แดนนิรมิตเทพ บทที่ 566
ว่านเหวินโยวพูดว่า “ผลลัพธ์นี้ สามารถบอกได้ว่า ข่าวการตายของเฉินโม่อาจจะเป็นเรื่องจริงครับ!”

ว่านฉางหรูงุนงง “หมายความว่ายังไง?”

“หากว่าเฉินโม่ฆ่าฆาตกรที่พวกเราส่งไป จากนิสัยของเขาแล้วต้องมาแก้แค้นพวกเราแน่นอน แต่ตอนนี้เหม่ยหวากรุ๊ปกลับเงียบเฉย แสดงว่าคนที่ลงมือไม่ใช่ตัวเฉินโม่ แต่มีความเป็นไปได้มากว่าคือเฉินซงจื่อครับ”

“อย่างนี้แล้วสามารถคาดคะเนได้ว่า เฉินโม่จะต้องออกจากมณฑลฮ่านหยางไปที่อื่นแล้วแน่นอน ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ส่งเฉินซงจื่อมาไว้ข้างกายหลี่ซู่เฟิน”

“ข่าวลือบอกว่าเขาตายอยู่ที่ทะเลทรายแห่งความตาย จึงมีความเป็นได้ครับ”

ว่านฉางหรูพยักหน้า แสดงออกถึงความเห็นด้วยต่อการวิเคราะห์ของว่านเหวินโยว นิ้วมือเคาะที่โต๊ะเบาๆ นึกคิดถึงการกระทำต่อไป

“พ่อครับ พวกเราคิดจะสู้สุดชีวิตมั้ยครับ?” ในแววตาของว่านเหวินโยวมีไฟลุกโชน นั่นคือไฟแห่งความแค้นที่ถูกเก็บกดมาเนิ่นนาน

ว่านฉางหรูไม่พูดอะไร รอสักพัก ถึงได้เอ่ยพูดว่า “สังเกตการณ์ดูอีกสองวัน คราวนี้ พวกเราต้องเอาชีวิตเป็นเดิมพัน แพ้ไม่ได้!”

“ผมเข้าใจครับ ผมจะไปสืบข่าวดู ดูว่าข้างกายของเจ้านั่น ต่างมีปฏิกิริยาอย่างไรบ้าง”

ว่านเหวินโยวเข็นรถเข็นจากไป

อู่โจว ห้องลับส่วนตัวของเจี่ยจิ้งอาน

ฉู่เหวินสงและเจี่ยจิ้งอานนั่งตรงข้ามกัน ต่างก็มีสีหน้าเคร่งเครียด

“ช่วงนี้มีข่าวลือว่าเฉินไต้ซือตายที่ทะเลทรายแห่งความตายแล้ว เหล่าเจี่ยนายคิดว่ายังไง?” ฉู่เหวินสงถามเสียงเข้ม

เจี่ยจิ้งอานส่ายหัว “พูดจามั่วซั่ว พละกำลังของเฉินไต้ซือ เพียงแค่ทะเลทรายจะสามารถทำอะไรเขาได้งั้นหรอ? จะต้องมีคนจงใจปล่อยข่าวลือแน่นอน!”

ฉู่เหวินสงพยักหน้า “เริ่มแรกฉันก็คิดอย่างนี้เช่นกัน”

“แต่ฉันได้ยินพวกลูกน้องพูดว่าหลังจากเฉินไต้ซือฆ่าตาแก่กงซุนจั่วเสวียนแล้ว ก็เดินทางไปที่ตะวันตกเฉียงเหนือจริงๆ ตอนนี้ผ่านไปเกือบจะยี่สิบวันแล้ว แต่เฉินไต้ซือก็ยังเงียบไร้ข่าวคราว ทำให้รู้สึกกังวลจริงๆ!”

เจี่ยจิ้งอานส่ายหัว สีหน้าเด็ดเดี่ยว “ลูกพี่ฉู่ ผมว่าช่วงนี้พี่ดื่มน้ำพลังชี่ทิพย์จนเสียสติไปแล้วหรือเปล่าครับ? พี่สงสัยในความสามารถของเฉินไต้ซือได้ยังไงกัน? มีเวลาว่างนั้นเอามาคิดว่าจะจัดการยังไงกับศัตรูที่แข็งแกร่งคนนั้นดีกว่าครับ!”

ฉู่เหวินสงแบมือ พูดอย่างจนใจว่า “จะจัดการยังไง? ฉันเคยโทรคุยกับท่านพรตเฉินแล้ว เขาอยู่ปกป้องครอบครัวของเฉินไต้ซือที่ฮ่านหยาง ในคฤหาสน์ทะเลสาบกลับคืนรังเหลือเพียงแค่สองสาวอยู่ แล้วคนธรรมดาอย่างพวกเราจะทำยังไง?”

เจี่ยจิ้งอานนึกคิดแล้วคิดออกแผนหนึ่ง “อย่างนั้นพวกเราโยนปัญหาไปให้คนอื่นดีมั้ยครับ ให้เขาไปที่ฮ่านหยาง ถึงตอนนั้นแล้วก็สามารถให้ท่านพรตเฉินกำจัดมันทิ้ง!”

ฉู่เหวินสงถลึงตาใส่เจี่ยจิ้งอาน ด่าทอว่า “เหล่าเจี่ย ฉันแกต่างหากที่เสียสติไปแล้ว นายไม่คิดดูละว่าถ้าหากท่านพรตเฉินสู้ไม่ได้ แล้วคนนั้นทำร้ายครอบครัวของเฉินไต้ซือ เมื่อเฉินไต้ซือกลับมาแล้วไม่ถลกหนังแกทิ้งก็บ้าแล้ว!”

เจี่ยจิ้งอานเหมือนคิดได้ถึงผลลัพธ์ จึงตกใจกลัวจนเหงื่อแตก แล้วพูดอย่างระมัดระวังว่า “แล้วจะทำยังไงดีละครับ?”

“ทำยังไง? รอดไปก่อนสิ!” ฉู่เหวินสงสีหน้าจนใจ “พวกเราทำตามสิ่งที่คนนั้นสั่งซะดีๆ รักษาชีวิตไว้สำคัญที่สุด แล้วรอเฉินไต้ซือกลับมาซะ!”

เจี่ยจิ้งอานถอนหายใจ “ก็ทำได้แค่นี้แล้วละครับ!”

สามวันผ่านไป ฉินกวนไห่มายังคฤหาสน์ของฉู่เหวินสงอีกครั้ง

พวกผู้มีอิทธิพลที่รออยู่ที่นี่แล้ว ต่างก็ได้รับการเตือนจากฉู่เหวินสงล่วงหน้า ว่าให้เคารพยอดฝีมือลึกลับคนนี้ แล้วพยายามยื้อเวลา รอให้เฉินโม่กลับมา

ฉู่เหวินสงยิ้มแย้มพูดด้วยสีหน้าประจบว่า “ท่านไต้ซือครับ ผมรวบรวมคนมาให้ครบแล้วครับ ไม่ทราบว่าท่านมีคำสั่งอะไรครับ?”

ฉินกวนไห่กวาดมองทุกคน สีหน้ามีความดูถูกเหยียดหยาม “พวกแกเป็นลูกน้องของเฉินไต้ซือ? หึ ก็แค่เท่านี้ ดูแล้วเฉินไต้ซือคนนี้มันก็แค่มีแต่ชื่อเสียงเท่านั้น!”

พวกผู้มีอิทธิพลสีหน้าละอายใจ แอบด่าฉินกวนไห่ในใจว่าช่างยโสโอหังสิ้นดี ขณะเดียวกันต่างก็รอคอยให้เฉินโม่รีบกลับมา และจัดการกับฉินกวนไห่ซะ