บทที่ 173 คุณออกัส หลอกล่อคนได้เก่งจริงๆ

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

เมื่อเห็นภาพในห้องนั่งเล่น ป้าบัวก็อดที่จะรู้สึกเวียนหัวขึ้นมาไม่ได้ คุณออกัสนะ……คุณออกัส……นี่กำลังทำอะไรอยู่ ?

เห็นเพียง ห้องนั่งเล่นตรงหน้ามีสุนัขตัวใหญ่พันธุ์ทิเบตัน มาสทิฟฟ์นั่งยองๆอยู่ความสูงขนาดเท่าครึ่งตัวคน กำลังแยกเขี้ยวและส่งเสียงร้อง

และคุณออกัสก็นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร คุณหนูน้อยนั่งอยู่บนตักของเขา ใบหน้าของเด็กน้อยเต็มไปด้วยความหวาดกลัว สองมือเล็กๆจับไปที่เสื้อตรงหน้าอกของคุณออกัสแน่น

จากนั้น คุณออกัสก็ยื่นช้อนไป คุณหนูน้อยก็อ้าปากออกอย่างว่าง่าย กินโจ๊กเขาไป และไม่ขัดขืนใดๆ

ป้าบัวก็ยิ่งปวดหัวมากขึ้นไปอีก เธอให้คุณออกัสหลอกล่อคุณหนูน้อยไม่ได้ให้เขามาทำให้คุณหนูน้อยตกใจกลัว !

คุณออกัสไม่รู้จักพูดเพราะๆ ไม่รู้จักพูดกล่อม ไม่ใช้คำพูดที่คุณหนูน้อยอยากได้ยินมาหลอกล่อเธอ แต่กลับเอาสุนัขตัวใหญ่นี้มาแทน เธอเองยังตกใจกลัวไปด้วยเลย แล้วนับประสาอะไรกับคุณหนูน้อยกัน

แต่ก็อย่างว่า ผู้ชายที่หลอกล่อเด็กเป็นจะมีสักกี่คนกัน?

แต่ไม่ว่าอย่างไรวิธีนี้ก็ถือว่าได้ผลมาก ทีละคำๆ ในที่สุดซารางก็กินโจ๊กจนหมดชาม

ยื่นชามเปล่าให้ป้าบัว ออกัสอุ้มซารางไปที่ห้อง วางเธอลงบนเตียง และถอดรองเท้าของเธอ “นอนซะ ”

ซารางยังคงหวาดกลัวมองดูสุนัขตัวนั้นที่อยู่ในห้องนั่งเล่นผ่านรอยแยกของประตู ห่มผ้าให้เธอ น้ำเสียงของออกัสนุ่มนวล“ รีบนอนซะ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวเจ้าดิ๊กก็จะเข้ามาอีกนะ ……”

เจ้าดิ๊กเป็นชื่อของสุนัขตัวใหญ่พันธุ์ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ตัวนั้น ชั่วพริบตา ซาราง ก็ปิดเปลือกตาลงอย่างรวดเร็วทันที

ยกยิ้ม รอจนเด็กน้อยหลับไป ออกัสก็กลับไปที่ห้อง และเริ่มตรวจเอกสาร

ตรวจเอกสารอยู่เกือบราวๆหนึ่งชั่วโมงได้ จู่ๆเขาก็ดันเอกสารทั้งหมดออก รู้เพียงจิตใจสับสนกระวนกระวาย

และ สาเหตุหลักของคนที่ทำให้เขาสับสนกระวนกระวายนี้ก็คือผู้หญิงคนนั้น!

ทำแบบเดียวกันนี้กับผู้ชายคนอื่นก็ย่อมมีอารมณ์ไม่ต่างกัน แล้วผู้ชายคนนั้นเป็นใคร องค์ชายเหรอ ?

ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด มือที่เรียวยาวนวดคลึงไปที่หน้าผากเบาๆ เขาลุกขึ้น กะจะไปที่ตู้เก็บเหล้าในห้องนั่งเล่นเพื่อหยิบเหล้ามาขวดหนึ่ง

ระหว่างทาง ตอนที่เดินผ่านห้องของเด็กหญิงตัวน้อย ได้ยินเสียงสะอื้นไห้ดังลอดออกมาจากภายในห้องนั้น

คิ้วที่ได้รูปก็ขมวดแน่น ออกัสหยุดขาที่ก้าวลง หันหลัง แล้วเดินเข้าไปในห้อง มือใหญ่เอื้อมไปเปิดไฟภายในห้องนอน

ผ้าห่มที่คลุมโปงอยู่สั่นไหวไปมา เดินเข้าไป แล้วดึงผ้าห่มออก เห็นซารางร้องไห้สะอึกสะอื้น ดวงตาแดงก่ำ น้ำหูน้ำตาไหลเลอะเปรอะเปื้อนไปหมด ช่างน่าสงสารจับใจ

เมื่อเห็นว่าเป็นเขา ซารางก็ฝังใบหน้าลงกับผ้าห่ม และร้องไห้คร่ำครวญ“นิสัยไม่ดี!คุณมันคนนิสัยไม่ดี!คนเลว!ไม่ให้หนูเจอหม่ามี๊ ยังให้หมามากัดหนูอีก ออกไปเลยนะ หนูคิดถึงหม่ามี๊ หนูจะหาหม่ามี๊ ฮื่อๆๆ……”

ตัวเธอเล็กมาก และตัวนิดเดียว อยู่ในห้องมืดๆร้องไห้คนเดียวลำพังจนน้ำหูน้ำตานองหน้าไปหมด

ริมฝีปากบางถอนหายใจแผ่วเบา ออกัสใจเหลวเป็นน้ำ ที่มากกว่านั้นคือเจ็บปวดใจ สองมืออุ้มหนูน้อยขึ้นมาจากกองผ้าห่ม เช็ดน้ำตาให้ “ ไม่ต้องร้องแล้ว……”

เสียใจขนาดนี้ จะทนเก็บไว้ได้ยังไง เขาพูดของเขา ซารางก็เอาแต่ร้องไห้ไม่หยุด และร้องไห้หนักกว่าเดิม

“ไม่ต้องร้องแล้ว……”

“ฮื่อๆๆ……”

“เจ้าดิ๊กอยู่ข้างนอก……”

“ฮื่อๆๆ นิสัยไม่ดี คนนิสัยไม่ดี คิดถึงหม่ามี๊ จะหาหม่ามี๊……”

นิ้วมือเขาลูบไปที่หน้าผากเบาๆ ยอมแพ้แล้ว“ เอาโทรศัพท์ไหม โทรหาหม่ามี๊ของหนู……”

เมื่อได้ยินดังนั้น เด็กน้อยที่ร้องไห้ฟูมฟายเมื่อครู่ก็หยุดลงทันที น้ำตาคลอเบ้า มองมาที่เขาอย่างน่าสงสาร ยื่นมือเล็กๆที่ขาวนวลออกมา และยังคงสะอื้นอยู่ “โทรศัพท์ กดโทรหาหม่ามี๊ให้หนู”

เจ้าเด็กคนนี้ สีหน้าเปลี่ยนในทันที ไม่ว่าจะยังไง พอเอาเข้าจริง เขาก็รับมือกับน้ำตาของเจ้าเด็กน้อยไม่ได้เลย

“เช็ดน้ำตาให้แห้งก่อน……”เขาจ้องมองเด็กน้อย แล้วหยิบโทรศัพท์ออกมา

เมื่อเห็นดังนั้น เด็กน้อยก็รีบเช็ดน้ำตาออกอย่างเร็ว นั่งอยู่กับที่อย่างว่าง่าย เหมือนลูกหมาตัวน้อย รอเขาต่อสายให้

จ้องมองดูเธอ ออกัสก็กดโทรออก ไม่นาน ก็ต่อสายได้

ไม่รอให้เขาได้กระทำการใดๆ ซารางก็คว้าโทรศัพท์มาถือไว้เอง แนบไปกับหู เอ่ยเรียกอย่างเศร้าเสียใจว่า“หม่ามี๊ หนูคิดถึงหม่ามี๊ หม่ามี๊จะมารับหนูกลับบ้านเมื่อไหร่ ? ”

“เร็วๆนี้นะ หม่ามี๊จะไปรับซารางกลับบ้าน ซารางได้กินอะไรไหม?”เชอร์รีนได้ยินเสียงที่อ่อนเยาว์นั้น ในใจก็ราวกับฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาในทันที น้ำเสียงทั้งนุ่มนวลและอ่อนโยน

เมื่อเห็นสายที่โทรเข้ามาของเขา เธอก็นึกไปถึงเรื่องที่น่าอับอายในตอนกลางวัน อยากจะกดตัดสายทิ้ง โชคยังดี ที่เธอไม่ได้ทำแบบนั้น!

“กินแล้ว กินโจ๊กไปถ้วยหนึ่ง……”เพราะคนนิสัยไม่ดีเอาสุนัขตัวใหญ่มาตัวหนึ่ง แล้วบอกว่าถ้าเธอไม่กิน สุนัขตัวใหญ่นี้จะกัดเธอ

อยากจะฟ้องหม่ามี๊ แต่ก็เห็นคนนิสัยไม่ดีนั่งมองดูเธออยู่ เธอกลัวว่าหากพูดอะไรไม่ดีเกี่ยวกับเขา เขาก็จะแย่งโทรศัพท์ไป ดังนั้น เธอไม่กล้าพูดเรื่องแย่ๆอะไรที่เกี่ยวกับเขา

ในตอนแรก ต่อหน้าเขา ซารางก็ยังรู้สึกเกร็งๆอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ผ่านไปได้สักพัก ก็ราวกับเขาไม่มีตัวตนอยู่อีกต่อไป

เรียกหม่ามี๊เสียงหวานอยู่แบบนั้นซ้ำๆ ถือโทรศัพท์ไว้ไม่ยอมปล่อย เธอไม่ได้เจอหม่ามี๊มาสองวันแล้ว เธอคิดถึงมากจริงๆ

และเชอร์รีนที่อยู่ปลายสายก็คิดถึงมากด้วยเช่นกัน เมื่อได้ยินเสียงของซาราง ที่เอาแต่เรียกหม่ามี๊ก็ไม่อยากที่จะกดวางสายไป

ก้มหน้าลง ดวงตาที่ลุ่มลึกของออกัสก็เหลือบมองดูเวลา ตั้งแต่ที่ต่อสายได้ ทั้งสองคนก็คุยกันเกือบสี่สิบนาทีแล้ว และดูทีท่าไม่คิดจะวางสายกันเลย

คิ้วของเขาค่อยๆขมวดขึ้น หยิบโทรศัพท์จากซารางมา จากนั้นก็กดวางสาย “ได้เวลานอนแล้ว ”

ซารางยังคงจ้องไปที่โทรศัพท์ของเขา สองมือน้อยๆประสานกัน “พรุ่งนี้หนูโทรหาหม่ามี๊อีกได้ไหม?”

“แต่การกระทำของหนู……”

“ถ้าเป็นเด็กดีแล้วเชื่อฟัง ก็จะโทรหาหม่ามี๊ได้ใช่ไหม ? ”

เธอกะพริบตาปริบๆ สีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวัง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับใบหน้าเล็กๆนี้ คำพูดที่หยาบกระด้างของออกัสก็แทบจะพูดมันไม่ออก ตอบรับเสียงเรียบ แล้วอุ้มเธอขึ้นมา

ปล่อยให้เธอนอนคนเดียวในห้องนี้ไม่ได้อีก บางที เธออาจจะร้องไห้ขึ้นมากลางดึกอีก เขาไม่วางใจ……

เมื่อเดินผ่านห้องนั่งเล่น เจ้าดิ๊กกำลังนอนหมอบอยู่ ร่างเล็กๆของซารางอดไม่ได้ที่จะซุกเข้าในอ้อมแขนของเขาด้วยความกลัว ในใจยังหวาดผวาอยู่

“เจ้าดิ๊กไม่กัดหรอก……” ดูเหมือนเขาจะทำเธอกลัวมาก

“แต่ว่า มันตัวใหญ่มาก ปากของมันก็ใหญ่ สูงกว่าหนูอีก ต้องกัดคนแน่ๆ ”

มุมปากยกหยัก ออกัสหยิบอาหารสุนัขติดมือมา น้ำเสียงทุ้มต่ำและเต็มไปด้วยแรงดึงดูด “เจ้าดิ๊ก。”

สุนัขตัวใหญ่ที่กำลังเคลิ้มอยู่ก็ตื่นขึ้นในทันที กระดิกหางอย่างมีความสุข ยื่นหัวเข้ามา กินอาหารสุนัขในมือของเจ้านายจนหมดเกลี้ยง

กะพริบตาถี่ๆ ซารางรู้สึกถึงความแปลกใหม่ที่ไม่ธรรมดา“ มันไม่กัดเหรอ ?”

“อยากลองไหม?”

“หนูกลัว”เมื่อกี้มันยังเห่าใส่เธอ เสียงดังมาก !

“มีแด๊ดดี้อยู่……”ระหว่างที่พูด เขาก็เอนตัวลง วางร่างเล็กๆของเธอลงบนพื้น หยิบอาหารสุนัขมากำหนึ่งแล้ววางลงบนฝ่ามือที่นุ่มนิ่ม แล้วเรียกเสียงทุ้ม

สุนัขตัวใหญ่วิ่งมาทางซาราง ทันใดนั้น เธอกลัวจนต้องหลบไปยืนอยู่ด้านหลัง ออกัสกอดเธอไว้ในอ้อมแขน ไม่ให้เธอขยับ และถอยห่างไป

ในตอนนี้ เจ้าดิ๊กได้ก้มหัวลงและเลียฝ่ามือของซาราง ในตอนแรก มือเล็กๆของเธอยังหลบหลีกด้วยความกลัว แต่คุณอานิสัยไม่ดีก็อยู่ข้างหลังเธอ เธอก็จึงไม่กลัว

จ้องมองไปที่เจ้าดิ๊กอย่างสงสัย เธอแลบลิ้นสีชมพูเล็กๆของเธอออกมา เลียนแบบท่าทางของมัน และเรียกชื่อเจ้าดิ๊กด้วย

ราวกับรู้ว่าเธอเป็นเจ้านายตัวน้อย หางของเจ้าดิ๊กก็กระดิกไปมาอย่างเริงร่า กัดไปที่เสื้อผ้าของเธอเบาๆ แล้วจากนั้น นอนหงายยกขาชี้ขึ้นแล้วกลิ้งไปมาที่พื้น

ซารางรู้สึกสนุกกับมัน หัวเราะคิกคัก หย่อนก้นลง และเกาไปที่ตัวของเจ้าดิ๊ก

รอเธอสนุกจนพอ ออกัสก็อุ้มเธอกลับไปที่เตียงใหญ่ในห้องนอน จากนั้น ร่างที่สูงใหญ่ก็เอนตัวนอนลงไปด้วย

“พรุ่งนี้หนูเล่นกับเจ้าดิ๊กอีกได้ไหม ? ”เธอเอียงคอถาม

“ได้……”

เมื่อเห็นดังนั้น เธอได้คืบจะเอาศอก“ แต่ว่า พรุ่งนี้หนูก็อยากไปสวนสาธารณะกับหม่ามี๊ ได้ไหมคะ?”

“……”เขาเลิกคิ้วขึ้น และไม่ได้พูดอะไร

แม้ว่าเด็กจะยังเล็ก แต่ก็รู้จักเอาใจ โน้มตัว และจูบไปที่ใบหน้าของออกัส น้ำเสียงแผ่วเบา“คุณอา ได้ไหมคะ?”

เมื่อสัมผัสที่เนียนนุ่ม และเปียกชุ่มแทรกซึมเข้ามา ออกัสก็ถึงกับสะดุ้งเล็กน้อย จากนั้นหัวใจก็เหลวเป๋วตอบรับออกไปอย่างไม่รู้ตัว