บทที่ 189 ชวนชมไม่ได้ตายจริงๆ

รักหวานอมเปรี้ยว

ในใจก็คิดแบบนี้ แต่ปากก็ไม่กล้าพูดแบบนี้ออกมา

ผู้ช่วยเหมันตร์กระแอมให้คอโล่งตอบกลับว่า “ครับ ผมจะส่งให้เดี๋ยวนี้”

เปปเปอร์ยื่นโทรศัพท์มือถือไปให้

หลังจากผู้ช่วยเหมันตร์รับมา ส่งให้เขาทันที

เปปเปอร์เหลือบมองโทรศัพท์มือถือที่อยู่บนโต๊ะส่งเสียงดัง เปลือกตาหลุบลง “ได้แล้ว นายออกไปเถอะ”

“ครับ”

ผู้ช่วยเหมันตร์ออกไปแล้ว ในห้องทำงานเหลือเพียงเปปเปอร์เพียงคนเดียว

เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดเปิดวีแชท มองเห็นภาพถ่ายที่ผู้ช่วยเหมันตร์ส่งมา

มีสองภาพ อีกภาพหนึ่งเขายังไม่เคยเห็น

เปปเปอร์กดเปิดรูปนั้น

ในภาพถ่าย มายมิ้นท์ยังอยู่ในภาพเบื้องหลังนั้น แต่เปลี่ยนท่าทางแล้ว

เธอข้างหนึ่งของเธอยกชายกระโปรง อีกมือหนึ่งวางอยู่กลางอากาศ ราวกับว่าจะโบยบินไปในวินาทีถัดมาอย่างนั้น

สวยก็ถือว่าสวย แต่เขากลับไม่ชอบ

เปปเปอร์กดที่รูปภาพนั้น อยากจะลบภาพนั้นทิ้งไป

ทันใดนั้นนิ้วมือที่อยู่กลางอากาศเตรียมจะกดลบ กลับลังเลไม่ยอมกดลงไป

สุดท้าย เขาก็ยอมแพ้

“เปปเปอร์!” ทันใดนั้น เสียงที่กระวนกระวายเล็กน้อยของส้มเปรี้ยวก็ดังมาจากประตู

เปปเปอร์ขมวดคิ้ว รีบกดออกจากวีแชท เอาโทรศัพท์มือถือวางกลับไปที่เดิมเมื่อครู่ “เข้ามา”

อีกด้าน มายมิ้นท์กับชาหวานซื้อรองเท้าเสร็จ ออกมาจากร้านรองเท้า

ชาหวานลูบท้อง “ประธานมายมิ้นท์ พวกเราไปกินสักหน่อยเถอะค่ะ เริ่มหิวแล้วค่ะ”

มายมิ้นท์เองก็หิวเล็กน้อยแล้ว มองเวลา ใกล้จะบ่ายโมงแล้ว

“ได้ ไปชั้นห้ากัน ที่นั่นมีแต่ร้านอาหาร ฉันเลี้ยง ถือว่าเป็นการขอบคุณที่เธอออกมาเป็นเพื่อนฉันวันนี้” มายมิ้นท์เอาข้อมือลงยิ้มพลางเอ่ย

ชาหวานพยักหน้า “งั้นฉันไม่เกรงใจนะคะ”

“ไม่ต้องเกรงใจ ไปกัน” มายมิ้นท์คล้องแขนเธอ

ทั้งสองคนเพิ่งจะเดินไปได้สองก้าว จู่ๆชาหวานก็หยุด ชี้ไปที่ร้านหนึ่งฝั่งตรงข้าม “ประธานมายมิ้นท์ นั่นไม่ใช่แม่ของส้มเปรี้ยวเหรอคะ”

ได้ยินประโยคนี้ มายมิ้นท์ก็มองไป มองเห็นคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์จริงๆ

เธอน่าจะเพิ่งทำสปาออกมา เปล่งประกายทั้งตัว ดูแล้วไม่เหมือนผู้หญิงวัยห้าสิบเลยสักนิดเดียว

“วันนี้ช่างไม่ใช่วันที่ควรออกจากบ้านจริงๆ ก่อนหน้านี้ก็เจอกับส้มเปรี้ยวที่น่ารำคาญ ต่อมาก็เจอกับแม่ของส้มเปรี้ยว โลกนี่มันกลมจริงๆ” ชาหวานถอนหายใจ

มายมิ้นท์ยิ้ม “เอาละ อย่างไรเสียทุกคนก็อยู่ที่เมืองเดอะซี จะเจอกันง่ายๆก็เป็นเรื่องธรรมดามาก”

อาจจะเป็นเพราะสายตาของทั้งสองคนชัดเจนเกินไป ไม่ได้ปิดบังเลยสักนิดเดียว คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามสัมผัสได้ มองมา

มองเห็นมายมิ้นท์ คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ขมวดคิ้วทันที สีหน้าไม่ยินดีอย่างมาก

มายมิ้นท์ก็ไม่โกรธ ในทางกลับกันเธอก้มศีรษะยิ้มให้ด้วย

คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์เบนหน้าหนี เดินไปทางร้านด้านหน้า ไม่ได้คิดตอบโต้

ชาหวานกลอกตามองบน “ดูเถอะค่ะ ดูช้างให้ดูหางดูนางให้ดูแม่ มิน่าล่ะส้มเปรี้ยวถึงเป็นคนแบบนั้น ที่แท้แม่ก็สอนมานี่เอง”

“เอาละ ไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องนี้ ไม่ใช่ว่าหิวแล้วเหรอ ไปเถอะ” มายมิ้นท์พูดพลางดึงสายตากลับมา

ชาหวานส่งเสียงอืม เดินไปทางบันไดเลื่อน นั้นพร้อมกับเธอ

จากนั้นสิ่งที่ทั้งสองคนคิดไม่ถึงก็คือ รอจนกินข้าวเสร็จ จะพบกับคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์อีก

แต่ครั้งนี้คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ไม่สังเกตเห็นพวกเธอ หลังจากเดินออกมาจากร้านอัญมณีDT ก็ตรงกลับไปเลย

อีกอย่างตอนที่เดินออกมา สีหน้าก็ดูไม่ค่อยดีนัก ดูเหมือนจะหดหู่สิ้นหวังมากอย่างนั้น

มายมิ้นท์อดไม่ได้ที่จะนึกถึงครั้งก่อน ที่ตนเองถือสร้อยคอของลูกสาวมาสอบถามที่ในร้านDT ต่อมาคนในร้าน ก็บอกเรื่องสร้อยคอของลูกสาวกับคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์

และก็ด้วยเหตุนี้ คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์จึงสงสัยว่าส้มเปรี้ยวยังมีชีวิตอยู่ จึงเริ่มที่จะตามหาส้มเปรี้ยว

เมื่อครู่คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ออกมาจากDTด้วยสีหน้า หรือเป็นเพราะเรื่องของส้มเปรี้ยว

คิดพลาง มายมิ้นท์ก็หรี่ดวงตาที่งดงาม “ชาหวาน ช่วยอะไรฉันหน่อยได้มั้ย”

“มีอะไรเหรอคะ” ช่าหวานดื่มชานมพลางมองเธอ

มายมิ้นท์พูดเบาๆว่า “ช่วยไปถามในร้านDTให้ฉันหน่อย คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ไปทำอะไร”

“ถามเรื่องนี้ไปทำไมคะ” ชาหวานสีหน้าสงสัยไม่เข้าใจ

มายมิ้นท์ดวงตาเป็นประกาย “มีเรื่อง สำคัญมาก ช่วยฉันหน่อยเถอะ”

“เอาก็เอา คุณช่วยฉันถือหน่อย ฉันจะไปถาม” ชาหวานเอาชานมยื่นให้เธอ

หลังจากมายมิ้นท์รับมา ชาหวานก็เข้าไปในร้านDT

หลังจากผ่านไปประมาณสองสามนาที เธอก็กลับมา

มายมิ้นท์เอาชานมส่งคืนให้เธอ “เป็นยังไง ถามได้ความมั้ย”

“ถามมาแล้ว” ชาหวานรับชานมมาพยักหน้า คนในร้ายบอกว่าคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ไปถามพวกเธอว่าช่วงนี้ เห็นผู้หญิงที่ถือสร้อยคอมาที่นี่บ้างหรือไม่”

“จริงด้วย” มายมิ้นท์เม้มริมฝีปากแดง

พวกของคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์หาชวนชมไม่พบ ก็เลยเสี่ยงดวงมาถามที่ร้านดู

“ประธานมายมิ้นท์ ตกลงคุณมีแผนอะไรกันแน่คะ” ชาหวานอยากรู้อยากเห็นมาก

มายมิ้นท์ยิ้มออกมา “ก็ไม่มีอะไรหรอก ก็คือคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์กำลังตามหาลูกสาวคนโตอยู่”

“ลูกสาวคนโต” ชาหวานแปลกใจมาก “เธอยังมีลูกสาวอีกเหรอคะ”

“อืม ยังมีชวนชมลูกสาวคนโตอีกคน ส้มเปรี้ยวเป็นน้อง” มายมิ้นท์พยักหน้าตอบ

ชาหวานเข้าใจทันที “ที่แท้เป็นแบบนี้ แต่ทำไมประธานมายมิ้นท์ต้องสนใจขนาดนี้ด้วยคะ”

“เพราะลูกสาวคนโต มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลกิตติภัคโสภณเล็กน้อย” มายมิ้นท์บีบคิ้ว “เอาละ ไม่พูดเรื่องพวกนี้แล้ว พวกเรากลับไปกันก่อนเถอะ”

ชาหวานพยักหน้า

กลับมาที่คอนโดพร่วฟ้า ก็เป็นเวลาบ่ายสี่โมงแล้ว

มายมิ้นท์เอาของที่ซื้อมาวางบนโซฟา หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นกลับไปที่ห้อง กดโทรไปหาทามทอย

ทามทอยเห็นเธอโทรมา ก็ทั้งดีใจทั้งตกใจ

อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องยากที่เธอจะติดต่อเขาสักครั้ง

“จู่ๆก็โทรมาหาผม คิดถึงผมแล้วเหรอครับ” เสียงกระเซ้าเหย่าแหย่ของทามทอยดังมา

มายมิ้นท์รู้นิสัยเขาดี ชอบพูดหยอดแบบนี้ ดังนั้นฟังแล้วก็ไม่โกรธ ในทางกลับกันก็หัวเราะออกมา “เอาละ จริงจังหน่อย ฉันจะคุยเรื่องงาน”

“ก็ต่อให้คุยเรื่องงาน คุณก็บอกผมมาก่อนสักคำ บอกว่าคิดถึงผมแล้ว” ทามทอยถอนหายใจ

มายมิ้นท์พูดไม่ออกบอกไม่ถูก “ได้ๆๆ ฉันคิดถึงคุณแล้ว แบบนี้ได้หรือยังคะ”

แม้จะรู้ว่าประโยคนี้ที่ที่เธอพูดว่าคิดถึงเขาเป็นการเสแสร้ง ไม่ใช่เรื่องจริง แค่ให้เขามีความสุขเท่านั้น

แต่เขากลับมีความสุขมากจริงๆ

“ก็พอถูๆไถๆไปได้” ทามทอยเสแสร้งแกล้งทำ

มายมิ้นท์หัวเราะเบาๆ

ทามทอยกระแอมสองครั้ง “ว่ามา โทรหาผมมีธุระอะไร”

“วันนี้ฉันเจอคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์แล้วค่ะ คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์กำลังสืบหาเบาะแสของชวนชม ดังนั้นฉันเลยอยากถามคุณ เรื่องของชวนชม คุณสืบไปถึงไหนแล้วคะ” มายมิ้นท์นั่งข้างเตียงถามอย่างจริงจัง

ทามทอยยิ้มออกมา “คุณถามได้เวลาที่เหมาะสมพอดี ผมสืบได้ข้อมูลมาอย่างหนึ่งแล้ว”

“อ้อ” มายมิ้นท์นั่งหลังตรง “อะไรคะ”

“อันดับแรก ก็คือชวนชมไม่ได้ตายจริงๆ ยังมีชีวิตอยู่ เพื่อให้มั่นใจในข้อนี้ ผมอุตส่าห์ไปพลิกเปิดแฟ้ม หาตำรวจที่รับผิดชอบคดีในตอนนั้น ตำรวจคนนั้นบอกว่า ตอนนั้นที่พ่อคุณทิ้งไปในน้ำ ไม่ใช่ชวนชม แต่เป็นเพียงตุ๊กตาตัวหนึ่งเท่านั้น” ทามทอยตอบ

มายมิ้นท์ได้ฟังเรื่องพวกนี้ ก็หรี่ตาหยี “ฉันเดาไม่ผิดจริงๆ เมื่อก่อนฉันก็คาดไว้แบบนี้ ที่พ่อฉันโยนไปในน้ำ เป็นของอย่างอื่น”

“ใช่แล้ว” ทามทอยพยักหน้า

สองมือมายมิ้นท์กำโทรศัพท์มือถือแน่น “งั้นชวนชมล่ะ ตอนนี้ชวนชมอยู่ที่ไหน”

“อันนี้ผมก็ไม่รู้แล้ว แม้พ่อคุณจะไม่ได้โยนชวนชมลงไปในแม่น้ำ แต่เขาจับตัวชวนชมไปจริงๆ ชวนชมถูกเขาส่งไปที่ไหน เรื่องนี้นอกจากพ่อคุณแล้ว ไม่มีใครรู้ ตำรวจสูงวัยคนนั้นก็ไม่รู้ ”ทามทอยผายมือ ตอบอย่างช่วยอะไรไม่ได้

มายมิ้นท์ขมวดคิ้วแน่น “ทำไมถึงเป็นแบบนี้ เบาะแสขาดหายไปอีกแล้ว”

“ใช่ ดังนั้นถ้าต้องการหาตัวชวนชม ไม่ใช่เรื่องง่าย” ทามทอยจับผม

มายมิ้นท์กัดริมฝีปาก “เมื่อกี้คุณบอกอันดับแรก ก็หมายความว่า คุณยังสืบข้อมูลอื่นมาได้อีกเหรอคะ