บทที่ 174 ผมจะไปกับพวกคุณด้วย

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

ดูๆไปแล้ว ลูกสาวของเขายังได้เรื่องกว่าผู้หญิงคนนั้นซะอีก !

เพียงแต่ อายุยังน้อยแบบนี้ ใครกันที่สอนให้เธอใช้ความสวยงามมาเป็นเครื่องมือแบบนี้ ?

“คุณอาใจดีที่สุด!”เธอตะโกนเสียงดัง แล้วจูบเขาอีกสองฟอดใหญ่

อันที่จริงแล้ว นิสัยของเด็กน้อยก็ประมาณนี้ พวกเขาก็แค้นเคืองเป็น แต่ขอแค่เราทำดีกับเขา เขาก็จะลืมเรื่องที่ไม่พอใจเหล่านั้นทิ้งจนหมด !

ความหงุดหงิดที่ค้างคาอยู่ในใจของเขาก็ได้จางหายไปเพราะการกระทำของเด็กตัวน้อย มุมปากของเขายกหยักขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้“ เรายังเคยหอมใครอีก?”

เด็กน้อยยื่นมือที่ขาวเนียนออกมา พลางนับ พลางพึมพำว่า “เออ หอมหม่ามี๊ คุณยาย คุณตา คุณน้า โซชิ คุณอาองค์ชาย อาจารย์ดวงใจ และก็คุณอาสุดหล่อ……”

ไม่ถามก็ดี พอถามไปแล้ว ใบหน้าที่หล่อเหลาของออกัสก็มืดมน สั่งสอนไปว่า“ต่อไปห้ามหอมใครไปเรื่อยอีก ได้ยินไหม?”

“ทำไมล่ะคะ ?” ซารางไม่เข้าใจ ทำไมถึงหอมคนอื่นไม่ได้ ?

“มันมีเชื้อโรค ”หน้าเขาไม่แดง หัวใจก็ไม่เต้นรัวสีหน้าจริงจัง

“แต่ว่า คุณตากับคุณยายชอบให้หนูหอมพวกเขา คุณอาองค์ชายกับคุณอาสุดหล่อก็ด้วย ชอบให้หนูหอมพวกเขา ยังบอกอีกว่าหนูสวย เป็นเด็กดี และเชื่อฟัง !”

ออกัสหรี่ตาลง“ ทีหลังก็หอมได้แค่คุณตา กับคุณยาย แต่คุณอาองค์ชายกับคุณอาสุดหล่อหอมไม่ได้นะ”

“เพราะคุณอาองค์ชายกับคุณอาสุดหล่อมีเชื้อโรคเหรอคะ ?”

“ใช่……”

“แล้วคุณอาล่ะ ? คุณอาก็หอมไม่ได้ใช่ไหม มีเชื้อโรคเหมือนกัน ?”

“……”ดวงตาของเขากลิ้งกลอกไปมา “ไม่มี”

“ทำไมคุณอาถึงไม่มีเชื้อโรค คุณอาองค์ชายกับคุณอาสุดหล่อถึงมีล่ะคะ? เป็นคุณอาเหมือนกันแท้ๆ !”

“ไม่ได้เป็นคุณอา แต่เป็นแด๊ดดี้ นอนซะ……”

“คุณอาสัญญาแล้วว่าพรุ่งนี้จะให้หนูไปสวนสาธารณะกับหม่ามี๊ มาเกี่ยวก้อยกัน เปลี่ยนใจไม่ได้นะ!”

ออกัสนอนและไม่ขยับ ซารางยกมือใหญ่ของเขาขึ้นด้วยตัวเอง จากนั้นก็พยายามเกี่ยวไปที่นิ้วมือของเขา“เกี่ยวก้อยสัญญา พูดแล้วไม่คืนคำ ใครคืนคำเป็นไอตูดหมึก!”

“……”

แม้ว่าจะย้ายทั้งห้องและย้ายทั้งเตียง แต่ยังดี ที่ซารางไม่ได้เป็นเด็กติดเตียง อาจเพราะร้องไห้งอแงมาทั้งวัน ตอนนี้คงจะเหนื่อยแล้วจริงๆ สักพัก ก็ผล็อยหลับไป

หน้าจอมือถือมีแสงวาบขึ้นมา จากนั้นก็สั่น แขนยาวเหยียดออกไป ออกัสหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ลุกขึ้น แล้วเดินไปที่หน้าต่างแล้วกดรับสาย“แม่……”

น้ำเสียงทุ้มต่ำ พร้อมกับพยายามพูดเก็บเสียง กลัวจะปลุกคนตัวเล็กบนเตียงให้ตื่น

“ทำไมเสียงแกถึงได้เบาจัง ?”สุนันท์ย่อมฟังมันออก

เขาขยับริมฝีปาก พูดอย่างขอไปทีว่า “เพิ่งตื่นครับ โทรมาซะดึกเลย แม่มีธุระอะไรหรือเปล่า?”

“ออกัส ช่วงนี้อาการป่วยของคุณยายเป็นยังไงบ้าง ? แม่อยากจะไปอเมริกา ไปหาคุณยาย”สุนันท์กล่าว

“แม่ไม่ต้องไปอเมริกาหรอก ตอนนี้อาการดีขึ้นมาแล้ว อีกไม่กี่วัน ก็กลับเมืองบีเจแล้ว ”

เมื่อได้ยินดังนั้น สุนันท์ก็จึงเบาใจ“ งั้นก็ดี โทรติดต่อกับคุณตาคุณยายไม่ได้เลย แม่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เอาล่ะ ไม่มีอะไรแล้ว ดึกมากแล้ว ไปพักผ่อนเถอะ”

“ครับ แม่ก็ด้วยนะ……”

กดวางสาย แต่ก็ไม่มีความง่วงแล้ว ขาเรียวยาวก็เดินไป ไปยังห้องนั่งเล่น หยิบไวน์แดงมาขวดหนึ่ง แล้วเทลงในแก้วใส

ไวน์สีแดงค่อยๆรินไหลลงแก้ว เข้มข้น กลมกล่อม และมีกลิ่นหอม

ภายในห้องนั่งเล่นเงียบสงบและวังเวง มีเพียงเสียงจังหวะติ๊กต๊อกของนาฬิกาแบบใส่ถ่าน นอกจากนี้ ก็เป็นเสียงการนอนหลับของ เจ้าดิ๊ก

แต่ ต่อให้จะเงียบแค่ไหน แต่ก็ไม่สามารถขจัดความหงุดหงิดที่มีในใจออกไปได้ แต่กลับยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น

เขาหยิบแก้วไวน์แดงขึ้น ขากรรไกรขยับ ลูกกระเดือกเคลื่อนที่ขึ้นลง แก้วไวน์แดงแก้วหนึ่งก็เห็นก้นแก้ว ริมฝีปากบางยกหยัก เหยียดโค้งขึ้นอย่างเย็นชาและเยาะเย้ย

ทันใดนั้น หัวสมองก็มีพูดคำของหญิงสาวคนนั้นผุดขึ้นมา กับการเกี้ยวพาราสีของผู้ชายคนอื่น เธอก็มีความรู้สึก……

เหอะ สี่ปีไม่เคยเปลี่ยน เรื่องเซ็กซ์ เธอดูเปิดเผย และชัดเจนขนาดนี้เชียว มันทำให้เขาต้องมองเธอในมุมมองใหม่ !

ไวน์แดงที่เห็นก้นแก้วเป็นแก้วที่สอง ชายหนุ่มหรี่ตาลงและกลับไปที่ห้อง

ท่านอนของเด็กน้อยนั้นถ่ายทอดมาจากผู้หญิงคนนั้นอย่างไม่ผิดเพี้ยน นอนตะแคง แล้วกอดผ้าห่มเอาไว้ ขาน้อยๆยังไม่ลืมที่จะวางพาดอยู่บนผ้าห่ม

คิ้วที่เรียวยาวขยับไหว ออกัสเดินไปข้างหน้า ฝ่าเท้าผ่อนคลายอย่างไม่รู้ตัว ดึงผ้าห่มมา แล้วคลุมให้เธอ จากนั้น เขาก็หย่อนตัวลงอย่างแผ่วเบา

เช้าวันรุ่งขึ้น

แสงแดดอ่อนๆที่ทอแสงส่องประกายผ่านม่านหน้าต่าง สาดส่องเข้ามาในเตียงนอนที่หรูหรา

คนร่างเล็กกับร่างใหญ่ ยังคงนอนหลับใหลอยู่เห็นชัดว่า ท่านอนของซารางนั้นดูไม่ได้เลย นอนเกลือกกลิ้งไปมา ทิศทางของศีรษะและเท้านั้นกลับหัวกลับหางกันไปหมด

ในตอนนี้ เท้าที่ขาวนวลของเธอวางลงไปบนใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาอย่างไม่ยำเกรง ไม่รู้ว่ากำลังฝันถึงอะไรอยู่ ลิ้นเล็กก็เอาแต่เลียไปที่ริมฝีปาก แลบลิ้นแผล็บ มุมปากก็มีน้ำลายไหลย้อยออกมา

“คุณออกัส ได้เวลาอาหารเช้าแล้วค่ะ” ป้าบัวเคาะไปที่ประตู และเอ่ยเรียก

ขยับตัว ออกัสลืมตาขึ้น ดวงตาที่ลุ่มลึกยังคงมึนเบลอเพราะเพิ่งตื่น รู้สึกเกียจคร้าน เมื่อมองดู เขาก็เห็นท่อนขาเล็กๆที่ขาวนวลวางอยู่ตรงหน้าเขา

เขาขมวดคิ้ว ข้อมือใหญ่ยกเท้าเล็กๆนั้นขึ้น แล้ววางมันลงบนเตียง จากนั้น ก็คลึงไปที่หน้าผากอย่างจนใจ

……ท่านอนของเธอ ทำไมถึงได้แย่ขนาดนี้ ?

ออกัสลุกขึ้น แล้วไปอาบน้ำที่ห้องน้ำ หลังจากที่เขาอาบน้ำเสร็จแล้วไปนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น ป้าบัวก็อุ้มซารางที่ยังไม่ลืมตาตื่นเข้าไปที่ห้องน้ำ เพื่อล้างหน้า และแปรงฟัน

เมื่อครู่ยังคงง่วงเหงาหาวนอน ปลุกยังไงก็ไม่ยอมตื่น แต่ตอนนี้ พลังงานกลับเต็มเปี่ยม สองมือ กำอาหารสุนัขไว้แน่น เสียงที่อ่อนเยาว์ทั้งแผ่วเบาและนุ่มนวล“กินข้าวได้แล้ว เจ้าดิ๊ก”

กระดิกหางไปมา ร่างของเจ้าดิ๊กสูงใหญ่กว่าซารางมาก ดูเหมือนจะดุร้ายและน่ากลัว มันก้มหน้าลง เลียไปที่มือเล็กๆของเธอ และกินอาหารสุนัขจนหมด

“ว้าว เจ้าดิ๊กเก่งจังเลย!” ดวงตาของซารางเวลายิ้มราวกับจันทร์เสี้ยว ใบหน้าที่ชมพูระเรื่อก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น มือเล็กๆปรบมือให้ เสียงดังขึ้นมาทันที

เมื่อเห็นดังนั้น เจ้าดิ๊กก็ตื่นเต้นตาม โผตัวเข้าหา สองขาหน้าวางไปบนไหล่ของซารางลิ้นก็แลบเลียใบหน้าเล็กๆ ของเธอ

เด็กน้อยมักห่วงเล่น ป้าบัวเรียกเท่าไรก็ไม่ขานรับ ในที่สุดก็จนปัญญา ยกอาหารเช้ามาแล้วนั่งยองๆตรงหน้าเธอ ป้อนอาหารใส่ปากให้ทีละคำๆ

ซารางเล่นกับเจ้าดิ๊กไปด้วย และกินอาหารเช้าไปด้วย ไม่ละเลยสักอย่าง

สายตากวาดมอง ดวงตาที่ลุ่มลึกของออกัสเผยรอยยิ้มจางๆ ยกยิ้มมุมปาก แล้วจิบกาแฟในมือ

อีกด้านหนึ่ง ที่โรงแรม

หลังจากที่เชอร์รีนกลับมาจากเมืองทะเลหทัย ก็ไม่ได้กลับบ้านพักอยู่ที่โรงแรมตลอด

หากกลับบ้านไป กนกอรกับจักรกฤษต้องถามถึงซารางแน่ พวกเขาอายุมากแล้ว และสุขภาพไม่ค่อยจะดี ยังไงก็พยายามให้พวกเขา ไม่ต้องมากลัดกลุ้มกับปัญหาจะดีกว่า

แต่ ออกัสแทบไม่คิดที่จะคุยกับเธอเลยด้วยซ้ำ ดังนั้น สิ่งที่เธอทำได้ก็คือพึ่งทนายความ และเตรียมการทุกอย่างให้พร้อม

บางที การกระทำเหล่านี้ของเธอสำหรับเขาแล้วก็คงเหมือนไม้ซีกงัดไม้ซุง ต้านเขาไม่อยู่ ขอแค่มีความหวังแม้เพียงน้อยนิด เธอก็จะไม่ยอมแพ้ !

สำหรับสิทธิ์ในการเลี้ยงดูซารางเธอมุ่งมั่นที่จะเอาชนะ ไม่มีทางยอมแพ้เด็ดขาด

ในขณะนี้เอง โทรศัพท์ก็ดังขึ้น เชอร์รีนเงยหน้าออกจากคอมพิวเตอร์ และหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เป็นเบอร์ของเขา

เธอไม่ลังเล แล้วกดรับสาย วินาทีต่อมา เสียงที่สดใสของซารางก็ดังขึ้น“หม่ามี๊ หนูรออยู่ที่หน้าบ้านคุณปู่(ผู้พันแซนเดอร์ส)หม่ามี๊รีบมาเร็วๆนะ !”

อึ้งไปชั่วครู่ เธอไม่เข้าใจ เชอร์รีนเอ่ยถาม“บอกหม่ามี๊ก่อน ตอนนี้หนูอยู่ที่ไหน ? ทำไมถึงไปรอหม่ามี๊ที่หน้าบ้านคุณปู่ ?”

“แย่แล้ว……เออ……คุณอายอมให้หนูมาหาหม่ามี๊วันนี้ หม่ามี๊ รีบมาเร็วๆนะ!”

“ซาราง–”

ในตอนที่เธอกำลังจะถามอะไรอีก เสียงที่ทุ้มต่ำ และเย็นชาก็ดังลอดเข้ามา “ ร้าน KFC ในถนนรินลา ให้เวลาสามสิบนาที เกินกว่านั้นไม่รอนะ ……”

สิ้นเสียง มือถือก็ถูกตัดสายไป มีเพียงเสียงตุ๊ดๆๆดังขึ้น

คำพูดที่เชอร์รีนยังไม่ทันได้พูดออกไปก็จำต้องกลืนลงคอ แม้จะแปลกใจเล็กน้อย แต่เธอก็ไม่รอช้า มองดูเวลาแวบหนึ่ง หยิบกระเป๋าแล้วรีบเดินทางออกจากโรงแรมไป

นิสัยของออกัส เธอย่อมรู้ดี เพราะยังไง ทั้งสองคนก็เคยคบหากันมาก่อน