บทที่ 141 แพ้ราบคาบ(1)

เฉินเสี่ยวจาวถูกสั่งสอนเสียจนไม่เป็นท่า กัดฟันแน่น แล้วพูดอย่างไม่อ่อนข้อว่า “ฉันจะประลองกับเขา ถ้าเขาเก่งจริง ฉันถึงจะยอมขอโทษเขา”

“เธอจะก่อเรื่องไปถึงตอนไหน!” ซือเทียนฉีโกรธจนตาโต ถอนหายใจจนเคราปลิว

ชายวัยกลางคนตระกูลซ่งก็อ้าปากค้าง ใครก็คิดไม่ถึง ที่แท้พลังจริงๆ ของเย่เฉินคนนี้ อยู่เหนือกว่าซือเทียนฉีเสียอีก

ซ่งหรงวี่ก็สับสนในทันใด มันหมายความเช่นไรกัน? หรือว่าไอ้เด็กคนนี้มันจะมีอะไรดี?

จะเป็นไปได้อย่างไรกัน?

อย่าเขานะหรือ?

ที่สามารถทำให้ซือเทียนฉียอมแพ้ทั้งกายและใจได้?

ในตอนนั้น เย่เฉินมองเฉินเสี่ยวจาว เห็นเธอกำลังโมโหตัวบิดอยู่ ใบหน้ารูปแอปเปิลก็แดงแจ๋ ท่าทางที่ไม่ยอมอ่อนข้อ เห็นแล้วก็รู้สึกขำ ก็เลยพูดขึ้นว่า “คุณจะประลองอะไรกับเขา?”

“ก็วิชาการแพทย์นะสิ!” เฉินเสี่ยวจาวกลอกตา แล้วก็หัวเราะชอบใจ “ทักษะพื้นฐานของวิชาการแพทย์ มีการสังเกต การฟัง การถาม และการจับชีพจร เช่นนั้นพวกเราก็มาประลอง การสังเกต ก็แล้วกัน คุณบอกสิว่า คนในห้องนี้ แต่ละคนมีอาการเป็นอย่างไร ไม่สบายตรงไหน”

ห้ามจับชีพจร แต่ต้องดูอาการจากใบหน้าของผู้ป่วย ฟังดูแล้วเหมือนจะง่าย แต่สำหรับหมอแล้ว มันยากมากเลย

แม้แต่ตัวของซือเทียนฉีเอง ก็ไม่แน่ว่าจะสามารถดูออก

แต่ว่านี่มันเป็นทักษะพิเศษของเฉินเสี่ยวจาวโดยเฉพาะ ตั้งแต่อายุ1ขวบ ก็อยู่ในอ้อมกอดของคุณตา เห็นคุณตารักษาคนมาตั้งแต่เด็ก เธอเคยเห็นผู้ป่วยมาแล้วกว่าหมื่นคน

ความจำของเธอดีเสียจนน่าตกใจ จนแทบจะสามารถจดจำใบหน้าที่เจ็บป่วยของผู้ป่วยได้ทั้งหมด แล้วยังจำแนกประเภทได้อีกด้วย

พอนานไป เธอก็สามารถมองดูอาการของผู้ป่วยผ่านใบหน้าได้ อีกทั้งยังแม่นยำ90เปอร์เซ็นต์

“เสี่ยวจาว คุณกำลังแกล้งนายท่านเขาอยู่หรือเปล่าเนี่ย” ซือเทียนฉีตำหนิอย่างไม่พอใจ

จากนั้น ก็ไม่คิดว่า เย่เฉินกลับพยักหน้ายิ้มว่า “ก็ตามคุณว่าก็แล้วกัน”

พอเห็นเย่เฉินตอบ ซือเทียนฉีก็ไม่พูดอะไร เขาก็อยากจะเห็นพื้นเพของเขาบ้างเช่นกัน

“ฉันเริ่มก่อน” เฉินเสี่ยวจาวพอใจมาก รีบเดินขึ้นหน้าไป ตั้งสติเดินขึ้นหน้าไป ท่ามกลางฝูงชน แล้วค่อยๆ สังเกตมองฝั่งตรงข้ามไป

ผ่านไป10นาที เฉินเสี่ยวจาวก็ยิ้มพูดว่า “ดูเสร็จแล้ว! หน้าผากของคุณอาซ่งแดง มีรอยสีเหลือง น่าจะเป็นโรคความดันโลหิตสูง ปกติควรกินอาหารจืดๆ ห้ามกินของมันหรืออาหารมื้อใหญ่หนักๆ”

พอสิ้นเสียงพูดของเธอ ชายวัยกลางคนตระกูลซ่งก็ตกใจพูดขึ้นว่า “หมอเทพน้อยช่างเก่งกาจจริงๆ ผมเป็นโรคความดันโลหิตสูงจริงๆ ”

เฉินเสี่ยวจาวก็ชี้ไปทางซ่งหรงวี่ แล้วพูดอีกว่า “ระหว่างคิ้วของคุณแดง ดวงตาฝ้าขุ่น เป็นโรคปอดอักเสบ แต่อาการใกล้จะหายเป็นปกติแล้ว”

ซ่งหรงวี่พูดยิ้มแหยๆ ว่า “ซูฮกเลย อาทิตย์ก่อนผมไอจนปอดติดเชื้อ แต่รักษาหายไปไม่น้อยแล้ว”

เฉินเสี่ยวจาวพูดอีกว่า “ส่วนคุณซ่ง เธอประจำเดือนมาไม่ปกติ ปวดประจำเดือน น่าจะเกิดจากการทำงานหนักมากเกินไป”

ซ่งหวั่นถิงพยักหน้าพูดว่า “คุณพูดถูกต้อง”

เธอก็พูดอาการของหลายๆ คนด้วย ล้วนถูกต้องทั้งหมด

ทุกคนก็มีสีหน้าตะลึง ต่างพากันชมท่านซือสั่งสอนได้ดี หลานสาวอายุเพียงเท่านี้ แต่วิชาการแพทย์สูงส่ง

ซือเทียนฉีก็ยิ้ม รู้สึกภูมิใจในระดับหนึ่ง

สุดท้าย เฉินเสี่ยวจาวก็มองมาทางเย่เฉิน แล้วยิ้มอย่างได้ใจ พร้อมพูดว่า “คุณเย่ อาการของคุณหนักที่สุด!คุณต้องเป็น โรคหัวใจอย่างแน่นอน”

เย่เฉินยิ้มพูดว่า “นึกไม่ถึงเลยว่า คุณอายุไม่ถึง20 แต่วิชาการแพทย์จะล้ำลึกจนน่าตะลึง ผมเองก็ขอซูฮก แต่ว่า ยังมีอีกหนึ่งจุดที่ละเลยไป ผมจะขอเสริมให้เอง”