ตอนที่ 386 เจอหน้ากัน
ตอนที่ 386 เจอหน้ากัน
เย่ฉูฉู่นำสมุดเล่มเล็กมาจด ท้ายที่สุดจึงพูดเรื่องที่เฮ่อซงจือฝากโจวหมิ่นซื้อนมผง
คุณแม่เย่ถอนหายใจ “นมผงนั่นจะสู้นมแม่ได้เหรอ! หล่อนไม่นึกถึงตัวเองก็ควรจะนึกถึงลูก จะคิดมากขนาดนั้นไปทำไม ไม่อยากอยู่ด้วยกันก็แยกบ้านออกมา อยากให้แม่สามีช่วยเหลือ แต่ก็ไม่อยากได้รับความอยุติธรรม มันมีเรื่องดี ๆ แบบนั้นซะที่ไหน! คิดไปคิดมาจนน้ำนมหดหมด ลูกต้องทุกข์ทรมานมากขนาดไหน!”
เย่ฉูฉู่ถอนหายใจ “แม่คะ คนเราไม่เหมือนกันนะคะ แม่อย่าโกรธเลยค่ะ”
“แม่จะโกรธอะไรล่ะ แม่ก็แค่พูดให้ฟัง” คุณแม่เย่ตอบ “แกก็อย่าไปเอาอย่างซงจือนะ ใจกว้างหน่อย ควรกินก็กินควรนอนก็นอน อย่าเอาแต่คิดนู่นคิดนี่ ชีวิตคนเรามีเรื่องเยอะแยะ ถ้าไม่อยากให้มีปัญหาอะไรเลยก็ต้องตายเท่านั้นแหละ!”
“แม่ ดูพูดเข้าสิ!” เย่ฉูฉู่บ่น “ตอนนี้ชีวิตของฉันสุขสบายดี ไม่มีปัญหาอะไรทั้งนั้นแหละค่ะ!”
“งั้นก็ดี ฉูฉู่ ชีวิตคนเรามันก็เป็นไปตามธรรมชาตินั่นแหละ ถ้าคิดดีชีวิตก็ต้องดีอยู่แล้ว แต่ถ้าคิดไม่ดีชีวิตก็จะไม่ดี”
คุณแม่เย่ได้ฟังเรื่องของเฮ่อซงจือแล้วก็อดเป็นห่วงลูกสาวไม่ได้ หลังจากบ่นอยู่ครู่หนึ่งก็วางสายไป
เย่ฉูฉู่ถอนหายใจลากยาว แอบรำพึงในใจว่า ค่านมผงของเฮ่อซงจือคงไม่แพงเท่ากับค่าโทรศัพท์ที่คุยกันหรอก!
ทางฝั่งคุณแม่เย่ นางได้คุยกับโจวหมิ่นและเย่หมิงเป่ยเกี่ยวกับเรื่องที่เฮ่อซงจืออยากซื้อนมผง
เย่หมิงเป่ยหันมามองโจวหมิ่น เป็นเพราะลูกสาวไม่ได้กินนมผง เขาจึงไม่เข้าใจเกี่ยวกับสิ่งนี้
แม้โจวหมิ่นจะรู้สึกลำบากใจ แต่ก็ตอบไปว่า “ฉันขอไปถามดูก่อนนะคะ”
คุณแม่เย่ตอบ “นมผงแพงมากเลยใช่ไหม?”
“นมผงดี ๆ ราคาแพงมากค่ะ” โจวหมิ่นตอบ “อีกอย่าง ฉันก็ไม่รู้ด้วยว่าลูกของซงจือจะชอบนมผงที่ฉันเลือกหรือเปล่า ถ้าไม่ชอบก็คงเสียเงินฟรี ๆ”
นมผงดี ๆ ไม่ใช่ทำมาเพื่อให้อร่อย แต่เพื่อความปลอดภัย บางครั้งของบางอย่างก็ไม่อาจซื้อได้แม้จะซื้อด้วยราคาสูงขนาดไหนก็ตาม
“นมผงต่างกันด้วยเหรอ? แม่นึกว่าเหมือนกันซะอีก” คุณแม่เย่เริ่มพูดพล่ามเกี่ยวกับเฮ่อซงจืออีกยกหนึ่ง
“แม่คะ การที่น้ำนมหมดก็อาจจะเกี่ยวข้องกับร่างกายส่วนบุคคล” โจวหมิ่นตอบ “ไม่ได้เป็นเพราะคิดมากเสียทีเดียวหรอกค่ะ”
คุณแม่เย่ “ตอนแม่คลอดหมิงเป่ยกับลูกคนอื่น ๆ แม่ก็มีน้ำนมตลอด ถ้าไม่มีน้ำนม ก็คงไม่รอดมาจนถึงตอนนี้ ไม่มีนมผงอะไรทั้งนั้นแหละ!”
คุณป้ายิ้ม “นั่นน่ะสิ ตอนนั้นเราไม่มีเงินซื้อนมผงกันหรอก ตอนนี้ชีวิตดีจริง ๆ เด็กในชนบทมีนมผงกินแล้ว”
“หลังจากนี้จะดียิ่งกว่านี้อีกค่ะ” โจวหมิ่นกล่าวเคล้ารอยยิ้ม
คุณแม่เย่เอ่ย “หมินหมิ่น เธอเองก็อย่าทำงานให้เหนื่อยเกินไป ตอนนี้ลูกยังกินนมอยู่นะ ถ้าเหนื่อยจนน้ำนมหดจะทำยังไง”
“แม่ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ หลังจากเสร็จงานแฟชั่นโชว์นี้ฉันก็ได้พักผ่อนแล้ว ส่วนเรื่องที่เหลือก็มอบหมายให้หมิงเป่ยทำ” โจวหมิ่นตอบ
“งั้นก็ดี” คุณแม่เย่ถามอีกครั้ง “อีกนานแค่ไหนล่ะ?”
“วันมะรืนค่ะ”
ประสบการณ์ในการตกแต่งและเตรียมตัวเกือบสองเดือน ในที่สุดก็จะได้เห็นผลลัพธ์แล้ว โจวหมิ่นตั้งตารอคอยเป็นอย่างมาก
วันนี้คุณเฉิงก็กลับมาหลังจากเดินทางไปต่างจังหวัดแล้วเช่นกัน เย่หมิงเป่ยได้ส่งบัตรเชิญให้หล่อนตามมารยาท ในคืนนั้นคุณเฉิงก็เดินทางมาตามที่นัดไว้ และนี่เป็นครั้งแรกที่หล่อนได้เจอกับโจวหมิ่น
“นี่คือคุณเฉิง ส่วนนี่โจวหมิ่นภรรยาผมครับ” เย่หมิงเป่ยแนะนำทั้งสองคนให้รู้จักกัน
โจวหมิ่นมองคุณเฉิง หล่อนมีรูปร่างสูงผอม แต่งหน้างดงาม สวมใส่เสื้อผ้าแฟชั่น สามารถบอกได้คำเดียวว่า สวย !
“คุณเฉิงสวยจริง ๆ ค่ะ!” โจวหมิ่นกล่าวชม
คุณเฉิงรีบถ่อมตัว “คุณเกรงใจกันเกินไปแล้ว คุณโจวก็ออร่าจับมากจริง ๆ ค่ะ!”
โจวหมิ่นยิ้ม “อย่าเรียกฉันแบบนี้เลยค่ะ คุณเรียกฉันว่าโจวหมิ่นก็พอ หรือจะเรียกฉันว่าพี่โจวก็ได้ ไม่ต้องเรียกคุณหรอก”
คุณเฉิงรีบกล่าว “งั้นฉันเรียกว่าพี่โจวก็แล้วกันนะคะ ก่อนหน้านี้ฉันออกไปทำงานต่างจังหวัด เพิ่งกลับมาถึงเมื่อวานนี้เอง ได้รับบัตรเชิญเข้างานแฟชั่นโชว์ของพวกพี่ก็เลยมาที่นี่เลย”
“เธอมาชมงานแฟชั่นโชว์ของฉันก็นับว่าเป็นเกียรติอย่างมากแล้ว หวังว่าเธอจะชอบนะ!” โจวหมิ่นกล่าว
“ฉันต้องชอบอยู่แล้ว ฉันชอบเสื้อผ้าร้านพี่โจวทุกตัวเลย น่าเสียดายที่ฉันไม่มีปัญญาซื้อ” คุณเฉิงพูดทีเล่นทีจริงด้วยรอยยิ้ม
โจวหมิ่นพูดอย่างกระตือรือร้นว่า “เธอชอบตัวไหนล่ะ กลับไปฉันจะส่งไปให้เธอหนึ่งชุด!”
“จริงเหรอคะ? เยี่ยมไปเลย!” คุณเฉิงพูดด้วยความดีใจ “พี่โจว พี่จะไม่เสียใจในภายหลังใช่ไหมคะ”
โจวหมิ่นตอบ “ฉันจะเสียใจในภายหลังได้ยังไง เธอสวยขนาดนี้ รูปร่างก็ดีขนาดนี้ ยินดีมาเป็นนางแบบให้ฉันฟรี ๆ ฉันนี่แหละที่เป็นคนได้เปรียบ!”
โจวหมิ่นพูดชมแบบนี้ทำเอาคุณเฉิงถึงกับหน้าแดงด้วยความดีใจ ทุกคนต่างก็ชอบถูกชม โดยเฉพาะคนแบบคุณเฉิง
เย่หมิงเป่ยยืนอยู่ข้าง ๆ มองทั้งคู่พูดคุยกันด้วยรอยยิ้ม สนิทสนมกันราวกับเป็นพี่น้องก็ถึงกับแอบเดาะลิ้นในใจ ความสามารถแบบนี้ต่อให้เขาอยากเรียนก็คงเรียนไม่ไหว ทว่าโจวหมิ่นกลับทำได้อย่างสบาย ๆ
เขายืนอยู่ตรงนี้ราวกับเป็นแค่ส่วนเกิน เป็นเพราะมีธุระต้องทำพอดี จึงอ้างว่าจะไปทำธุระก่อน
โจวหมิ่นอยู่คุยกับคุณเฉิงอีกครู่หนึ่ง ก็ขอตัวไปทำงานต่อ
คุณเฉิงมองแผ่นหลังของโจวหมิ่น ความเกลียดชังที่อธิบายไม่ได้ก่อนหน้านี้ได้หายไปตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบได้ หลังจากได้เห็นแฟชั่นโชว์ก็ยิ่งทำให้หล่อนถึงกับทึ่งครั้งแล้วครั้งเล่า ชอบเกินไปแล้ว หล่อนชอบทุกชุดเลย! ถูกต้อง โจวหมิ่นบอกว่าจะให้ชุดหล่อนหนึ่งชุดด้วย หล่อนควรจะขอชุดแบบไหนดีนะ?
ตอนนี้สมองของเธอเต็มไปด้วยเสื้อผ้า
การจัดแฟชั่นโชว์ในครั้งนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก หลังจากจบงาน โจวหมิ่นก็ซื้อแชมเปญมาหนึ่งขวดเพื่อดื่มฉลองกับเย่หมิงเป่ยและพนักงานทุกคน จากนั้นก็เหลือเย่หมิงเป่ยไว้ที่งาน ส่วนตนเองขอกลับบ้านก่อน ก่อนหน้านี้หล่อนกลับไปให้นมลูกมารอบหนึ่งแล้ว จากนั้นจึงโบกรถกลับมาที่นี่ ตอนนี้เป็นเวลาเช้ามืดแล้ว หล่อนก็ควรจะกลับบ้านได้แล้ว
เย่หมิงเป่ยยังกลับไม่ได้ เพราะเขายังต้องพาพนักงานไปเก็บกวาดงาน รวมถึงจัดเตรียมงานติดตามผล ถึงอย่างไรสิ่งที่สำคัญก็อยู่หลังจากนี้ต่างหากล่ะ
เสี่ยวหม่าเหนื่อยจนสายตัวแทบขาดแล้ว เขานั่งจิบแชมเปญคำเล็ก ๆ มองดูนายแบบคนอื่น ๆ ที่ชิมแค่คำเล็ก ๆ เช่นกัน เขารู้สึกได้ว่านายแบบคือคนที่น่าสงสารที่สุดของแฟชั่น จะกินจะดื่มก็ยังถูกจำกัด ชีวิตคนเรายังจะมีอะไรให้น่าสนใจอีก?
เขาเงยหน้าขึ้น 45 องศาด้วยท่าทางเศร้าสร้อย จากนั้นก็เห็นว่าคุณเฉิงกำลังคุยกับเย่หมิงเป่ย ทั้งยังยิ้มหน้าระรื่น เขาหันซ้ายมองขวากลับไม่เห็นโจวหมิ่น จู่ ๆ หัวใจของเขาก็เริ่มเต้นอย่างยุ่งเหยิง พวกเขาคงไม่ได้…
เขาหมดอารมณ์เศร้าสร้อยในทันที
คุณเฉิงกำลังคุยกับเย่หมิงเป่ยเรื่องของโจวหมิ่นอยู่
“ภรรยาของคุณสวยมากจริง ๆ ค่ะ!” คุณเฉิงชื่นชม
เย่หมิงเป่ยหัวเราะตอบกลับไปด้วยความเกรงใจ “คุณเฉิงก็สวยมากเหมือนกันครับ”
“จะพูดยังไงดีล่ะคะ พี่โจวออร่าจับเป็นพิเศษเลย ถึงอย่างไรก็เป็นนักศึกษา ฉันไม่เหมือนกับพี่เขาหรอก ทุกคนต่างก็พูดกันว่า ทั้งตัวฉันมีแต่กลิ่นเหรียญทองแดง [1]!”
เย่หมิงเป่ยพูดเคล้ารอยยิ้ม “กลิ่นเหรียญทองแดงแล้วยังไงล่ะ นั่นก็หมายความว่าคุณเฉิงเป็นคนรวยไม่ใช่เหรอครับ?”
คุณเฉิงยิ้ม “คุณอย่ามาแซวฉันเลยค่ะ ได้มายืนอยู่ตรงหน้าเถ้าแก่ใหญ่แบบคุณ พนักงานเล็ก ๆ แบบฉันเทียบไม่ติดเลย!”
เย่หมิงเป่ยกำลังจะตอบกลับไปแบบขอไปทีเพื่อขอตัว จู่ ๆ คุณเฉิงก็พูดขึ้นว่า “ฉันมีบางอย่างอยากจะบอกคุณมาโดยมาโดยตลอด”
“เรื่องอะไรครับ?”
“หน้าตาของคุณคล้ายกับเถ้าแก่ของฉันมากเลยค่ะ” คุณเฉิงมองเย่หมิงเป่ย คล้ายกับกำลังมองใครอีกคน
เย่หมิงเป่ยชะงัก “เถ้าแก่…ของคุณ?”
“ใช่ค่ะ เขาเป็นเจ้าของตึกนี้ นอกจากตึกนี้แล้วยังมีสถานที่แห่งอื่นและอุตสาหกรรมอื่น ๆ ด้วย เพียงแต่ระดับของฉันต่ำเกินไป จึงไม่ได้รู้เรื่องนี้ชัดเจนเท่าไรนัก” คุณเฉิงกล่าว “แต่ฉันเคยเห็นเขาในการประชุมประจำปี จริง ๆ นะคะ หน้าตาของพวกคุณคล้ายกันมากเลย!”
เย่หมิงเป่ยประหลาดใจ “เถ้าแก่ของพวกคุณอายุเท่าไรเหรอครับ?”
………………………………………………………………………………………………………………………..
[1] เหม็นกลิ่นเหรียญทองแดง (铜臭气) ไว้ใช้เสียดสีคนที่เห็นแก่เงิน
สารจากผู้แปล
เจอหน้ากันแล้ว น่าจะสบายใจได้ระดับหนึ่งแล้วล่ะว่าคงไม่มีอะไรในกอไผ่
เย่หมิงเป่ยมีแฝดงั้นเหรอ?
ไหหม่า(海馬)