ความจริงแล้วเหยาลู่รู้สึกเจ็บปวดมากในครั้งแรก แต่แล้วกลับเปลี่ยนเป็นสดชื่น และสุขสันต์จนไม่อาจอธิบายออกมาได้
หลิงหยุนไม่ปล่อยให้เหยาลู่ต้องเจ็บปวดอยู่นาน เขาใช้ยันต์บำบัดระดับสี่ช่วยรักษาอาการเจ็บปวดให้ในทันที!
ยันต์บำบัดระดับสี่ของหลิงหยุนนั้น หากใช้กับอาการบาดเจ็บ หรืออาการบวมเล็กๆน้อยๆเช่นนี้ ย่อมให้ผลที่อัศจรรย์อย่างน่าเหลือเชื่อ หลังจากที่หายดีแล้ว เหยาลู่ก็เริ่มสงครามรักครั้งใหม่กับหลิงหยุน และยิ่งทำสงครามมากครั้ง เธอก็ยิ่งใจกล้า และสามารถคิดหาวิธีปรนนิบัติหลิงหยุนได้มากขึ้น
สงครามกามารมณ์ระหว่างหลิงหยุนกับเหยาลู่ดำเนินอยู่นานถึงสองชั่วโมง จนกระทั่งเวลา 8.30 นาฬิกา หลังจากที่ฝนเริ่มหยุดตกแล้ว หลิงหยุนก็ปล่อยร่างของเหยาลู่ที่ได้รับความสุขเข้าไปจนอิ่มเอม..
ผ่านไปครู่ใหญ่ หลิงหยุนจึงลุกขึ้นยืนมองร่างของเหยาลู่ที่นอนหมดเรี่ยวแรงไม่สามารถขยับเขยื้อนได้อยู่บนเตียง แล้วจึงพูดขึ้นยิ้มๆ
“ที่รัก.. สองวันนี้คุณไม่ต้องไปที่คลินิกนะ อยู่ที่บ้านพักผ่อน..”
หลังจากนั้นหลิงหยุนก็เดินตรงเข้าไปในห้องน้ำ เขาจัดการอาบน้ำทำความสะอาดเนื้อตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ แล้วเดินไปร่ำลาเหยาลู่ที่เตียงก่อนจะเดินออกจากบ้านไป
แม้ว่าฝนจะไม่ตกลงมาแล้ว แต่ท้องฟ้าก็ยังคงอึมครึม เช้านี้พระอาทิตย์ดูเหมือนจะเกียจคร้าน จึงไม่ส่องแสงเจิดจ้าลงมาบนผืนโลกเหมือนเช่นเคย
หลิงหยุนเดินออกไปอย่างไม่รีบร้อน ระหว่างทางก็ได้โทรหาถังเมิ่งไปด้วย
“นายตื่นหรือยัง? ถ้านอนพอแล้วก็มารับฉันที่หมู่บ้านของเหยาลู่ด้วย ฉันเพิ่งจะออกมาจากบ้าน..”
แน่นอนว่าถังเมิ่งไม่ปล่อยให้หลิงหยุนรอนาน เขามาถึงภายในเวลาอันรวดเร็วและเพียงแค่สิบนาที รถฮัมเมอร์ก็มาจอดอยู่ด้านหน้าของหลิงหยุน
ถังเมิ่งลงจากรถมา.. และเพียงแค่เห็นแววตาที่มีความสุขกับใบหน้าที่สดใสของหลิงหยุน เขาก็พอจะเดาออกว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น? ถังเมิ่งขยิบตาให้หลิงหยุนพร้อมกับยิ้มมุมปาก ก่อนจะพูดหยอกเย้าหลิงหยุนไปว่า
“พี่หยุน.. เมื่อวานพี่คงจะตั้งหน้าตั้งตารอให้ฟ้ามืดเร็วๆสินะ!”
หลิงหยุนยกมือขึ้นเขกหัวถังเมิ่งอย่างแรง “สู่รู้! นี่ฉันว่าเด็กอย่างนาย วันใหนไม่โดนซ้อม คงจะรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวสินะ!”
แล้วทั้งคู่ต่างก็เดินหัวเราะไปขึ้นรถ จากนั้นถังเมิ่งก็ขับรถมุ่งหน้าออกจากหมู่บ้านทันที
“ พี่หยุน.. เมื่อวานความสามารถของพี่ทั้งน่าทึ่งแล้วก็มหัศจรรย์มากเลย! ตอนนี้ผู้คนทั่วทั้งจิงฉูต่างก็พากันร่ำลือถึงความสามารถด้านการแพทย์ของพี่ ทุกคนในเมืองต่างก็พากันเรียกพี่ว่าหมอเทวดกันไปหมด!”
หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับไปอย่างไม่ใส่ใจนัก “ฉันไม่ได้ทำอะไรมากมาย.. เมื่อว่านเป็นเพียงเหตุสุดวิสัย! นายยังจำหญิงสาวที่ขับรถ Spyker บนถนนไฮเวย์ระหว่างทางที่พวกเรากลับจากเหวินโจวได้มั๊ย? เป็นนางที่สร้างปัญหาขึ้นเมื่อวานนี้..”
ถังเมิ่งถึงกับร้องออกมาด้วยความตกใจ “ห๊ะ..! ผู้หญิงคนนั้นโผล่มาอีกแล้วเหรอ? นี่คุณเธอต้องการอะไรกันแน่?!”
มีหรือที่ถังเมิ่งจะไม่รู้สึกหวาดกลัว..! ในเมื่อวันนั้นคนขององค์กรนักฆ่าต่างการพากันขับรถมาล้อมรถของพวกเขาไว้ และวันนั้นก็นับว่าเป็นวันแห่งความเป็นความตายของพวกเขาวันหนึ่งก็ว่าได้..
น้ำเสียงของหลิงหยุนเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันเล็กน้อยพร้อมกับตอบไปว่า
“ตอนนี้เสี่ยวเม่ยเม่ยอยู่ในมือของนาง นางไม่ธรรมดาเลย! ฉันคาดว่าอีกไม่นานองค์กรนักฆ่าคงต้องกลายเป็นศัตรูของฉันอย่างเป็นทางการ!”
ในองค์กรนักฆ่ามีราชันย์นักฆ่าซึ่งอยู่ในขั้นเซียงเทียน-7 อยู่หลายคน จึงไม่ต้องพูดถึงนักฆ่าระดับสวรรค์ที่มีอยู่มากมายในองค์กรนี้ หากหลิงหยุนยังไม่เข้าสู่ระดับกลางของขั้นพลังชี่ และอาจหาญบุกเข้าไปมือเปล่า ก็คงยากที่จะหนีเอาชีวิตรอดออกมาได้
แต่ถึงกระนั้นหลิงหยุนก็ไม่ได้รู้สึกกังวลอะไรมากนัก เพราะในเวลานี้เขาได้เข้าสู่ขั้นปรับร่างกาย-8 แล้ว แม้ว่าจะยังไม่เข้าสู่ระดับกลางของขั้นพลังชี่ แต่จากการประเมินด้วยตนเอง หลิงหยุนเชื่อมั่นว่าด้วยตัวช่วยมากมายที่เขามี เขาจะสามารถหนีเอาตัวรอดออกมาได้
“ตอนนี้เสี่ยวเม่ยเม่ยอยู่ในมือของพวกมัน? แย่แล้ว.. นี่พี่คงจะเจอปัญหาใหญ่สินะ?”
ถังเมิ่งได้ฟังถึงกับตกใจหนักขึ้นไปอีก สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวลใจอย่างที่สุด
“นายไม่ต้องกังวลไป.. ดูแล้วอีกฝ่ายก็ไม่ได้ดุร้ายมากนัก ตอนนี้เสี่ยวเม่ยเม่ยยังปลอดภัยดี แต่ที่ฉันต้องทำในตอนนี้ก็คือต้องหาให้พบว่าเสี่ยวเม่ยเม่ยถูกจับตัวไปไว้ที่ใหนเสียก่อน แล้วค่อยหาทางช่วยเธอออกมา!”
หลิงหยุนรีบพูดให้ถังเมิ่งคลายกังวลในทันที เพราะตอนนี้เขาเปรียบเสมือนเสาหลักของทุกคน จึงไม่สามารถแสดงความวิตกกังวล หรือความกระวนกระวายใจออกมาให้ใครเห็นได้
“ส่วนรถที่นำกลับมาจากถนนไฮเวย์ในวันนั้น ตอนนี้นายก็เอาไปขับได้อย่างสบายใจหายห่วง! อ่อ.. นายจัดการให้หลิงยู่กับเหยาลู่ไปเรียนขับรถให้เป็นโดยเร็วที่สุด เรื่องเล็กๆน้อยๆพวกนี้ฉันจะปล่อยให้นายเป็นคนจัดการ!”
ถังเมิ่งพยักหน้าอย่างเข้าใจ แต่แล้วสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นตื่นเต้นอย่างมากขณะที่พูดออกไปว่า
“พี่หยุน.. เมื่อวานพี่ได้รับของขวัญมากมายมหาศาลเลย..!”
แทบไม่ต้องพูดถึง ตอนนี้หลิงหยุนมีเงินกว่าหนึ่งพันแปดร้อยล้านหยวน ซึ่งเป็นเงินก้อนโต และเตะตาถังเมิ่งผู้ซึ่งรักการทำธุรกิจเป็นชีวิตจิตใจ
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หลิงหยุนก็เรียกเช็คทั้งหมดที่อยู่ในแหวนพื้นที่ออกมา แล้วบอกกับถังเมิ่งว่า
“พวกเราไปที่ธนาคารจัดการนำเช็คพวกนี้ไปเข้าบัญชี ICBC ให้เรียบร้อยก่อน แล้วอย่าลืมซื้อสมุดเช็คให้ฉันด้วย”
“ได้เลยพี่หยุน!”
ถังเมิ่งตื่นเต้นอย่างมาก เขารีบเหยียบรถฮัมเมอร์ออกไปอย่างรวดเร็ว..
หลิงหยุนกับถังเมิ่งจัดการทำธุรกรรมทุกอย่างเสร็จสิ้นในเวลาสิบโมงเช้า และตอนนี้เงินในบัญชี ICBC ของหลิงหยุนก็มีเงินอยู่ถึงหนึ่งพันแปดร้อยล้าน และได้สมุดเช็คของธนาคาร ICBC มาด้วยเช่นกัน
“เช็คพวกนี้สามารถใช้แทนเงินได้ก็จริง แต่ก็ไม่น่าไว้ใจนัก..”
หลิงหยุนสะบัดสมุดเช็คสองสามเล่มในมือพร้อมกับส่ายหน้า ในความคิดของหลิงหยุนนั้น ระหว่างธนบัตรบนโลกใบนี้กับทรัพยากรธรรมชาติ เขาเลือกที่จะเชื่อถือทรัพยากรธรรมชาติมากกว่า
ไม่เช่นนั้น.. เขาคงนำทองคำทั้งหกแท่งออกมาแลกเปลี่ยนเป็นเงินกับทางธนาคารไปแล้ว แต่เขาไม่เคยคิดที่จะทำเช่นนั้น!
ถังเมิ่งหัวเราะพร้อมกับตบไหล่หลิงหยุนเบาๆ “นี่พี่หยุน.. ธนาคารอื่นๆในประเทศนี้อาจล้มได้ แต่ต้องไม่ใช่ธนาคาร ICBC แน่นอน! ไม่มีทางเป็นไปได้.. ฉันรับรอง!”
ICBC นั้นเป็นการร่วมทุนระหว่างสี่ธนาคารหลัก อีกทั้งหุ้น ICBC ก็ขึ้นมาตลอดแม้แต่ในเวลาที่หุ้นอื่นๆร่วงกันระนาว
“เมื่อวานได้รับซองแดงมาเท่าไหร่ นายจัดการนับแล้วใช่มั๊ย?”
แม้ตอนนี้หลิงหยุนจะมีเงินทองมากมายอยู่ในมือ แต่เขาก็ไม่มีทางปล่อยเงินเล็กๆน้อยๆไปเช่นกัน
ถังเมิ่งหัวเราะพร้อมกับบอกไปอย่างดีใจ “เก้าล้านเก้าแสนเจ็ดหมื่นหยวน ขาดอีกแค่สามหมื่นก็จะครบสิบล้าน!”
“เงินจำนวนนี้นายจัดการเอาเข้าบัญชีคลินิกสามัญชน ปล่อยให้เหยาลู่เป็นคนบริหารจัดการกับเงินก้อนนี้ นายไม่ต้องยุ่ง!”
คลินิกสามัญชนมีค่าใช้จ่ายมากมาย หลิงหยุนจึงสั่งให้ถังเมิ่งเอาเงินก้อนนี้เข้าบัญชีคลินิก แต่ความจริงแล้ว.. เขาต้องการให้เหยาลู่ไว้เป็นเงินสำหรับใช้จ่าย
แต่หลิงหยุนก็อดที่จะแปลกใจไม่ได้ว่า แขกราวสองร้อยคน แต่เหตุใดซองแดงที่ได้รับจึงมียอดเงินมากมายเช่นนี้ เขาจึงได้แต่ถามถังเมิ่งด้วยความสงสัย
“ทำไมยอดเงินถึงได้สูงขนาดนี้?”
ถังเมิ่งยิ้มและอธิบายว่า “พี่จำสหายอาวุโสของลุงเสี่ยวห้าคนไม่ได้หรือยังไง? แต่ละคนก็ใส่ซองมาซองละหนึ่งล้านแล้ว และซ่งเจิ้งหยางคนเดียวก็สองล้านแล้ว นี่ก็รวมเป็นเจ็ดล้านแล้ว..”
หลิงหยุนพยักหน้า และได้แต่คิดในใจว่าเขาคงต้องหาเวลาไปเยี่ยมเยียนสหายของท่านหมอเสี่ยวบ้าง เมื่อวานเขาเองก็ยุ่งมากจึงไม่มีเวลาได้พูดคุยกับอาวุโสเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย
“ซ่งเจิ้งหยางคนเดียวให้ถึงสองล้านเชียวรึ..?” หลิงหยุนพึมพำยิ้มๆ
ถังเมิ่งตอบไปว่า “พี่หยุน.. แต่ฉันว่าหลังจากที่ซ่งเจิ้งหยางเห็นความสามารถที่น่าทึ่งของพี่เมื่อวานนี้ เขาคงรู้สึกเสียใจที่ใส่ซองน้อยไปแน่..”
หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อย “สองล้านก็นับว่าเยอะมากแล้ว ไว้มีโอกาสเราคงต้องแวะไปเยี่ยมเยียนเขาเหมือนกัน!”
เมื่อถังเมิ่งได้ยินเช่นนั้น ก็รีบร้องออกมาอย่างดีใจ “พี่หยุน.. พี่หมายความว่าเราะจะไปที่ตลาดค้าของเก่าใช่มั๊ย?”
หลิงหยุนเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อยแล้วตอบไปว่า “นี่.. นายแค่อ้าปากฉันก็เห็นลิ้นไก่นายแล้ว! ตอนนี้ฉันมีเงินตั้งหนึ่งพันแปดร้อยล้านอยู่ในบัญชี จะลองเล่นพนันหน่อยก็ไม่น่าเสียหาย!”
ครั้งก่อนที่หลิงหยุนกับถังเมิ่งไปที่ตลาดค้าของเก่านั้น พวกเขาก็เดินสำรวจตลาดค้าของเก่าอยู่ครู่หนึ่ง แต่ครั้งนี้หลิงหยุนต้องการไปดูดซับเอาพลังชีวิตจากตลาดค้าของเก่าด้วย
“พี่หยุนนี่รู้ใจฉันสุดๆไปเลย! ” rch ถังเมิ่งร้องตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้นดีใจ
“กลับบ้านกันก่อน.. หลิงยู่ส่งข้อความมาให้ฉันหลายข้อความแล้ว ถ้าขืนไม่กลับไป ฉันคงถูกน้าหญิงงาบหัวแน่!”
เมื่อหลิงหยุนกลับไปถึงบ้านเลขที่-1 หลินเมิ่งหานและหลงหวู่ต่างก็ออกไปข้างนอกแล้ว ภายในบ้านจึงเหลือเพียงสาวงามแค่ห้าคน
“นี่เด็กดื้อ.. เจ้าฟื้นตัวดีแล้วรึ?!” นี่คือประโยคแรกที่ฉินตงเฉี่วยถามขึ้นหลังจากที่เห็นหน้าหลิงหยุน
“น้าหญิง.. ข้าดีขึ้นเจ็ดส่วนแล้ว หากต้องการให้กำลังภายในฟื้นคืนเต็มที่เหมือนเดิมก็ต้องรักษาตัวต่ออีกครึ่งเดือน..”
หลิงหยุนบบอกไปเช่นนั้นเพราะว่าอีกสองเดือนก็จจะสอบเทนทรานซ์แล้ว ถึงเวลานั้นฉินตงเฉี่วยก็ยุ่งอยู่กับการฝึกฝน นางคงจะลืมเรื่องราวเมื่อวานนี้ไปหมดแล้ว
“อืมม.. อาการพวกนี้ก็เป็นแบบนี้ล่ะ การจะฟื้นฟูกำลังต้องอาศัยเวลา จะรีบร้อนนักไม่ได้ ค่อยๆเป็นค่อยๆไปล่ะ..”
ใบหน้างดงามของฉินตงเฉี่วยปรากฏร่องรอยเศร้าสร้อยในขณะที่ปลอบปะโลมโยนหลิงหยุนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“น้าหญิง.. ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ข้ายังไม่ได้กินอะไรเลย ตอนนี้ข้าหิวมาก!”
หลิงหยุนเกรงว่าฉินตงเฉี่วยจะจับได้ จึงรีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันที
หนิงหลิงยู่ได้เตรียมอาหารไว้ให้กับหลิงหยุนแล้ว และนี่ก็ใกล้เที่ยง ถังเมิ่งเองก็หิวเช่นกัน ชายหนุ่มทั้งสองคนต่างก็ก้มหน้าก้มตากินอาหารที่หนิงหลิงยู่ทำอย่างเอร็ดอร่อย
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ หลิงหยุนก็นั่งคุยกับบรรดาสาวงามต่ออีกครู่หนึ่ง หลิงหยุนจึงทราบข่าวว่าเหล่ากุ่ยมาที่บ้านตั้งแต่เช้าแล้ว และเมื่อเห็นว่าหลิงหยุนไม่อยู่ เขาก็รีบกลับออกไปทันที และจะกลับมาหาหลิงหยุนใหม่วันหลัง
หลิงหยุนเข้าใจดี ตอนนี้บ้านของเขามีหญิงสาวอยู่มากมาย เหล่ากุ่ยจึงไม่สะดวกที่อยู่นาน
“น้าหญิง.. หลิงยู่.. เหล่ากุ่ยเป็เหมือนญาติผู้ใหญ่ที่ข้าเคารพ ข้าคงต้องออกไปพบเขาก่อน..”
หลิงหยุนลุกขึ้นยืนบอกกับฉินตงเฉี่ยว แต่คิดไม่ถึงว่านางจะยิ้มออกมาอย่างเศร้าสร้อย หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ฉินตงเฉี่วยก็เดินนำหลิงหยุนไปคุยที่สวนหน้าบ้านตามลำพัง
“หลิงหยุน.. ข้ามีบางอย่างต้องถามเจ้า แต่เจ้าต้องตอบข้าตามความจริง!”
————————
หมายเหตุ – บทก่อนหน้านี้ผู้แปลพิมพ์ชื่อศัลยแพทย์ชายผิดเป็นซ่งเจิ้งหยาง แต่ได้กลับไปแก้ไขเป็นจงจิ้งเฉินแล้วนะคะ