ตอนที่ 261 ดูท่าที

บุตรอสูรบรรพกาล

บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 261 ดูท่าที

 

“หลานชาย เจ้ามีนามว่าอะไร”องค์จักรพรรดิถามขึ้นหลังจากขุนนางคนอื่นๆเดินทางออกจากท้องพระโรงไปแล้ว

 

“ชินอี้ขอรับ”ไป๋จูเหวินตอบด้วยชื่อที่บิดามันตั้งให้ตั้งแต่แรก เพียงแต่มันไม่คิดจะใช้ชื่อนี้ไปตลอดเพราะมันคุ้นเคยกับชื่อเดิมและชื่อเดิมก็เป็นชื่อที่ท่านน้าและท่านแม่ขอ งมันตั้งให้ มันจะใช้ทั้งชื่อไป๋จูเหวินและชินอี้ไปพร้อมๆกันแบบนี้เสียเลย

 

“อืม…บอกตรงๆนะหลานชินอี้ ตลอดมามีผู้พยายามอ้างตัวเป็นทายาทของท่านชินหลุนอยู่หลายครั้ง ทําให้ข้าหวาดระแวงว่าเจ้าจะเป็นตัวปลอม แถมเจ้ายังบอกว่าเป็นบุตรชายของท่าน ทั้งๆที่ท่านหายตัวไปเมื่อหลายพันปีก่อน มันเป็นเรื่องเข้าใจได้ว่าทําไมองค์จักรพรรดิถึงยังสงสัยอยู่ แถมไป๋จูเหวินยังทราบตั้งแต่เสียงเรียกมันครั้งแรกที่ออกมาจากปากขององค์จักรพรรดิแล้วว่าท่านกังวลอะไร องค์จักรพรรดิจงใจเรียกมันว่า หลานชาย นั่นหมายความว่ามันพยายามตัดสายสัมพันธ์ไม่ให้ไป๋จูเหวินอยู่ในรายชื่อรัชทายาทนั้นเอง เรื่องผู้สืบทอดบัลลังก์ไม่ว่าจะที่ไหนก็ต้องมีปัญหาไม่มากก็น้อย และองค์จักรพรรดิก็ไม่ผิดที่จะระแวงไป๋จูเหวินเรื่องนี้

 

“ข้าเข้าใจขอรับ แต่บิดาของข้าคือชินหลุนจริงๆ ท่านอยู่ในดินแดน และได้รับชีวิตอมตะขอรับ เพียงแต่ท่านไม่สามารถออกมาจากสถานที่นั้นได้”ไป๋จูเหวินเล่าความจริงให้ฟัง แต่สีหน้าขององค์จักรพรรดิก็ดูจะไม่เชื่ออยู่ดี

 

“หลานชินอี้ เจ้าต้องเข้าใจข้านะว่าเรื่องราวที่เจ้าพูดมา มัน…”องค์จักรพรรดิไม่ทราบจะพูดอย่างไรดี เดิมที่ชินหลุนเป็นรัชทายาทอันดับ 1 ที่หายตัวไปพร้อมกระบี่ทองราชวงศ์ชิน แน่นอนว่าการที่ไป๋จูเหวินมีกระบีของจริงกลับมานั้น ทําให้มันน่าเชื่อถือในระดับหนึ่ง แต่องค์จักรพรรดิยังคงกังวลว่าไป๋จูเหวินจะมาเปิดศึกชิงบัลลังก์หรือไม่

 

“องค์จักรพรรดิ ท่านพ่อให้ข้ามาขอความช่วยเหลือเพียงเท่านั้นขอรับ หลังจากนั้นข้าก็จะจากไป”ไป๋จูเหวินเห็นจักรพรรดิเริ่มคิดมากเกินไปมันจึงเสนอสิ่งที่มันคิดออกมา

 

“อยะ อย่างนั้นหรือ ถ้าเช่นนั้นเจ้าอยู่ทานอาหารกับพวกเราก่อนก็แล้วกัน”องค์จักรพรรดิยังคงมีท่าที่สงสัย แต่เพราะกระบี่ทอง มันจึงยอมรับไป๋จูเหวินเข้ามา อย่างมากก็แค่มีเชื้อพระวงศ์เพิ่มอีกครอบครัว หากมันไม่ได้สนใจบัลลังก์จริงก็ดีไป แต่ถ้ามันเผยหางออกมา มันจะจัดการในทันที

 

หลังจากนั้นข่าวการกลับมาของกระบี่ทองราชวงศ์ชินก็แพร่กระจายไปทั่ว แถมข่าวลือที่ว่ารัชทายาทตัวจริงก็กลับมาด้วยก็แพร่ออกไปเช่นกัน ทําเอาจักรพรรดิคิดหนักกว่า เดิม จนกระทั่งไป๋จูเหวินเขียนหนังสือสละตําแหน่งรัชทายาทพร้อมลงลายนิ้วมือและหยดโลหิตให้องค์จักรพรรดิถึงวางใจลงได้ เพียงแต่ไป๋จูเหวินก็ยังไม่บอกว่าสิ่งที่มันต้องการจะขอความช่วยเหลือนั้นคืออะไรกันแน่

 

“หลานชินอี้ ขอบใจเจ้ามากที่มาช่วยงานข้านะ”องค์จักรพรรดิยิ้มด้วยใบหน้าชื่นมื่นกว่าปกติมาก เพราะนอกจากไป๋จูเหวินจะลงชื่อในหนังสือสละตําแหน่งให้แล้ว มันยังมาช่วยงานขององค์จักรพรรดิอีก แถมไป๋จูเหวินยังช่วยงานได้ดีอีกต่างหาก

 

“ขอรับ ข้ามาอาศัยวังของท่านก็ต้องช่วยเหลือท่านสิขอรับ”ไป๋จูเหวินยิ้มพลางมองเหล่าขุนนางที่นั่งทํางานกันอยู่ ตอนนี้สิ่งที่มันต้องการคือยืนยันความสัมพันธ์ของราชวงศ์กับกลุ่มเขี้ยวโลหิต เพราะทั้งสองฝ่ายมีอํานาจในอาณาจักรชินทั้งคู่

 

“องค์จักรพรรดิ ท่านเรียกข้ามามีอะไรหรือ” หัวหน้ากลุ่มเขี้ยวโลหิตที่ถูกเรียกตัวมาถาม พลางเดินเข้ามาหาองค์จักรพรรดิ มันไม่คิดจะก้มหัวเสียด้วยซ้ํา แต่พอมองไปรอบๆได้ เห็นขุนนางน้อยใหญ่นั่งอยู่เต็มท้องพระโรงมันถึงได้ก้มหัวลงเล็กน้อย ราวกับโดนบังคับ

 

“ข้าได้รับรายงานจากกลุ่มของท่านเรื่องจํานวนอสูรที่พวกท่านจับมา”องค์จักรพรรดิว่าพลางนําเอกสารแผ่นหนึ่งออกมา ในเอกสารนั้นมีรายชื่ออสูรนับร้อยตนปรากฏอยู่ แถมยังระบุระดับเอาไว้อย่างระเอียด เพียงแต่อสูรในตารางนั้นมีอสูรระดัดมายาไม่กี่ตน และไม่มีรายชื่ออสูรระดับบรรพกาลเลย ทั้งๆที่ในกลุ่มเขี้ยวโลหิตของมันมีอสูรระดับมายาที่มีพลังพอจะเป็นราชาของเขตอสูรอยู่หลายสิบตัว และมีอสูรระดับบรรพกาลอยู่ถึง 3 ตน

 

“ท่านแน่ใจหรือว่าจะสามารถควบคุมพวกมันได้” สําหรับคนธรรมดาแล้วเพียงอสูรระดับมายาไม่กี่ตนก็เสี่ยงมากแล้ว

 

หากพวกมันหลุดออกมาก็เท่ากับคนระดับเทียนเซียนออกอาลาวาดเลยเชียวนะ

 

“ไม่ต้องห่วงขอรับ พวกเราสามารถจัดการได้” หัวหน้ากลุ่มเขี้ยวโลหิตพูดด้วยความมั่นใจ แน่นอนสิมันมีหวังเย่หลิงอยู่ ทําให้อสูรไม่มีท่าที่จะขัดขืนเลย

 

“ข้ายังกังวลอยู่ดี ให้ข้าส่งคนของข้าเข้าไปช่วยงานท่านดีหรือไม่” องค์จักรพรรดิถามพลางจ้องมองหัวหน้ากลุ่มเขี้ยวโลหิตเช่นเดียวกับที่มองไป๋จูเหวินในวันแรกที่มันเข้ามา ท่านช่างเป็นองค์จักรพรรดิที่แสดงท่าที่สงสัยได้ชัดเหลือเกิน

 

“ไม่ได้หรอกขอรับ การให้คนไม่รู้เรื่องของอสูรเข้ามาดูแล เสี่ยงเสียยิ่งกว่าขอรับ” หัวหน้ากลุ่มเขี้ยวโลหิตตอบพลางส่ายหน้าเบาๆ

 

หลังจากนั้นการตกลงก็เป็นไปอย่างยากลําบาก ไม่ว่าจะอย่างไรกลุ่มเขี้ยวโลหิตก็ไม่ยอมให้คนขององค์จักรพรรดิเข้าไปยุ่มย่าม ไม่ว่าจะด้านใด ทําให้เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่ากลุ่มเขี้ยวโลหิตมีอํานาจต่อรองไม่น้อย ปกติเวลาองค์จักรพรรดิของอาณาจักรนั้นๆออกคําสั่ง ไม่ว่าใครก็ต้องทําตาม แต่กลุ่มเขี้ยวโลหิตกลับปฏิเสธแถมฝ่ายจักรพรรดิยังทําอะไรไม่ได้เสียด้วย

 

แต่ที่ชัดเจนอีกอย่างก็คือ ราชวงศ์ไม่ถูกกับกลุ่มเขี้ยวโลหิตเสียเท่าไหร่ เผลอๆจะเป็นไม้เบื่อไม้เมาเสียด้วยซ้ํา ตอนนี้องค์จักรพรรดิสงสัยว่ากลุ่มเขี้ยวโลหิตกําลังแอบทําอะไรบางอย่าง และแน่นอนกลุ่มเขี้ยวโลหิตก็กําลังแอบทําอะไรบางอย่างอยู่แน่ๆ เพียงแต่ไป๋จูเหวินยังไม่ทราบเท่านั้น

 

“ขณะที่ไป๋จูเหวินช่วยงานอยู่ในท้องพระโรง เหม่ยหลินและเหล่าอสูรก็ได้แต่อยู่ในที่พักที่องค์จักรพรรดิจัดเอาไว้ให้ ที่นี่ถูกเรียกว่าวังรับรองโดยองค์จักรพรรดิบอกว่าจะสร้างวังใหม่ให้ไป๋จูเหวิน แต่ไป๋จูเหวินก็บอกว่าตนเองจะอยู่ที่นี่อีกไม่นาน จึงปฏิเสธไปและพักที่วังรับรองเท่านั้น

 

“น้องสะใภ้” ขณะเหม่ยหลินและหงเยว่กําลังมองปิงปิง และหลินหลินกําลังเล่นกันตามประสาเด็ก หญิงสาวท่าทางสง่างามคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในวังรับรอง การเรียกหาเหม่ยหลินเป็นน้องสะใภ้นั้นหมายความว่านางคือคนในราชวงศ์ชินอย่างแน่นอน

 

“เพคะองค์หญิง” เหม่ยหลินว่าพลางลุกขึ้นยืนเตรียมจะคารวะ

 

“ไม่ต้องมากพิธีหรอก เจ้าเองก็เป็นคนในครอบครัวเราแล้ว”องค์หญิงตรงหน้าพูดพลางเดินมานั่งลงห่างจากเหม่ยหลินไม่มาก

 

“เจ้าค่ะ..องค์หญิงชินอันมีธุระอะไรหรือเจ้าคะ” เหม่ยหลินถามพลางมองหญิงสาวข้างๆ นางคือองค์หญิงอันดับ 1 ของราชวงศ์ชิน ซึ่งได้ทําความรู้จักกันแล้วในมื้ออาหารวันแรก

 

“ข้าอยากรู้ว่าเจ้ามีความสัมพันธ์อะไรกับกลุ่มเขี้ยวโลหิต”ได้ยินเช่นนั้นเหม่ยหลินก็สะดุ้งโหยง ทําไมชื่อนั้นถึงลอยออกมาได้กัน

 

“กลุ่มเขี้ยวโลหิต ทําไมองค์หญิงถึงคิดว่าข้าเกี่ยวข้องกับกลุ่มนั้นล่ะเจ้าคะ”เหม่ยหลินถามด้วยความงุนงง

 

“เพราะเจ้านําอสูรมาหลายตน ข้าเลยเดาว่าเจ้ามีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มเขี้ยวโลหิต”องค์หญิงชินอันว่าพลางมองไปทางหงเยว่

 

“องค์หญิงเข้าใจผิดแล้วเจ้าค่ะ” เหม่ยหลินว่าพลางส่ายหน้าเบาๆ

 

“แล้วทําไมเจ้าถึงเลี้ยงอสูรถึง 3 ตนกันเล่า ข้าเห็นชัดเจนว่าเด็กคนนั้นแช่แข็งอาหารก่อนกิน ส่วนเด็กคนนั้นก็กัดตะเกียบหยกเสียหายไปทั้งแท่ง” ชินอันว่าพลางมองไปทางพวกหลินหลิน แม้นางจะไม่เห็นเยวทําอะไรผิดปกติ แต่เพราะนางไม่มีพลังวิญญาณชินอันจึงคิดว่านางเองก็เป็นอสูรเช่นเดียวกัน

 

“เรื่องนั้น…พวกนางเป็นอสูรก็จริง แต่ข้าไม่ได้มาจากกลุ่มเขี้ยวโลหิตหรอกเจ้าค่ะ” เหม่ยหลินตอบด้วยรอยยิ้มเจี่อนๆ ท่าทางต้องฝึกพวกหลินหลินเรื่องการเก็บความลับมากกว่านี้แล้ว คราวก่อนตอนหวังตงก็หลุกความลับเพราะแบบนี้นี่นะ

 

“ในอาณาจักรนี้จะมีกลุ่มไหนอีกที่สามารถเลี้ยงอสูรได้แบบนี้”องค์หญิงถามด้วยท่าทางไม่ไว้ใจ ทําไมกัน? หรือว่าการที่นางเป็นคนของกลุ่มเขี้ยวโลหิตแล้วจะทําให้มีปัญหางั้นหรือ

 

“จริงๆแล้วข้าไม่ใช่คนของอาณาจักรซินหรอกเจ้าค่ะ” เหม่ยหลินตอบพลางยิ้มบางๆ

 

“จริงๆแล้วข้าเป็นบุตรสาวของหัวหน้ากลุ่มนักล่าอสูรแห่งอาณาจักรอู๋เจ้าค่ะ พวกเราเลี้ยงอสูรเช่นเดียวกับกลุ่มเขี้ยวโลหิต ข้าก็เลยคุ้นเคยกับอสูรดี” เหม่ยหลินว่าพลางยิ้มบางๆ

 

“อย่างนั้นหรอกหรือ…มิน่าเล่าสาวงามเช่นเจ้าถึงไม่มีชื่อเสียงเลย”องค์หญิงพยักหน้าพลางถอนหายใจออกมา ความงามของเหม่ยหลินเป็นที่จับตาต้องใจ ขนาดในอาณาจักรอู๋ชื่อของเหม่ยหลินยังดังกระฉ่อนไปทั่ว เรียกได้ว่านางโด่งดังทั้งหน้าตาและฝีมือมาตั้งแต่ตอนไป๋จูเหวินยังไม่ออกมาจากเขตอสูรเสียด้วยซ้ํา

 

“พี่ชินอัน ท่านดูไม่ชอบกลุ่มเขี้ยวโลหิตนะเจ้าคะ”เหม่ยหลินว่าพลางมองหญิงสาวข้างๆอย่างสนใจ

 

“เรื่องนั้น…เจ้าเป็นคนของอาณาจักรอู๋อาจจะไม่ทราบ”องค์หญิงว่าพลางถอนหายใจออกมา ในเมื่อนางเป็นคนของอาณาจักรอู๋ การบอกเรื่องนี้คงจะไม่มีปัญหาอะ

 

“จริงๆแล้วกลุ่มเขี้ยวโลหิตพยายามสร้างฐานอํานาจมาตลอด จนตอนนี้อํานาจของพวกมันแทบจะเท่าๆกับราชสํานักแล้ว”องค์หญิงว่าพลางถอนหายใจออกมา

 

“แถมตอนนี้พวกมันยังทําตัวลับๆล่อๆเหมือนพยายามทําอะไรบางอย่างลับหลังพวกเรา ข้าก็เลยรู้สึกระแวง”องค์หญิงพูดจบก็มองมาทางเหม่ยหลิน แม้เหล่าองค์ชายองค์หญิงจะ ไม่ทราบเรื่องอะไรมากนัก แต่ท่าทางของกลุ่มเขี้ยวโลหิตก็แน่ลงมาก แม้แต่ลูกน้องระดับล่างยังเริ่มไม่ยอมทําตามกฏของอาณาจักรแล้ว

 

“หากกําจัดออกไปได้ก็คงดีสินะเจ้าคะ” เหม่ยหลินลองพูดออกมาพลางมองท่าทีขององค์หญิง

 

“มันไม่ง่ายนะสิ พวกมันมีกําลังคนที่น่ากลัว ต่อให้รวมยอดฝีมือทั้งอาณาจักรก็คงบาดเจ็บล้มตายเป็นจํานวนมาก”องค์หญิงส่ายหน้า หากก่อสงครามกลางเมืองขึ้นมา ความเสียหายจะหนักหนาอย่างมากโดยไม่ต้องสงสัย แถมในกลุ่มเขี้ยวโลหิตยังมีอสูรระดับสูงอีกจํานวนมาก หากรวมพวกอสูรที่ราชวงศ์ยังไม่รู้เข้าไปด้วย สงครามกลางเมืองคราวนี้คงจบลงที่ฝ่ายราชวงศ์พ่ายแพ้อย่างแน่นอน

 

“เช่นนั้นให้พวกเราช่วยเถอะ จริงๆแล้วพี่ไป๋.พี่อี้เองก็มีความแค้นกับกลุ่มเขี้ยวโลหิตเช่นกัน” เหม่ยหลินเห็นราชวงศ์เองก็มีท่าที่ขัดแย้งกับกลุ่มเขี้ยวโลหิตอยู่แล้วก็เสนอตัวทันที

 

“แต่ พลังของเจ้า…”องค์หญิงมองมาทางเหม่ยหลิน แน่นอนว่านางต้องตรวจสอบพลังของเหม่ยหลินมาแล้ว นางอยู่ระดับเทียนเซียนขั้นที่ 1 เท่านั้น หากเข้าไปร่วมสงครามของคนระดับเทียนเซียนขั้น 10 จะไหวมั้นหรือ

 

“ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ อย่างที่ข้าบอก ข้าเป็นบุตรสาวของหัวหน้ากลุ่มนักล่าอสูร ข้าสามารถช่วยเหลือท่านเรื่องอสูรได้”เหม่ยหลินตอบพลางยิ้มกว้าง ด้วยความสามารถของไป๋จูเหวินอสูรของพวกมันไม่ใช่ปัญหาอย่างแน่นอน

 

“เข้าใจแล้ว ข้าจะไปปรึกษาท่านพ่อเอง” องค์หญิงพยักหน้าพลางยิ้มกว้าง ไม่นึกเลยว่าจะได้คนมาช่วยเพิ่มเช่นนี้