ตอนที่ 248 : ฉันรู้สึกว่ามีผู้สูงส่งลึกลับอยู่เบื้องหลังเขา!

เป็นมหาเศรษฐีระดับพระเจ้าด้วยระบบลงชื่อ

ตอนที่ 248 : ฉันรู้สึกว่ามีผู้สูงส่งลึกลับอยู่เบื้องหลังเขา!

หลันเจี้ยนเฟิงเริ่มทําการค้นหาทั่วทั้งบ้าน

แค่ผลปรากฏว่า

ไม่พบอะไรเลย!

หลันเจี้ยนเฟิงกระพริบตาอย่างไม่อยากจะเชื่อ

ไม่มีจริงๆหรอ?

หลันเจี้ยนเฟิงค้นหามานานแต่ก็ไม่พบอะไรเลยแม้ว่าจะหาทั่วทุกที่แล้วก็ตาม

“เกิดอะไรขึ้น เมื่อกี้ยังได้ยินเสียงโทรศัพท์อยู่เลยไม่ใช่รึยังไง?”

หลันเจี้ยนเฟิงตกตะลึง–

“พ่อ! พ่อคิดไปเองแล้ว!”

หลันหน่วนหยานกระทืบเท้า “พ่อคิดไปเองมากรึเปล่า?”

หลันเจี้ยนเฟิงเกาแก้มของเขาและในที่สุดก็ยอมแพ้ “โอ้… บางที่พ่ออาจจะสับสนไปเอง ฮ่าฮ่าฮ่า ”

ในที่สุดเขาก็ยอมจากไป

หลันหน่วนหยานถอนหายใจด้วยความโล่งอก และพยายามยืนยันซ้ําแล้วซ้ําเล่าว่าชายชรานั้นไปไกลแล้วก่อนจะล็อคประตูแล้วเดินไปที่ห้องน้ํา

เปิดฝาชักโครก

เมื่อเปิดออกมาแล้ว…เธอก็หยิบถุงกันน้ําที่มีโทรศัพท์อยู่ออกมาอย่างระมัดระวัง!

หลันหน่วนหยานซ่อนมือถือเอาไว้ในชักโครก!

“หึหึ– ต้องขอบคุณความคิดของสามีฉันเลย เขาวางแผนล่วงหน้าให้ฉันทุกอย่าง!”

เธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาและโทรกลับไป

“สามี

หลันหน่วนหยานบ่นกับเจียงเฉิน “พ่อของฉันจับฉันยังเอาไว้อีกแล้ว ฉันควรทํายังไงดี?”

“ไม่ต้องกังวล

เจียงเฉินยิ้ม “เดี๋ยวฉันจะช่วยเธอเอง”

“มันจะเป็นไปได้ด้วยหรอ?”

หลันหน่วนหยานพูดด้วยใบหน้าที่ขมขึ้น “พ่อของฉันจับตาดูฉันตลอดทั้งวัน ฉันจะหนีไปได้ยังไง?”

เจียงเฉินยิ้ม “เธอไม่ต้องกังวลหรอกฉันมีทางออกอยู่”

ในเมื่อพ่อตาของฉันไม่ใจดีกับฉันและยังเอาเปรียบภรรยาของฉัน ก็อย่าหาว่าฉันโหดเหี้ยมก็แล้วกัน!

หึหึ

เจียงเฉินยิ้ม

อย่างไรก็ตาม แผนของเขาอาจจะต้องใช้เวลาเล็กน้อย –

“ในเมื่อตอนนี้เจียงเฉินยังต้องการเวลาอยู่ แต่ฉันมีแผนให้เธอนะหน่วนหยาน ลองดูไหม?”

ซูเสี่ยวเมิ่งนั้นออกตัวพยายามอย่างเต็มที่

เจียงเฉิน : ทําไมฉันกลับไม่รู้สึกถึงความน่าเชื่อถือเลยนะ?

“เธอต้องทําแบบนี้”

ซูเสี่ยวเมิ่งอธิบายให้หลันหน่วนหยานเคลื่อไหว

ดวงตาของหลันหน่วนหยานเป็นประกาย “แบบนี้ก็ได้หรอ?”

“ลองดูก่อน ตอนนี้เธอก็ต้องออยู่แต่บ้านและไม่มีทางอื่นอยู่แล้ว ลองดูก็ไม่เสียหาย”

“โอเค!”

หลันหน่วนหยานพร้อมแล้ว!

สาวสวยเดินออกไปจากห้องน้ําไป!

ไม่นาน–

“คุณหนูคะ อาหารเย็นพร้อมแล้วค่ะ”

แม่บ้านนําอาหารเย็นมาให้

หลังจากนั้น–

เธอก็โผล่ออกมา!

บนตัวของหลันหน่วนหยานเป็นชุดองเมียวจิที่ดูแล้วแปลกตา

และยังมีไม้กวาดอยู่ในมือของเธอด้วย!

แม้มันจะดูสวยงามแต่ก็ออกไปทางสยองขวัญแบบญี่ปุ่นไปหน่อย

“เธอเป็นใคร?!”

หลันหน่วนหยานถามอย่างฉุนเฉียว

แม่บ้าน “???”

คุณหนูพูดว่าอะไรนะ?

มีปัญหาหรอ?

“ฉันถามว่าเธอเป็นใคร?!”

“ฉัน ฉันเสี่ยวฟางเองค่ะ”

“ไม่ใช่!”

หลันหน่วนหยานชี้ไม้กวาดออกไป “เธอคือซาดาโกะ! เธอคือซาดาโกะ!”

“ใช่แล้ว เธอคือซาดาโกะค่ะ”

สาวใช้ทําหน้าบึง “คุณหนูคะ…”

“ออกไป!”

หลันหน่วนหยานส่งเสียงตะโกนออกมาก่อนจะไล่เธอออกไปด้วยไม้กวาด

สาวใช้ตัวน้อยวิ่งหนีลงไปข้างล่างและซ่อนตัวหลังหลันเจี่ยนเฟิง–

ในวิลล่าหลันเจี้ยนเฟิงที่กําลังคิดทบทวนเรื่องการป้องกันไม่ให้ลูกสาวของเขาถูกลักพาตัวออกไปอย่างสั่นเทา-

ลางสังหรณ์ไม่ดีนี่มันอะไรกัน?

ทั้งที่รู้ว่าหลันหน่วนหยานมีแฟนแล้วแต่เขากลับหาตัวไม่เจอ

ฉันเป็นประธานบริษัทมูลค่าหมื่นล้าน จะยอมให้ไอ้เวรที่ไหนก็ไม่รู้มาพาตัวลูกสาวที่แสนล้ําค่าของฉันไปได้ง่ายๆได้ยังไง?!

เขาไม่มีวันให้โจรคนนี้มาเด็ดดอกไม้ของเขาไปแน่!

เขายิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจ

และในเวลานี้เองหลันหน่วนหยานก็วิ่งลงมาด้วยท่าทางที่มืดมนและน่ากลัว เมื่อเขาเห็นเธอที่ถือไม้กวาดและต้องการที่จะกําจัดปีศาขหลันเจี้ยนเฟินก็ตกใจจนกระโดดไปรอบๆ–

“นี่! หน่วนหยาน! ลูกทําอะไรของลูก?!”

“ฉันคือผู้ขับไล่ภูติผีปีศาจ! ในบ้านนี้มีพวกภูติผีปีศาจอยู่!”

หลันหน่วนหยานเอาไม้กวาดไล่ตี

ใบหน้าของหลันเจี้ยนเฟิงถูกตีไปสองครับจนตอนนี้ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความดํามืด–

หลันเจี้ยนเฟิงตัวสั่นด้วยความโกรธ

“หยุด!”

เขาหยุดหลันหน่วนหยานลงทันที –

แต่จู่ๆหลันหน่วนหยานก็หมดสติลงไป

หลันเจี้ยนเฟิง “…”

บอดี้การ์ด “…”

ดูเหมือนว่ามันมีบางอย่างไม่ถูกต้อง?

หลันเจี้ยนเฟิงไม่มีทางเลือก

เขาได้แต่โทรเรียกน้าของหลันหน่วนหยาน

ตอนนี้น้าของหลันหน่วนหยานกําลังรักษาอาการป่วยของเธออยู่ในเมืองหลวง และตอนนี้เธอก็เกือบที่จะหายดีแล้ว แต่พอเธอได้ยินมาว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับหน่วนหยานเธอก็รีบออกจากโรงพยาบาลทันที

เมื่อเธอเห็นหลันหน่วนหยานเป็นแบบนี้เธอก็รู้สึกโกรธมาก

เธอดุหลันเจี้ยนเฟิงทันที “นายทําเรื่องบ้าอะไรของนาย ทําไมถึงต้องทําร้ายหน่วนหยานแบบนี้อยู่ตลอดด้วย?!”

หลันเจี้ยนเฟิงทําหน้าน้อยใจ “ฉันก็แค่กลัวว่าเธอจะออกไป แล้วถูกไอ้สารเลวนั่นหลอก!”

น้าสาวพูดออกมาอย่างเย็นชา “อิ่ม! ดูเหมือนตอนนี้หน่วนหยานจะมีปัญหากับสุขภาพจิตแล้ว! ตอนนี้เธอมองทุกคนเป็นปีศาจหมดแล้ว!”

“มีปัญหาทางจิตงั้นหรอ?”

หลันเจี้ยนเฟิงตกตะลึง “แล้วฉันจะทํายังไงดี?”

“กลัวเป็นด้วยหรอ? ยังอีก?! ทําไมยังมีรีบพาเธอไปหาหมออีก?!”

ในเวลานี้เองซูเสี่ยวเมิ่งเพื่อนสนิทของเธอก็เข้ามาเยี่ยม

หลันหน่วนหยานที่เห็นก็แกล้งเป็นตกใจกลัว

“หร่วนหน่วนเป็นแบบนี้เธอต้องไปพบจิตแพทย์แล้วนะคะ”

หลินเจียนเฟิงก็ทําได้เพียงแค่พยักหน้า

ซูเสี่ยวเมิ่งแนะนําด้วยใบหน้าที่จริงจัง “หนูรู้จักจิตแพทย์ที่มีชื่อเสียงอยู่ค่ะ หนูพอจะแนะนําให้ได้อยู่เหมือนกัน…”

คนรอบๆก็พากันพยักหน้า

ซูเสี่ยวเมิ่งวิ่งออกไปและพูดกับหมออ้วนคนหนึ่ง “ไปกันเถอะค่ะ”

หมออ้วนคนนี้จริงๆแล้วถูกซูเสี่ยวเมิ่งจ้างมา ความจริงแล้ว เขานั้นไม่ได้เป็นจิตแพทย์ แต่เป็นสัตวแพทย์ที่อยู่ใกล้ๆ

แซ่ของเขาคือ ผาง และอาชีพก็คือสัตวแพทย์!

หรือให้พูดตรงๆก็คือหมอรักษาหมู!

และล่าสุดเขาก็เพิ่งจะเปิดคลินิกเป็นของตัวเอง!

หมอผางพูดออกมาอย่างเขินอาย “คุณหนูผมเป็นแค่สัตวแพทย์นะครับ ไปเป็นแพทย์คนไม่ได้หรอก”

“ไม่ต้องสนหรอกค่ะ ทําตามที่ฉันบอกเถอะ”

ซูเสี่ยวดยิ่งตบหน้าอกด้วยความมั่นใจ “แค่แกล้งเป็นจิตแพทย์เท่านั้นเองค่ะ”

หมออ้วนได้แต่พนักหน้าอย่างไม่เต็มใจ

เพราะก่อนหน้านี้ซูเสี่ยวเมิ่งยัดเงินให้เขา 3,000 แล้ว และหลังจากที่จบงานเขาก็จะได้เพิ่มอีก 7,000!

ซูเสี่ยวเมิ่งพาเขาไปที่บ้านของหลันหน่วนหยานก่อนจะแนะ นําเขา “นี่คือคุณผางค่ะ! เขาเป็นนักจิตวิทยาที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง! เขาจะต้องรักษาหลันหน่วนหยานได้อย่างแน่นอน!”

หมออด้วนหัวเราะออกมาแห้งๆด้วยความรู้สึกผิดในใจ

ในใจ : ผมเป็นสัตวแพทย์ไม่ใช่หรอ แล้วอยู่ๆกลายมาเป็นนักจิตวิทยาผู้มีชื่อเสียง?

ตกตะลึง!

เขาแกล้งทําเป็นเดินเข้าไปดูหลันหน่วนหยานก่อนจะถอนหายใจออกมา

หลันเจี้ยนเฟิงและน้าของหลันหน่วนหยานถามออกมาด้วยความเป็นห่วง “เป็นอย่างไรบ้างครับหมอ หน่วนหยานของเราเป็นยังไงบ้างครับ?”

หมองผางทําตัวเคร่งขรึมทันที “อาการซึมเศร้า! ปีศาจที่เธอเห็นเป็นเพียงภาพลวงตา!” (ก่อนหน้านี้ซูเสี่ยวเฟิงได้วางแผนให้เขาพูดไว้แล้ว)

“ภาวะซึมเศร้า?”

หลันเจี้ยนเฟิงตกตะลึง!

น้าของหลันหน่วนหยานทั้งโกรธทั้งกังวลเธอเตะเข้าไปที่หลันเจียนเฟิง “เป็นเพราะนายทั้งนั้น!”

“แล้วเราควรทํายังไงดีครับ?”

หลันเจี้ยนเฟิงก็ตกตะลึง

นึกไม่ถึงเลยว่าลูกสาวของตัวเองจะมีภาวะซึมเศร้า?

ตอนนี้ยังพอมีทางแก้ครับ

หมอผางพูดเรื่องไร้สาระออกมาอย่างจริงจัง “ตอนนี้ยังเป็นเพียงแค่ช่วงเริ่มต้นครับ ยังรักษาได้”

น้าสาวถามอย่างกระตือรือร้น

“แต่ถ้ายังปล่อยต่อไปจะเป็นการยากในการรักษาใช่ไหมคะ?”

“แน่นอนครับ”

หมอผางยังคงพูดเรื่องไร้สาระต่อไปแม้แท้จริงแล้วเขาจะเป็นสัตวแพทย์ไม่มีความรู้ทางด้านจิตวิทยาเลยแม้แต่น้อย แต่คําพูดของเขาก็ยังดูมีความน่าเชื่อถือมาก

“การพัฒนาของโรคซึมเศร้านั้นน่ากลัวมากครับ ดังนั้น เพื่อทําการยับยั้งมันเราจะต้องใช้ยาจํานวนมากเพื่อควบคุมอาการเอาไว้ และต้องไปที่ทําการตรวจอย่างละอียดที่โรงพยาบาล”

“สุดท้าย…ถ้าเกิดเราควบคุมได้ไม่ดี”

ใบหน้าของชายร่างใหญ่เต็มไปด้วยความเคร่งขรึม

หลันเจียนเฟิงและน้าสาวรู้สึกประหม่าเป็นอย่างมาก

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากควบคุมไม่ดี?

ป่วยทางจิต?

น่ากลัวมาก!

แต่ใครจะรู้

ชายร่างใหญ่พูดออกมา “สุดท้ายขนของเธอก็จะร่วง!”

“ขนร่วง?”

หลินเจียนเฟิงตกตะลึง

น้าสาวถึงกับอึ้ง!

ซูเสี่ยงเมิ่งที่กําลังดื่มน้ําก็ต้องกระอักน้ําออกมา!

หลันหน่วนหยานที่กําลังแกล้งหลับก็ลืมตาขึ้นมาอย่าตกตะลึง!

เจียงเฉินที่กําลังฟังผ่านโทรศัพท์ก็แทบจะกั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่

ซูเสี่ยวเมิ่งมองเพื่อนร่วมทีมตัวอ้วนของเธออย่างไม่น่าเชื่อถือ

เธอคิดในใจว่าเธอนั้นไม่ควรที่จะเอาสัตวแพทย์มาปลอมเป็นจิตแพทย์เลยจริงๆ!

ผลที่ได้ สัตวแพทย์คนนี้ก็เกือบจะเปิดเผยตัวตนอย่างสมบูรณ์

บรรยากาศเต็มไปด้วยความน่าอาย

ซูเสี่ยวเฟิงจ้องมองไปที่หมอผาง

“เอ่อ เอ่อ”

หมอผางรีบพูดออกมา “ผมหมายถึงผมร่วงน่ะครับ ฮ่าฮ่า ฮ่า”

“และผลร้ายแรงที่จะตามมาก็คืออาการเบื่ออาหาร หมูตัวนี้ก็จะเริ่มสูญเสียไขมันหากมันไม่กินอาหาร!”

พูดออกไปไม่กี่คําก็วกกลับมาที่หมูอีกแล้ว!

“????”

หลันเจี้ยนเฟิงตกตะลึง

น้าสาว “????”

หลันหน่วนหยานเบิกตากว้าง

ใบหน้าของซูเสี่ยวเมิ่งกระตุกและอับอาย

เธอแอบเตะไปที่หมออีกครั้ง

หมอผางรู้สึกตัวเขารีบเปลี่ยนคําพูดทันที “ที่ผมพูดถึงคือ โรคอะนอเร็กเซียครับ! อาการจะคล้ายๆกับหมูที่เบื่ออาหาร”

“และถ้าผ่านไปอีก บางทีเธออาจจะกัดลิ้นตัวเองหรือกระโดดจากตึกเพื่อฆ่าตัวตายได้ครับ!”

ในที่สุดหมอผางก็พูดประเด็นสําคัญออกมา

“อะไรนะ?!”

น้าสาวตกตะลึงจนแทบจะเป็นลม!

หลันเจี้ยนเฟิงก็ตกตะลึง!

ลูกสาวของเขาเป็นโรคซึมเศร้าอย่างกระทันหันและมีโอกาศสที่จะฆ่าตัวตายด้วย?!

เรื่องนี้สําคัญมาก!

“แล้วต้องทํายังไงครับ รีบพูดออกมาเร็วๆ!”

หลันเจี้ยนเฟิงรู้สึกเสียใจขึ้นมาดังนั้นเขารีบคว้ามือของหมอผางและถามออกมา

“มีทางเดียวเท่านั้นครับ!”

หมอผางพูดออกมาอย่างมั่นใจ

การแสดงระดับนี้หากจะได้รับรางวัลออสการ์คงไม่น่าแปลกเลย!

แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อพูดมาถึงตรงนี้เขาก็เริ่มหลงทางอีกครั้ง

“เดินเล่นครับ!”

หมอผางพูดออกมาอย่างภาคภูมิใจ!

หลันเจี้ยนเฟิงและน้าสาว “???”

“หมู หมา วัว ถ้าอยู่ในรังนานเกินไปมันก็จะไม่มีความสุข! ดังนั้นพวกมันจึงต้องออกไป-เดิน!”

ชายร่างอ้วนเริ่มเปิดเผยลักญณะของสัตวแพทย์ออกมาอีกครั้ง และเริ่มพูดเกี่ยวกับหมูไม่หยุด

ใบหน้าของหลันหน่วนหยานมืดมนลง

ซูเสี่ยวเมิ่ง! เธอไปหาคนจากไหนมาช่วยฉันกันแน่?

ผ่านไปแค่สามประโยคก็กลับมาเรื่องหมูอีกแล้ว?!

เขาเป็นใครกัน?

เจียงเฉิน : หลั่งเหงื่อ

ซูเสี่ยวเมิ่ง! หาคนที่มีความเป็นมืออาชีพอีกหน่อยได้ไหม?!

ซูเสี่ยวเมิ่งเตะหมอผางอีกครั้ง

“โอ้ ผมหมายถึง…เดินไปมาน่ะ! ฮ่าฮ่าฮ่า! ต้องออกไปเดินเล่นรอบๆ!”

หมอผางเปลี่ยนคําพูด “ไม่นานมานี้ ที่คลิกนิกของผมก็มีเท็ดดี้เขามาเหมือนกัน!”

“????”

หลันเจี้ยนเฟิงสับสนอีกครั้ง “เท็ดดี้?”

หลันหน่วนหยานปิดหน้าตัวเองว ?

ซูเสี่ยวเมิ่งสิ้นหวัง

เอามือก่ายหน้าผากตัวเอง

พระเจ้า!

หลันเจี้ยนเฟิงหยุดหมอผางเอาไว้ “ทําไมชื่อแปลกๆจังครับ?”

“ฮ่าๆ”

หมอผางเขินไปซักพักเขาเริ่มรู้ตัวว่าเขาพลาดอีกแล้ว!

เขาเปิดเผยลักษณะของสัตวแพทย์ออกมาอีกแล้ว!

“ฮ่าๆๆ เป็นเด็กชาวต่างชาติชื่อเท็ดดี้นะครับ”

ต้องขอบคุณสมองอันดีเยี่ยมของเขาจริงๆ ในช่วงเวลาวิกฤติแบบนี้ ใบหน้าของเขาไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย หัวใจก็ยังมั่นคงและยังพูดเรื่องไร้สาระออกมาด้วยท่าทางจริงจังได้อีก

“โอ้ โอ้”

หลันเจี้ยนเฟิงและน้าสาวพยักหน้า

“เด็กคนนี้มีผิวสีน้ําตาล!”

ยิ่งเขาพูดมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งดูมีพลังมากขึ้นเท่านั้น “เด็กคนนั้นเวลายืนนี่สูงมากเลยนะครับ”

เขาพูดออกมาพร้อมกับชี้ไปที่หัวเข่า

ใบหน้าของหลันหน่วนหยานมือลงอีกครั้ง

โอ้พระเจ้า- ปล่อยฉันไปเถอะ นั่นมันความสูงของหมาเท็ดดี้ชัดๆ!

นี่มันสัตว์แพทย์ตัวจริงเสียงจริงเลย!

“พ่อแม่ของเขาบอกว่าเด็กคนนี้ชอบพูดมาก!”

“เวลาออกไปข้างนอกก็ชอบหลงทาง!”

“พวกเขาก็เลยจับขังไว้ในบ้าน!”

“สรุปอยู่ที่บ้านเป็นเวลาครึ่งปี!”

“ผลก็คือตอนนี้เด็กคนนั้นไม่พูดอะไรแม้แต่น้อย! เด็กคนนั้นปิดกั้นตัวจากคนอื่นอย่างสมบูรณ์!”

เจียงเฉินที่ได้ยินก็หัวเราะออกมา “ถ้าเท็ดดี้พูดภาษาคนได้ นั่นคงเป็นวิญญาณผีมาเข้าสิงแล้วมั้ง?”

แต่หลันเจี้ยนเฟิงกับน้าสาวต่างตกใจมาก!

“อะไรนะ?!”

พวกเขามองหน้ากัน

“แล้วจะทํายังไงดีคะ?”

“พวกเราควรทํายังไงครับ พวกเราจะได้รีบลงมือ!”

หมอผางพูดออกมาอย่างภาคภูมิใจ “พ่อแม่ของเด็กคนนั้นก็ถามผมแบบนี้เหมือนกัน”

“ตอนนั้นผมตอบเพียงประโยคเดียวเท่านั้น!

“คือ…พาเขาออกไปเดินเล่น!”

“ผลลัพธ์ที่ออกมา – พวกคุณลองเดาดูสิครับ”

ดวงตาของหมอผางเต็มไปด้วยประกายอย่างมีชัย

หลันเจี้ยนเฟิง น้าสาวและซูเสี่ยวเฟิงเข้ามาใกล้กับหมอผาง “เป็นยังไงบ้าง?”

“ทันทีที่พวกเขาออกไป พวกเขาก็พบกับกลุ่มลูกหมา!”

ทันทีที่พูดออกไปหมอผางก็เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ “พวกเด็กๆเล่นกันอย่างสนุกสนานเลย”

“เดี๋ยวก่อนนะ!”

หลันเจี้ยนเฟิงประหลาดใจ “กับกลุ่มลูกหมา?”

“โอ้…เด็กคนนั้นชอบลูกหมาน่ะครับ”

หมอผางที่รู้ตัวว่าตัวเองหลุดปากก็หลั่งเหงื่อเย็นและแก้ตัว

“แต่พอกลับมาบ้านก็เริ่มร้องเรียกแล้ว!”

“เริ่มร้องเรียก? นั่นหมายความว่ายังไง?”

หลันเจียนเฟิงตกตะลึง

หลันหน่วนหยาน : ( )) | 8 กําแพง

“จะเรียกหาใครได้ล่ะครับ?!” หมอผางพูดอย่างกังวล “แน่นอนว่าต้องเป็นพ่อแม่ของเขาไง!”

หมอผางหลุดปากและพูดอย่างภาคภูมิใจ “เจ้าหมาตัวนั้นเชื่อฟังมากเลยนะครับ!”

“ขอฉันพูดหน่อย!”

หลันเจี้ยนเฟิงลุกขึ้นและพูดอย่างโกรธเคือง “เท็ดดี้นั่น! มันเป็นหมาใช้ไหม?! คุณเป็นหมอจริงรึเปล่า? เป็นจิตแพทย์ของคนหรือหมากันแน่?!”

“นี่ นี่”

หมอผางตกใจ “ผมขอโทษครับ! ผมไม่ใช่จิตแพทย์! ผมเป็นแค่สัตวแพทย์ครับ! ผมขอตัวก่อนนะครับ ”

“ไอ้เวร!”

หลันเจี้ยนเฟิงตัวสั่นด้วยความโกรธ ก่อนจะไล่ตามและทุบตีจนสุดทาง “กล้าหลอกฉันงั้นหรอ แกจะวิ่งไปทั่วบ้านฉันเลยใช่ไหม?!”

ซูเสี่ยวเมิ่งกับหลันหน่วนหยานมองหน้ากัน

แววตาสิ้นหวัง!

พังหมดแล้ว!

ตอนนี้เล่นละครต่อไม่ได้แล้ว!

หลันเจี้ยนเฟิงกลับมาและพูดด้วยความโกรธ “ซูเสี่ยวเมิ่ง! เธอไปเชิญหมอมาจากไหน?!”

ซูเสี่ยวเมิ่ง “ลุงคะ ตอนนั้นเขาบอกหนูว่าเขาเป็นจิตแพทย์! แต่หนูไม่รู้จริงๆว่าแท้จริงแล้วเขาเป็นสัตวแพทย์!”

หลันเจี้ยนเฟิง “ก็ได้ ลุงเชื่อ!”

ซูเสี่ยวเฟิงถูกไล่ออกมาจากบ้าน

น่าสงสาร!

แผนการหลบหนีด้วยวิธีการแกล้งเป็นโรคซึมเศร้าล้มเหลว!

ทั้งหมดเป็นเพราะหมอผางคนเดียว!

หลันหน่วนหยานเศร้า….

ซูเสี่ยวเมิ่งเดินก้มหน้าไปหาเจียงเฉิน “ฉันขอโทษนะ ฉันทําพลาด หลันเจี้ยนเฟิงคนนี้จัดการด้วยยากจริงๆ”

เจียงเฉินโบกมือ “ก็ตามที่คาดเอาไว้อยู่แล้ว”

ซูเสี่ยวเมิ่ง “???”

เจียงเฉินยิ้ม

“ตอนนี้รอดูฉันดีกว่า”

หลันเจี้ยนเฟิงที่ทําลายแผนการหลบหนีของหลันหน่วนหยานและซูเสี่ยวเฟิงลงได้ก็รู้สึกภูมิใจเขาส่งตัวหลันหน่วนหยานกลับไปที่ห้อง

“ลูกอยู่ในห้องของลูกไปเถอะ ไม่มีใครช่วยลูกออกไปได้หรอก!”

หลันเจี้ยนเฟิงพูดอย่างมั่นใจ

ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น

รองประธานของเขาโทรมาด้วยความตื่นตระหนก! “คุณ หลัน! เรื่องใหญ่แล้ว! เมื่อกี้จางเทียนเหิงผู้อํานวยการบริษัทกฏ หมายเทียนกวรโทรมาแล้วบอกว่าเขาจะยกเลิกกการลงทุน!”

“อะไรนะ?!”

หลันเจี้ยนเฟิงตกตะลึง–

มันเป็นไปได้ยังไง

ก่อนหน้านี้ฉันเพิ่งจะคุยเกี่ยวกับความร่วมมือทางธุรกิจกับจางเทียนเหิง และขอให้เขาร่วมลงทุนกับโครงการใหม่ของฉันไปเองไม่ใช่หรอ?

นี่คงไม่ใช่ผลที่มาจากหน่วนหยานใช่ไหม?

เขาพูดออกมาทันที “ฉันจะโทรหาผู้อํานวยการจางทันที แล้วถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้น?!”

หลันเจี้ยนเฟิงโทรหาจางเทียนเหิง

“ผู้อํานวยการจาง เพื่อที่ดีของผม! เรามีความเข้าใจผิดอะไรกันรึเปล่า?”

เขาพูดออกมาด้วยรอยยิ้มและเสียงที่สั่น “จู่ๆทําไมถึงยกเลิกความรวมมือกันล่ะ?”

จางเทียนเหิงพูดตอบกลับ “โอ้ ไม่มีอะไรมาก เมื่อวานฉันฝันว่า…”

“ฝัน?”

หลันเจี้ยนเฟิงตกตะลึง

ฝัน ฝันอะไร?

“ใช่ฝันร้ายนะและมันแย่มาก!”

จางเทียนเหิงพูดเรื่องไร้สาระออกมาอย่างจริงจัง “ผมฝันว่าเราร่วมลงทุนกันแล้วโครงการล้มเหลว ซึ่งมันจะทําให้ผมสูญเสียทุกอย่าง! หลังจากที่ผมตื่นขึ้นมาก็เลยลองไปพบหมอดูที่แม่นมากคนหนึ่ง เขาเสนอว่าผมไม่ควรลงทุนกับคุณ เพราะฉะนั้นตั้งแต่นี้ต่อไปผมจะไม่มีการร่วมลงทุนอีก คุณก็รู้ดีว่าผมก็แค่บริษัทกฎหมายเล็กๆ เงินทุนก็มีจํากัด…”

หลันเจี้ยนเฟิงพูดไม่ออก

เขาฝันถึงการลงทุน และโครงการก็ล้มเหลว?!

ดูดวง?

แล้วหลังจากนี้จะไม่มีการยุ่งอะไรกันอีก?

พระเจ้า!

คุณมีหัววิทยาศาสตร์บ้างไหม?

เขารีบพูดออกมา “ผู้อํานวยการจาง เราเป็นพี่น้องกันมาหลายปี แต่มันจะมาจบกันเพราะความฝัน มันไม่ตลกไปหน่อยหรอ? ผมขอคําอธิบายจริงๆเถอะนะ”

“ถ้าอยากได้ก็มาหาผม”

มุมปากของจางเทียนเหิงกระตุก

“โอเค ผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละ!”

หลันเจี้ยนเฟิงรีบวิ่งราวกับกําลังโดนไล่ทุบตี

เขาวิ่งออกจากบ้านทันที

อย่างไรก็ตามหลันเจี้ยนเฟิงยังมีสติอยู่อีกมาก ก่อนออกเดินทางเขาไม่ลืมที่จะย้ํากับบอดี้การ์ด “จําไว้! หลันหน่วนหยานไม่ได้รับอนุญาติให้ออกไปไหน! ใครมาก็ห้ามเปิดประตู!”

หลันหน่วนหยานมองไปที่ชายชราผู้ยิ่งใหญ่ด้วยท่าที่งุนงง ขณะรีบออกจากบ้านราวกับมีเหตุการณ์สําคัญเกิดขึ้น

หลันเจี้ยนเฟิงรีบเข้าไปที่ห้องทํางานของจางเทียนเหิงและร้องไห้ออกมา

“พี่เทียนเหิง นี่พี่ชื่อไสยศาสตร์จริงๆหรอ

“ช่วยไม่ได้นี่ ก็ฉันเชื่อเรื่องพวกนี้”

“พี่เทียนเหิง เราเป็นเพื่อกันมาหลายปีนะฉันจะทําร้ายพี่ได้ยังไง?”

“ก็ใช่ แต่โครงการนี้เสี่ยงมากผมขาดทุนไม่ได้”

จางเทียนเหิงสายหัว

“ก็ได้

หลันเจี้ยนเฟิงอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ําตา เขาวางแผนโครงการนี้มาสองปี และพยายามลดความเสี่ยงให้เหลือน้อยที่สุด เพราะเมื่อมันประสบความสําเร็จแล้วกําไรที่เขาจะได้นั้นมหาศาลมาก!

แต่อยู่ๆก็มีคนฝันว่าโครงการจะล้มเหลว

มันเกิดอะไรขึ้นกัน?

หลันเจี้ยนเฟิง “พี่เทียนเหิงเชื่อผมเถอะให้โอกาศกับมิตรภาพของเรา!”

จางเทียนเหิงยิ้มและมองไปที่โทรศัพท์ของเขา

โทรศัพท์ของเขาเปิดอยู่เสมอ

เจียงเฉินกําลังฟังการพูดคุยผ่านมันอยู่

“ไม่ใช่ว่าไม่สามารถให้โอกาศได้”

จางเทียนเหิงพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจ “คนดูดวงของฉันบอกว่าการที่นายทําตัวขาดศีลธรรมก่อนหน้านี้ มันจะเป็นตัวสร้างความเสียหายให้กับโชคลาภของนาย ดังนั้นฉันก็เลยฝันร้าย แต่ตราบใดที่นายยอมถอยและเลิกทําสิ่งที่ชั่วร้าย เทพเซียนก็จะอวยพรให้นายและนําทางให้โครงการกลับมาประสบความสําเร็จ!”

หลันเจี้ยนเฟิง “???”

ทําไมฉันรู้สุกว่ามีบางอย่างผิดปกติ?

“พี่หมายความว่ายังไง…”

“หน่วนหยานหายไปจากการทํางานโดยที่ม่ามีเหตุผลมาสองวันแล้ว นายได้ขังเธอเอาไว้รึเปล่า? นายคงไม่ได้ทําอะไรผิดกฎหมายใช่ไหม?”

จางเทียนเหิงขมวดคิ้ว

“พี่หมายถึงพี่ต้องการให้ผมปล่อยลูกสาวผมออกมา?”

หลันเจี้ยนเฟิงตระหนักได้ทันที

จางเทียนเหิงพูดออกมา “นายจะปล่อยเธอหรือไม่ก็เรื่องนาย แต่ฉันจะลงทุนหรือไม่ก็เรื่องของฉัน”

หลันเจี้ยนเฟิงตกตะลึง–

หลันหน่วนหยานทํางานที่บริษัทกฎหมายเทียนกวน มันจึงไม่แปลกที่จางเทียนเหิงจะรู้ว่าเขานั้นกําลังขังลูกสาวตัวเองไว้

แต่ตอนนี้จางเทียนเหิงกลับต้องการให้เขาปล่อยตัวลูกสาวตัวเอง?

มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

เมื่อคิดถึงวันที่เขานั้นนั่งรถตี้ตี้(รถของเจียงเฉิน)มาในวันนั้น การพูดคุยเรื่องความร่วมมือในการลงทุนกับจางเทียนเหิงนั้นดูจะเรียบง่ายเป็นพิเศษ ซึ่งมันไม่เหมือนกับตอนนี้แม้แต่น้อย

หรือบางทีอาจมีเบื้องหลังลึกลับที่มองไม่เห็นกําลังจับตาอยู่?

มันเหมือนกับกําลังมีบุคคลลึกลับที่มีเบื้องหลังที่ยากที่จะหยั่งรู้กําลังควบคุมทุกสิ่งอยู่

“ไม่ มันเป็นไปไม่ได้!”

หลันเจี้ยนเฟิงส่ายหัวไปมา “มันจะต้องเป็นภาพหลอนแน่ๆ!”

“งั้นก็อย่าโทษที่ฉันใจร้ายก็แล้วกัน”

จางเทียนเหิงส่ายหัว “ตราบใดที่นายยังขังตัวลูกสาวนายไว้ ฉันก็จะไม่มีวันร่วมมือกับนาย”

หลันเจี้ยนเฟิง : (H)!!

หลังจากนั้นเขากลับมาที่บ้านด้วยความสับสนเขาพยายามชั่งน้ําหนักตัวเลือกทั้งสองที่มีอยู่ในมือ

เขาจะยอมจํานนต่อแรงกดดันของจางเทียนเหิง และปล่อยลูกสาวเขาออกมาหรือจะต่อต้านจนถึงที่สุดดี?

ทันใดนั้นเขาก็ได้รับโทรศัพท์จากรองประธานอีกครั้ง

“เกิดอะไรขึ้นอีก?”

หลันเจี้ยนเฟิงพูดออกมาอย่างใจร้อน

“คุณหลัน มีเรื่องใหญ่อีกแล้วครับ!”

รองประธานพูดอย่างตื่นตระหนก “ก่อนหน้านี้บริษัทหลักทรัพย์กั่วตู้ ที่คอยให้เงินกู้เราไม่อยากยาวนานได้หยุดการอนุมัติการกู้กับเราแล้ว แล้วทําการถอดตัวทันที!”

“อะไรนะ?!”

หลันเจี้ยนเฟิงรู้สึกราวกับถูกสายฟ้าฟาดใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความมึนงง –

ก่อนหน้านี้จางเทียนเหิงยุติความร่วมมือกับโครงการใหม่ของเขาเขายังสามารถทนได้

พอถึงยังไงแม้ว่าโครงการใหม่จะเป็นโอกาสที่ดี แต่หากไม่มีเงินลงทุน โครงการก็ไม่สามารถไปต่อได้อยู่ดี!

และต่อให้มีการร่วมมือกันบริษัทของเขาก็ยังเป็นบริษัทหมื่นล้านอยู่ดี!

แต่ถ้าเกิดเขานั้นไม่มีเงินกู้บริษัทก็จะตกอยู่ในอันตรายทันที!

การที่บริษัทจะดําเนินกิจการต่อไปได้นั้นเงินกู้ก็ไม่ต่างจากเลือด มีบริษัทไหนบ้างที่บริหารเงินทั้งหมดด้วยเงินทุนของตัวเอง 100% พวกเขาต่างต้องทําการกู้ยืมเท่านั้น

“ทําไมกัน? ใช้เวอร์ชั่นใหม่ทําให้ประธานโจวหมิงโกรธมานะ?”

ใบหน้าของหลันเจี้ยนเฟิงดูแย่ลงทันที

โจวหมิงประธานบริษัทหลักทรัพย์วคู่นั้นเป็นนักลงทุนหลักในการดําเนินงานของบริษัทของเขา!

ถ้าหากว่าโจวหมิงนั้นตั้งใจที่จะยุติการให้เขากู้เงิน มันจะเป็นหายนะสําหรับบริษัทของเขาทันที!

“ผมก็ไม่ทราบครับ แต่ดูเหมือนประธานโจวจะโกรธมาก”

รองประธานพูดออกมาด้วยความกังวล “ท่านประธานครับ ได้โปรดลองติดต่อหาประธานโจวก่อนนะครับและอธิบายเขาฟัง ถ้าเกิดเงินกู้ของพวกเราหมดไป บริษัทของเราจะแย่ทันที!”

“เข้าใจแล้ว!”

หลันเจี้ยนเฟิงโทรหาโจวหมิงอย่างรวดเร็ว

“ประธานโจวไม่ทราบทําไมคุณถึงยุติการให้ยืมเงินกับ ผมครับ?”

โจวหมิงพูดอย่างเคร่งขรึม “ใช่แล้ว จริงแล้วความร่วมมือระหว่างเรานั้นก็เป็นไปด้วยดีเสมอ แต่… เมื่อเร็วๆนี้ ตาขวาของฉันกระตุกทุกครั้งที่เห็นคุณ ผมก็เลยขอถอนตัวออกก่อนดีกว่า”

หลันเจี้ยนเฟิง “???”

สถานการณ์แบบนี้มันคืออะไรกัน?

จางเทียนเหิงก็ฝัน ตาขวาของคุณก็กระตุก?

“ก็อย่างสุภาษิตโบราณว่าเมื่อตาขวากระตุก มันจะต้องมีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง”

โจวหมิงพูดออกมาด้วยความจริงใจ “ตั้งแต่นี้ต่อไปพวกเราจะไม่มีความร่วมมือกันอีก”

“แต่นั่นมันเป็นแค่ไสยศาสตร์เองนะครับ”

หลันเจี้ยนเฟิงกําลังจะร้องไห้ “เพียงเพราะตาขวากระตุกก็เลยยกเลิกความร่วมมือทั้งหมดมันไม่เอาแต่ใจเกินไปหน่อยหรอ?”

“ก่อนหน้านี้ฉันก็ไปหาหมอดูมาแล้ว!”

โจวหมิงพูดอย่างเคร่งขรึม “หมอดูบอกว่าคุณทําผิดศีลธรรมมา! ดังนั้นเทพเซียนก็เลยเตือนฉันมาให้ร่วมมือกับคุณ!”

“ใครกัน?”

หลันเจี้ยนเฟิงแทบจะต้องไห้ออกมาราวกับสุยัข “หมอดูคนนี้เป็นใครกัน ผมจะไปตามหาเขาเพื่อชําระบัญชี!”

ทําไมต้องเป็นหมอดูอีกแล้ว?

เป็นไปได้ไหมว่าจะเป็นคนเดียวกับที่ดูให้จางเทียนเหิง?

หลันเจี้ยนเฟิงวิ่งออกไปพร้อมกับเหงื่อที่ไหลออกมาอย่างมากมาย ไม่นานเขาก็มาถึงบริษัทกั่วคู่ของโจวหมิงที่ตั้งอยู่บนอาคารศูนย์กลางทางการเงิน

“ประธานโจวทําไมคุณถึงไม่ผมกู้เงินล่ะ?” หลันเจี้ยนเฟิงอยากจะร้องไห้ออกมา แต่ก็ไม่มีน้ําตา

“ผมรู้สึกว่าคุณมีนิสัยที่ไม่ดี และไม่นานมานี้มันก็ทําให้ตาขวาของผมกระตุก แล้วหมอดูบอกว่าผมจะต้องตัดความสัมพันธ์ทั้งหมดระหว่างผมกับคุณ!”

เพื่อโน้มน้าวให้เชื่อโจวหมิงก็นํากระดาษยันต์ออกมาพร้อมกับกระบี่ไม้ท้อ!

เข้าทําการวางพวกมันทั้งหมด เอาไว้ต่อหน้าหลันเจี้ยนเฟิง

ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความจริงจัง

หลันเจี้ยนเฟิง “”

ในเวลานี้เองโจวหมิงก็พูดออกมาอย่างจริงจัง “ผมคิดว่าผมอาจจะยังสามารถให้คุณยืมกันต่อไป ถ้าคุณไม่ทําเรื่องที่ผิดศีลธรรมแบบนั้นลงไป ผมก็ได้ยินมาจากเจียง….อะแฮ่ม ว่าได้คุณได้ทำการกักขังตัวลูกสาวของคุณเอาไว้ คุณทำไมเธอออกไปข้างนอก ไม่ให้เธอได้ใช่โทรศัพท์ การกระทำของคุณทำให้ฟ้าดินพิโรธ

หลันเจี้ยนเฟิงมองดูด้วยความรู้สึกแปลกๆ

ทําไมฉันเหมือนเพิ่งได้ยินอะไรแบบนี้ไป?

แล้วเมื่อเขาพูดถึงเจียงอะไรกัน??

โจวหมิงก็ต้องการให้ฉันปล่อยลูกสาวออกไปด้วยงั้นหรอ?

ทําไมรู้สึกเหมือนว่าทั้งสองมีการวางแผนมาแล้ว!

หลันเจี้ยนเฟิงใช้เวลาอีกหลายนาทีเพื่อพยายาโร้มน้าวโจวหมิง แต่โจวหมิงกลับไม่เห็นด้วยและเอาแต่พูดว่า “ขาดศีลธรรม!”

หลันเจี้ยนเฟิงกลับบ้านและคิดดู

จู่ๆโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง

หลันเจี้ยนเฟิงรู้สึกกลัว

เสียงของรองประธานดังขึ้นอีกครั้ง “คุณหลัน”

“ไสหัวไป!”

หลันเจี้ยนเฟิงคํารามออกมา “มีอะไรเกิดขึ้นอีกแล้วใช่ไหม?!”

“ลูกค้าของเราหลายคนโทรมายุติข้อตกลงครับ…. ตอนนี้ แค่กดรับสายโทรศัพท์ผมยังกดไม่ได้เลย”

รองประธานถึงกับสะอื้นออกมา

“อะไรนะ?!”

หลันเจี้ยนเฟิงทรุดตัวลงบนเก้าอี้ของเขา “ว่าเขาพูดว่าอะไรกัน ทําไมพวกเขาถึงยุติข้อตกลงกัน?”

“เหตุผลของพวกเขามันยุ่งเหยิงกันไปหมดครับ!”

รองประธานบ่นออกมา “ไม่รู้ว่ามีผู้เชี่ยวชาญจากที่ไหนมา บอกว่าบริษัทของพวกเราไม่ดีและยังบอกอีกว่าท่านประธานห้ามลูกสาวออกจากบ้านและมันเป็นปัญหาด้านนิสัยของเขา ดังนั้นหากร่วมลงทุนกับบริษัทนี้แล้วก็จะไม่มีการรับประกันว่าจะได้ผลกําไรตามที่หวัง”

“ฉันน.89% ”

หลันเจี้ยนเฟิงโกรธจนปากเบี้ยว!

สาเหตุของเรื่องบ้านี่มันคืออะไรกัน?!

เมื่อนึกถึงครั้งสุดท้ายที่น้องสะใภ้เขาถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลหมิงเต๋อ และเขานั้นก็ได้พบกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญชั้นนําที่มีอํานาจมาก จนเขาไม่สามารถดึงตัวมาได้ง่ายๆ

แต่เขาก็พบความจริงบางอย่าง!

“ตอนนั้นฉันพบว่าแฟนของลูกสาวฉันที่มีแซ่ว่าเจียงเป็นคนที่คอยสนับสนุนเธอ!”

“บัดซบ! จะต้องเป็นมันแน่ๆ!”

“แต่บุคคลลึกลับแซ่เจียงนั้นคือใครกัน?”

“เดี๋ยวนะ… หวั่นคนขับตี้ตี้ก็แซ่เจียง?”

“เมื่อรวมกับสิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่างแล้ว…”

“ก็เป็นไปได้ว่า…”

หลันเจี้ยนเฟิงคิดอย่างรอบคอบ