพียงจะมีพลังบ่มเพาะที่มากกว่าเขาหลายขั้น แต่ยังมีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งอีกด้วย นับว่าเขาเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างมาก
ซวนหยวนจื่อกวงไม่พูดพล่าม ฝ่ามือของมันปลดปล่อยทะเลเพลิงพุ่งเข้าใส่หลิงฮันทันที
หลิงฮันใช้ย่างก้าวเทพธิดาปีศาจไปปรากฏตัวด้านข้างอีกฝ่าย ระดับพลังของเขาต่ำกว่าอีกฝ่ายมากเกินไป หากจะให้ปะทะกันซึ่งๆหน้าคงเป็นวิธีการที่งี่เง่าเกินไป
“เหอะ ฝันไปเถอะ!” ซวนหยวนจื่อกวงแสยะยิ้ม มันขยับร่างสร้างระยะห่างกับหลิงฮันและเริ่มปลดปล่อยการโจมตีที่ทรงพลังออกไปอีกครั้ง
พรสวรรค์ในวิถีวรยุทธของมันเหนือกว่าจอมยุทธทั่วไป ปราณหมัดทั้งยี่สิบสองหมัดที่ผสานเข้ากับอำนาจของสวรรค์และปฐพีจนดูเหมือนกับยี่สิบสามหมัดพุ่งเข้าใส่หลิงฮันพร้อมกัน
ท่าทีของหลิงฮันยังคงสงบนิ่ง เขามีไพ่ลับอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นดาบกำเนิดมาร เกราะอัสนีหรือกายาเหล็กไหล มีไพ่ชิ้นไหนของเขาบ้างที่ธรรมดา? หลิงฮันแสยะยิ้มและพูด “ในเมื่อเจ้าไม่กล้าปะทะกันซึ่งๆหน้าก็รับนี่ไป!”
ร่างของเขาล่าถอยและสร้างระยะห่างกับซวนหยวนจื่อกวงประมาณสิบฟุต
“เหอะ พลังบ่มเพาะของข้าสูงกว่าเข้า แถมยังมีปราณก่อเกิดที่ล้ำลึกกว่าเจ้า ไม่ว่าจะใช้วิธีการอะไรเจ้าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า” ซวนหยวนจื่อกวงพูดอย่างองอาจ หนึ่งฝ่ามือของมันปลดปล่อยพยัคฆ์เพลิงทั้งสิบสามเข้าใส่หลิงฮัน
ระยะห่างแค่ไม่กี่สิบฟุต เป็นไปไม่ได้ที่อำนาจของพลังโจมตีของมันจะลดลง
หลิงฮันหัวเราะและพูด “เจ้าประเมินตัวเองสูงไป!” แขนซ้ายของหลิงอันตั้งท่าถือธนู ในขณะที่อีกหนึ่งฝ่ามือปรากฏก้อนแสงพลังที่ค่อยๆเปลี่ยนรูปร่างกลายเป็นคันศร ทันใดนั้นเขาก็ยิงคันศรนั่นออกไป
ศรฆ่ามังกรทะลวงดารา!
ซวนหยวนจื่อกวงตกตะลึงและรีบโคจรปราณก่อเกิดเพื่อป้องกัน ‘ตูม’ คันศรกระแทกเข้าที่หน้าอกของมัน โชคที่ที่มันโคจรปราณก่อเกิดได้ทันทำให้ป้องกันคันศรเอาไว้ได้ แต่การโจมตีนี้ก็รุนแรงมากจนมันเกือบจะสำลักโลหิตออกมา
แม้พลังของมันจะสูงกว่าหลิงฮัน แต่หลิงฮันนั้นโจมตีโดยเน้นจุดๆเดียวแถมคันศรก็รวดเร็วอย่างมาก มันจึงไม่อาจคาดเดาได้ว่าหลิงฮันจะโจมตีมายังจุดไหน
เมื่อพยัคฆ์เพลิงทั้งนี่สิบสามตัวใกล้เข้ามา หลิงฮันก็หลบหลีกอย่างง่ายดาย “ก็ไม่เท่าไหร่!”
ซวนหยวนจื่อกวงเกรี้ยวกราด ไม่ว่าจะเป็นระดับพลังหรือพลังต่อสู้มันก็เหนือกว่าหลิงฮัน มันสมควรจะจัดการหลิงฮันได้ง่ายดายแท้ๆ แต่การบาดเจ็บเพียงเพราะการโจมตีเดียวจากคนที่อ่อนแอกว่าทำให้มันเสียหน้าเป็นอย่างมาก
อัจฉริยะไร้ที่เปรียบเช่นมันต้องไม่ถูกโค่นล้มโดยอัจฉริยะคนอื่น!
มันเกรี้ยวกราดจนมีเปลวเพลิงปรากฏขึ้นบนหัว เปลวเพลิงเหล่านั้นมีรูปร่างเป็นมังกรและนกอมตะโบราณซึ่งก็คือสายเลือดที่สืบทอดมาของมัน
“เจ้าต้องตาย!” ซวนหยวนจื่อกวงคำรามอย่างเย็นชา
หลิงฮันยิ้มและพูด “ช่างเป็นคนที่รู้จักเห่าเสียจริง!”
‘ตูม!’
ทันใดนั้นเอง หมอกสีดำที่ล้อมรอบเมืองก็สั่นไหวพร้อมกับปรากฏ กระบี่ ดาบ ขวานอยู่ภายในหมอก อาวุธเหล่านั้นปลดปล่อยประกายแสงที่เย็นยะเยือกออกมา
สีหน้าของหลิงฮันเปลี่ยนสีและรีบพุ่งกลับเข้าไปในเมือง
ซวนหยวนจื่อกวงที่เกรี้ยวกราดอยู่แล้วกลายเป็นเกรี้ยวกราดมากกว่าเดิม เจ้าหนูนี่คิดจะละทิ้งการต่อสู้? มันกำลังจะลงมือหยุดหลิงฮัน แต่เมื่อมันมองเห็นการเปลี่ยนแปลงของหมอกสีดำ ความรู้สึกหวาดกลัวก็ผุดขึ้นในจิตใจและรีบวิ่งไปยังประตูเมืองทันที
รูปแบบอาคมสังหารที่สี่ถูกกระตุ้นใช้งานแล้ว!