แดนนิรมิตเทพ บทที่ 569
เสียงดังขึ้น เบื้องหลังของเอียนชิงเฉิงมีเงาของหงส์ฟ้าปรากฏ ทั้งร่างกายเหมือนแปลงร่างเป็นนกฟินิกซ์ ลอยขึ้นอากาศ ทะยานสู่ชั้นฟ้า

“เพลงกระบี่ที่แข็งแกร่งยิ่งนัก ยังดีที่เธอมีพลังบำเพ็ญอยู่แค่แดนในชั้นสูงสุด หากเธอเข้าสู่แดนแปรภาพ แม้แต่ฉันคงจะจัดการกับเธอไม่ได้!”

ฉินกวนไห่สีหน้าเคร่งเครียด ไม่กล้ารอช้า เพียงชั่วพริบตา ฝ่ามือก็ได้โบกสะบัดตรงหน้านับร้อยครั้ง

“มหาหัตถ์ปราบภูมิ!”

ฝ่ามือขนาดใหญ่ฟาดลงมาจากฟ้า เหมือนดั่งฟ้าถล่มลงมา มีพลังอำนาจมากมายฟาดเข้าใส่นกฟินิกซ์ตัวนั้นอย่างไร้ความเมตตา

เสียงกรีดร้องดังขึ้น เอียนชิงเฉิงถูกฟาดจนกระเด็นลอยออกไป และกระอักเลือดออกมากลางอากาศ

ยังไงซะปรมาจารย์ก็คือปรมาจารย์ แม้เอียนชิงเฉิงจะแข็งแกร่ง แต่สุดท้ายก็มีพลังบำเพ็ญเพียงแค่แดนในเท่านั้น เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังที่แท้จริง แม้เพลงกระบี่หงส์ฟ้าจะใช้คู่กับสายเลือดหงส์ฟ้า สุดท้ายก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉินกวนไห่

“คุณหนู!”

ซังซังอุทานออกมา บินเข้าไปรับตัวเอียนชิงเฉิงไว้ด้วยสีหน้าร้อนรน “คุณหนูคะ เป็นยังไงบ้าง?”

เอียนชิงเฉิงยกมือขึ้นข้างหนึ่ง พูดด้วยสีหน้ากังวลใจว่า “ฉันไม่เป็นไร รีบไปซะ!”

ซังซังจ้องฉินกวนไห่อย่างโมโห ในแววตามีความเกลียดชัง กัดฟันแล้วอุ้มเอียนชิงเฉิงไว้ กระโดดข้ามกำแพงแล้วโดดเข้าสู่ภายในหมอก

กงซุนจื่อยิงก้าวเข้าไป แล้วพูดอย่างร้อนใจว่า “ท่านอาจารย์คะ อย่าได้ปล่อยให้พวกมันหนีไปได้นะคะ!”

ฉินกวนไห่ยื่นมือออกมาข้างหนึ่ง ขวางกงซุนจื่อยิงไว้ แล้วยิ้มอย่างชั่วร้าย “ไม่เป็นไร ปล่อยพวกมันหนีไปเถอะ!”

แม้กงซุนจื่อยิงจะไม่เต็มใจ แต่ก็ไม่กล้าต่อต้านฉินกวนไห่ จึงทำได้แค่พนมมือตอบว่า “ค่ะ!”

ที่จริงแล้วในใจฉินกวนไห่มีการคาดการณ์ไว้แล้ว เพลงกระบี่ของเอียนชงเฉิงเก่งมาก ไม่รู้ว่าอาจารย์คือใคร หากว่าฆ่าเอียนชิงเฉิงทิ้ง แล้วทำให้มีศัตรูตัวฉกาจโดยไม่จำเป็น อย่างนั้นก็จะไม่คุ้มเสีย

นี่คือเหตุผลที่ฉินกวนไห่ปล่อยเอียนชิงเฉิงและซังซังหนีไป

“ฮิฮิ ต่อไปที่นี่เป็นของฉันแล้วจื่อยิง เธอคิดว่าหากสำนักโยวหลานของเราย้ายมาที่นี่ เป็นยังไง?”

ฉินกวนไห่กางแขนสองข้าง สูดดมพลังชี่ทิพย์ที่เข้มข้นในคฤหาสน์อย่างโลภมาก สีหน้าเต็มไปด้วยความเคลิบเคลิ้ม

“ท่านอาจารย์ฉลาดหลักแหลมมากค่ะ! สถานที่แห่งนี้มีพลังชี่ทิพย์มากมาย หากว่าย้ายสำนักมา หลังจากนี้ไม่กี่ปี สำนักโยวหลานของพวกเราก็จะสามารถเป็นใหญ่ในโลกฝึกบู๊!” กงซุนจื่อยิงโค้งคำนับตอบกลับ ในแววตามีความดีใจ

หากว่าสำนักโยวหลานย้ายมาอยู่ที่นี่ อย่างนั้นอำนาจตระกูลกงซุนของเธอ ก็จะสามารถขยับขยายมาฮ่านหยาง ถึงตอนนั้นยึดครองตระกูลจินแห่งฮ่านหยาง ตระกูลกงซุนก็จะเป็นตระกูลยิ่งใหญ่แห่งมณฑลซีไห่และฮ่านหยาง ถึงตอนนั้นก็สามารถต่อกรกับหกตระกูลมหาอำนาจแห่งยานจิง!

“ดี ข้าตัดสินใจแล้ว พรุ่งนี้ก็ย้ายสำนักโยวหลานมาที่นี่เลย!ต่อไปสถานที่ล้ำค่าแห่งนี้ ก็กลายเป็นของสำนักโยวหลานแล้ว!” ฉินกวนไห่หัวเราะอย่างได้ใจ เสียงดังสะท้อนไปทั่ว

ฉู่เหวินสงและพวกผู้มีอิทธิพลต่างก็ใจหล่นไปถึงตาตุ่ม เมื่อไล่เอียนชิงเฉิงและซังซังไปแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถขัดขวางฉินกวนไห่ได้อีก ยังดีที่เอียนชิงเฉิงและซังซังไม่เป็นอะไร ไม่อย่างนั้นถ้าเฉินไต้ซือกลับมา คงจะถลกหนังพวกเขาแน่นอน

เวลาประมาณตีหนึ่ง เอียนชิงเฉิงและซังซังเหมารถแท็กซี่คันหนึ่งมาจนถึงฮ่านหยาง

เฉินซงจื่อที่ได้รับสายแต่แรกมารอรับพวกเธอที่หน้าโรงแรม

มองดูเอียนชิงเฉิงที่สีหน้าซีดเซียว เฉินซงจื่อรีบถามอย่างร้อนรนว่า “เกิดอะไรขึ้น?”

ซังซังพูดอย่างร้อนใจว่า “คุณหนูได้รับบาดเจ็บค่ะ ทำการรักษาให้คุณหนูก่อน อย่างอื่นเดี๋ยวค่อยคุยกันค่ะ!”

“ตกลง ตามฉันมา!”

ซังซังอุ้มเอียนชิงเฉิงไว้ เดินตามหลังเฉินซงจื่อมาจนถึงห้องพักในโรงแรม

โรงแรมแห่งนี้คือธุรกิจของเหม่ยหว่ากรุ๊ป หลี่ซู่เฟินและเวินฉิงเองก็พักอาศัยอยู่ที่แห่งนี้ เฉินซงจื่อพาเอียนชิงเฉิงและซังซังมายังห้องพักของเขา

“ตอนนี้ดึกเกินไปแล้ว พวกเธอพักที่ห้องของฉันไปก่อนคืนหนึ่ง นี่คือยาเสริมจิต เธอกินลงไปก่อน!”

เฉินซงจื่อหยิบเอาขวดหยกออกมา เทยาเสริมจิตออกมาเม็ดหนึ่ง แล้วป้อนให้เอียนชิงเฉิงกิน

เมื่อเอียนชิงเฉิงกินยาเสริมจิตลงไปแล้วก็นั่งขัดสมาธิ เริ่มการรักษา