ตอนที่ 174 ผู้อาวุโสเหมี่ยน โดย Ink Stone_Fantasy
“ทำไมล่ะ! ท่านมองเห็นอะไรหรอกหรือ คุณชายเฉียนผู้นี้มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?” ฮูหยินหมีได้ยินย่อมรู้สึกตกใจมาก
“มันไม่ใช่อย่างนั้น แต่เวลาที่คนผู้นี้มาปรากฏตัวช่างบังเอิญไปหน่อย กอปรกับเรือนร้อยวิญญาณกำลังเกิดเรื่องวุ่นวาย ข้าอดที่จะระมัดระวังไม่ได้” ชายชุดคลุมผ้าดิ้นส่ายหน้ากล่าว
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ถ้าเช่นนี้ล่ะก็คุณชายเฉียนคงไม่มีปัญหาอะไร เพราะถ้าเขาเป็นคนที่ศัตรูของเราส่งตัวมาเรือนร้อยวิญญาณล่ะก็ ด้วยสถานะศิษย์จิตวิญญาณของเขา ผู้คนที่อยู่ตรงวัดดินนั้นจะมีใครสามารถต่อกรกับเขาได้? เขาสามารถจับตัวข้าสองแม่ลูกได้อย่างง่ายดาย โดยที่ท่านพี่ไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลย ข้ากลับคิดว่าคนผู้นี้อย่างมากก็เป็นผู้ฝึกฝนอิสระ และข้าก็คิดจะดึงเขามาเป็นคนของเรา เพื่อให้เรือนร้อยวิญญาณของเรามีความแข็งแกร่งมากขึ้น ถึงแม้เรือนร้อยวิญญาณของเราจะมีศิษย์จิตวิญญาณคอยดูแลอยู่ไม่น้อย แต่ส่วนมากก็ไปอยู่ตามสาขาในเขตอื่นๆ ทำให้ในเสวียนจิงไม่ค่อยแข็งแกร่งนัก” ฮูหยินหมีหัวเราะเบาๆ แล้วกล่าวออกมา
“อืม! เหตุผลนี่ก็ไม่ผิด แต่ยังต้องตรวจสอบดูบ้าง ไปกันเถอะ! พวกเราไปดูว่าหู่เอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง คิดว่าตอนนี้ผู้อาวุโสเหมี่ยนคงจะตรวจเสร็จแล้ว” ชายชุดคลุมผ้าดิ้นยังคงไม่วางใจ ทันใดนั้นเขาก็พูดเรื่องเด็กชายขึ้นมา
“ผู้อาวุโสเหมี่ยนเป็นผู้ที่มีวิชาแพทย์สูงส่งที่สุดในเรือนร้อยวิญญาณของเรา ถ้ามีเขาช่วยแก้พิษนี้ล่ะก็ย่อมเป็นเรื่องที่ดีเป็นอย่างมาก” ฮูหยินหมีได้ยินก็พยักหน้า
ดังนั้นคนทั้งสองก็ลุกขึ้น และหมุนตัวเดินออกไปยังประตูด้านข้าง เพื่อไปด้านหลังของจวน
ผ่านไปไม่นาน ทั้งสองก็มาปรากฏตัวอยู่ในห้องนอนที่เงียบสงบแห่งหนึ่ง ในนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นจางๆ ของโอสถ
เด็กชายที่ชื่อเฉียนหู่กำลังเอนตัวนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ ด้านข้างมีผู้อาวุโสสวมชุดคลุมสีดำที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความเมตตานั่งอยู่ เขากำลังฟั่นหนวดคิดใคร่ครวญอะไรบางอย่าง
หงเส่าก็ยืนอยู่ในห้องด้วยท่าทีสำรวม
“ผู้อาวุโสเหมี่ยน พิษในร่างของหู่เอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง คงไม่ร้ายแรงใช่ไหม?” พอชายชุดคลุมผ้าดิ้นเห็นผู้อาวุโส เขาก็ถามออกไปอย่างนอบน้อม
“เถ้าแก่เฉียน ช่างน่าละอายใจยิ่งนัก! พิษในร่างคุณชายดูแปลกประหลาดมาก เกรงว่าข้าจะไม่สามารถแก้ได้” ผู้อาวุโสชุดคลุมสีดำยืนขึ้นแล้วส่ายหน้าก่อนที่จะกล่าวออกมา
“อะไรนะ เป็นไปไม่ได้ วิชาแพทย์ของผู้อาวุโสเหมี่ยนติดหนึ่งในสิบอันดับแรกของเสวียนจิงเชียวนะ” ชายชุดคลุมผ้าดิ้นได้ยินก็รู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก
“พูดถึงเรื่องวิชาแพทย์ ข้าเองก็พอจะนับว่ามีความสามารถอยู่บ้าง แต่การแก้พิษกับวิชาแพทย์มันคนละเรื่องกัน พิษแปลกประหลาดบนโลกนี้มีมากมายนับไม่ถ้วน ถ้าจะมีพิษที่ข้าไม่สามารถแก้ได้ มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่ก่อนหน้านั้นข้าได้ตรวจสอบดูแล้ว เหมือนกับว่าพิษในร่างของคุณชายจะถูกขับออกไปบ้างแล้ว ขอเพียงแค่คนผู้นั้นใช้วิธีการขับพิษต่อไปแบบเดิม คุณชายก็คงจะไม่เป็นอะไรมาก” ผู้อาวุโสชุดคลุมสีดำลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะกล่าวออกมา
“ถ้าเช่นนั้นก็ไม่มีปัญหา ผู้ที่แสดงวิชาขับพิษออกมาก่อนหน้านั้นได้พำนักอยู่ในจวนเฉียนชั่วคราว แต่หวังว่าท่านจะช่วยดูแลสุขภาพลูกชายข้าอย่างสุดความสามารถ” ฮูหยินหมีได้ยินก็กล่าวออกมาอย่างโล่งอก
“อืม! เรื่องนี้วางใจได้ ในเมื่อข้ามาถึงที่นี่แล้ว ย่อมไม่อาจนิ่งดูดายได้ อีกประเดี๋ยวข้าจะเขียนใบสั่งโอสถที่เชื่อถือได้ให้ ใช่สิ! ก่อนหน้านั้นได้ยินฮูหยินบอกว่าผู้ที่ขับพิษให้ก็เป็นศิษย์จิตวิญญาณเหมือนกัน ให้ข้าพบเขาได้หรือไม่? ข้าสนใจวิธีขับพิษของเขามาก พอจะแลกเปลี่ยนกับวิชาแพทย์ได้บ้าง” ผู้อาวุโสเหมี่ยนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เรื่องนี้ไม่มีปัญหา หงเส่า เจ้าพาผู้อาวุโสเหมี่ยนไปพบคุณชายเฉียนหน่อยเถอะ!” ชายชุดคลุมผ้าดิ้นเองก็กล่าวออกมาอย่างโล่งอก
“ทราบ!”
หงเส่าตอบรับกลับไป
“ไม่รีบ! ข้าจะเขียนใบสั่งโอสถให้คุณชายก่อน แล้วค่อยไปเยี่ยมเยียนคุณชายเฉียนก็ยังไม่สาย” ผู้อาวุโสเหมี่ยนได้ยินก็กล่าวอย่างไม่รีบร้อน จากนั้นก็เดินเข้าไปนั่งข้างโต๊ะ และหยิบพู่กันออกมาด้ามหนึ่ง
หงเส่ารีบเดินเข้าไปช่วยเขาดึงกระดาษสีขาวออกมาแผ่นหนึ่ง และรีบฝนหมึกอย่างรวดเร็ว
……
ดูเหมือนว่าหลิ่วหมิงจะเดินวนอยู่ในห้องรับรองอยู่หลายรอบ ทันใดนั้นเขาก็ควักธงค่ายกลหลากสีออกมาหลายอัน และปักไปตามมุมห้องอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ทำท่ามือด้วยมือเดียว
ธงค่ายกลทั้งหมดส่งเสียงดังหวึ่งๆ จากนั้นก็กลายเป็นไอหมอกก่อนที่จะสลายไป
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ถึงได้เผยสีหน้าพอใจออกมา
ถึงแม้ว่าเขาต้องใช้หินจิตวิญญาณเป็นจำนวนมากในการซื้อธงค่ายกลชุดนี้มาจากตลาดเว่ยโจว และยังมีประสิทธิภาพแค่ปิดกั้นกับระวังภัยเท่านั้น แต่มันเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวสำหรับนำมาวางไว้ในที่พักชั่วคราว
เช่นนี้แล้ว เขาก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีคนมาแอบฟังเขาพูดคุย หรือมีคนแอบลอบทำร้ายเขาจากที่อื่นอีก
เฉียนหรูผิงที่ยืนอยู่ข้างเขา ถึงแม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็นหลิ่วหมิงแสดงวิชา แต่ฉากอันมหัศจรรย์นี้ ยังคงทำให้นางตะลึงจนปากอ้าตาค้างอย่างอดไม่ได้
“พี่หมิง นี่คือสิ่งใด ใช่วิชาที่ท่านเคยพูดถึงในก่อนหน้านั้นไหม?” เด็กหญิงอดไม่ได้ที่จะถามออกไปตรงๆ
“นี่ไม่ใช่วิชา แต่เป็นค่ายกล” หลิ่วหมิงได้ยินก็อธิบายด้วยรอยยิ้ม
เขาตรวจดูร่างกายเฉียนหรูผิงแล้ว ค้นพบว่านางก็มีชีพจรจิตวิญญาณเหมือนกัน แม้ไม่อาจแยกแยะได้ว่าคุณสมบัติของนางเป็นอย่างไร แต่ในระหว่างทางเขาได้ถ่ายทอดเคล็ดวิชาควบแน่นลมปราณให้นางแล้ว
หลังจากที่นางเห็นเขาแสดงวิชาไปบ้างแล้ว นางย่อมฝึกฝนอย่างเพลิดเพลิน ด้วยเหตุนี้อะไรง่ายๆ ที่เกี่ยวข้องกับโลกการฝึกฝน หลิ่วหมิงก็ไม่คิดที่จะปิดบังนาง
ตอนนี้พอเฉียนหูรูผิงได้ยินคำว่า ‘ค่ายกล’ ก็เห็นได้ชัดว่านางรู้สึกสนใจขึ้นมา และได้สอบถามหลิ่วหมิงอย่างละอียด
แต่คำถามของนางไร้เดียงสาเป็นอย่างมาก ทำให้หลิ่วหมิงยิ้มอย่างขมขื่นเพราะไม่รู้จะตอบอย่างไร
แต่ขณะนั้นเองก็พลันมีเสียงแก่หง่อมดังเข้ามา
“สหายเฉียนอยู่ในห้องหรือไม่? ข้าเหมี่ยนซงซานขอเข้าไปคุยด้วยได้ไหม?”
“ที่แท้ก็เป็นสหายนักพรตเช่นเดียวกัน สหายเหมี่ยน เชิญเข้ามาเถอะ!”
พอหลิ่วหมิงได้ยินเช่นนี้ตาก็เป็นประกาย หลังจากที่ลังเลเล็กน้อยแล้วก็ตอบรับกลับไป จากนั้นก็เดินไปผลักประตูออก
ด้านนอกมีผู้อาวุโสเหมี่ยนกับหงเส่ายืนอยู่
“คุณชายเฉียน ผู้อาวุโสเหมี่ยนเป็นแขกอาวุโสของเรือนร้อยวิญญาณ ได้ยินมาว่าคุณชายก็เป็นศิษย์จิตวิญญาณเหมือนกัน ดังนั้นจึงได้ตั้งใจมาเยี่ยมเยียน” หงเส่าเห็นเช่นนี้ก็รีบอธิบายอย่างรวดเร็ว
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ข้าน้อยมาเสวียนจิงครั้งแรก กำลังคิดอยากจะคบค้าสมาคมกับผู้ที่เดินบนเส้นทางเดียวกันอยู่พอดี” หลิ่วหมิงยิ้มแล้วหลบไปด้านข้าง แสดงท่าทางเชื้อเชิญให้เข้าไปข้างใน
“ไม่คิดว่าสหายเฉียนจะอายุยังน้อยเช่นนี้ ช่างเกินความคาดหมายของข้ายิ่งนัก ถ้าอย่างนั้นข้าก็ไม่เกรงใจล่ะนะ” พอผู้อาวุโสเหมี่ยนเห็นหลิ่วหมิงอายุยังน้อย ดวงตาของเขาก็ฉายแววประหลาดใจออกมา แต่ก็รีบกล่าวด้วยสีหน้าปกติ
จากนั้นผู้อาวุโสเหมี่ยนก็เดินยักย้ายส่ายตะโพกเข้าไปในห้อง
หงเส่ากล่าวขอตัวแล้วก็เดินจากไป
“ผู้นี้คือหลานสาวของท่านสินะ! นางดูมีอาการป่วยจริงๆ ข้าเองก็พอรู้วิชาแพทย์ ถ้าสหายไม่รังเกียจล่ะก็ ข้าสามารถตรวจดูชีพจรให้ได้” พอผู้อาวุโสเหมี่ยนเข้ามาในห้องก็เห็นเฉียนหรูผิงที่สีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เขาจึงกล่าวออกไปในทันที
“อืม! ถ้าสหายเหมี่ยนยอมยื่นมือเข้าช่วยล่ะก็ นับว่าเป็นความโชคดีของหรูผิงแล้ว หรูผิง เจ้านั่งให้เรียบร้อย ให้พี่เหมี่ยนตรวจดูชีพจรของเจ้าหน่อย” ถึงแม้หลิ่วหมิงไม่รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามมีจุดประสงค์ใด แต่ก็ไม่ห่วงว่าเขาจะมีเจตนาร้ายต่อเด็กหญิง หลังจากลังเลเล็กน้อยก็ตอบรับกลับไป
เด็กหญิงได้ยินก็กล่าวขอบคุณอย่างน่าเอ็นดู จากนั้นก็นั่งลงบนเก้าอี้แถวนั้นอย่างว่านอนสอนง่าย
ผู้อาวุโสเหมี่ยนโบกมือข้างหนึ่ง ดูดเอาเก้าอี้อีกตัวผ่านอากาศ จากนั้นก็นั่งลงข้างเด็กหญิง มือข้างหนึ่งฟั่นหนวด และจับข้อมือของนางไว้ ดวงตาทั้งคู่หรี่ลง
เวลาค่อยๆ ผ่านไป สีหน้าของผู้อาวุโสเหมี่ยนก็ค่อยๆ เคร่งขรึมขึ้นมา
ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าใด ในที่สุดผู้อาวุโสเหมี่ยนก็ถอยหายใจยาวออกมา และกล่าวอย่างเคร่งขรึม
“ที่แท้ก็เป็นโรคโลหิตร้อนที่เขาเล่าลือกัน โรคแบบนี้เป็นโรคประหลาดที่พบได้น้อยมาก โชคดีที่สหายควบคุมอาการป่วยไว้ได้จนถึงตอนนี้ ไม่ทราบว่าสหายตามหาหญ้าน้ำแข็งเงิน เพื่อปรุงเป็นโอสถให้ทางทานใช่หรือไม่?”
“พี่เหมี่ยนช่างไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ไม่คิดว่าจะคาดเดาวิธีการรักษาของข้าได้” หลิ่วหมิงฟังถึงจุดนี้ก็แสดงสีหน้าประทับใจออกมาในที่สุด
“สหายโปรดอภัย! ก่อนหน้านั้นข้าเห็นสหายเฉียนอายุยังน้อย จึงค่อนข้างเคลือบแคลงใจวิชาแพทย์กับวิธีการแก้พิษของท่าน ตอนนี้ไม่มีสิ่งใดต้องสงสัยแล้ว ในชีวิตนี้นอกจากเรื่องฝึกฝนแล้ว ข้าก็ค่อนข้างหลงใหลในวิชาแพทย์ ดังนั้นที่มาในครั้งนี้ ก็หวังว่าจะได้แลกเปลี่ยนความรู้กับสหายบ้าง” ผู้อาวุโสเหมี่ยนลุกขึ้นยืนคำนับหลิ่วหมิงแล้วกล่าวคำพูดในเชิงวิงวอน
“เฮ่อๆ! พี่เหมี่ยนชมเกินไปแล้ว วิชาแพทย์ของข้าไม่ค่อยลึกซึ้งมากนัก เพียงแค่เรียนตำราโอสถเกี่ยวกับการรักษาโรคซับซ้อนและรักษายากกับยอดฝีมือมาบ้าง หากสหายไม่รังเกียจล่ะก็ ข้าก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ยินยอม” หลิ่วหมิงได้ยินก็หัวเราะออกมา
ผู้อาวุโสเหมี่ยนย่อมรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก เขารีบพูดคุยเรื่องวิชาแพทย์กับหลิ่วหมิงในทันที
และเด็กหญิงก็ได้เข้าไปพักผ่อนในห้องอย่างเชื่อฟัง
หลิ่วหมิงกับผู้อาวุโสพูดคุยกันไม่นาน ก็ค้นพบว่าวิชาแพทย์ของผู้อาวุโสเหมี่ยนผู้นี้ไม่ธรรมดา
วิชาแพทย์บางอย่างที่เดิมทีเหมือนเขาจะเข้าใจแต่ไม่เข้าใจ พอได้ยินจากปากผู้อาวุโสมันก็เข้าใจได้อย่างง่ายดาย
สิ่งนี้ทำให้หลิ่วหมิงตื่นเต้น และแลกเปลี่ยนความรู้วิชาแพทย์กับผู้อาวุโสอย่างจริงใจ
ผู้อาวุโสเหมี่ยนก็สนใจข้อคิดเห็นเฉพาะของหลิ่วหมิงกับเนื้อหาบางส่วนในตำราโอสถอย่างล้นพ้น
ทั้งสองพูดคุยกันนานครึ่งค่อนวัน!
จนใกล้เย็น ผู้อาวุโสเหมี่ยนถึงได้กล่าวลาอย่างอาลัยอาวรณ์
หลังจากผ่านไปหนึ่งคืนแล้ว พอเช้าวันต่อมาผู้อาวุโสเหมี่ยนก็มายืนอยู่ตรงหน้าหลิ่วหมิงอีกครั้งด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็ไม่สามารถเอ่ยคำใดๆ ออกมาได้ แต่ก็ฝืนปลุกกำลังวังชาเพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนวิชาแพทย์กับผู้อาวุโสเหมี่ยนต่อ
สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นต่อเนื่องกันเป็นเวลาสามวัน
วันนี้หลังจากที่หลิ่วหมิงกับผู้อาวุโสพูดคุยแลกเปลี่ยนวิชาแพทย์กันเสร็จแล้ว เขาก็เอ่ยปากกับผู้อาวุโส
“พี่เหมี่ยน ข้ามาเสวียนจิงครั้งแรก และอาจจะพักอยู่ที่สักระยะหนึ่ง ไม่ทราบว่าตอนนี้เสวียนจิงปลอดภัยหรือไม่ ข้าต้องระวังอะไรบ้าง?”
พอผู้อาวุโสเหมี่ยนได้ยินเช่นนี้ สีหน้าเขาก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป แต่หลังจากที่ฟั่นหนวดและลังเลเล็กน้อยแล้วก็ค่อยๆ กล่าวออกมา
“ข้ากับน้องเฉียนก็นับว่าถูกชะตากันตั้งแต่แรกพบ เรื่องอื่นๆ ข้าก็ไม่อาจพูดมากได้ แต่อยากจะบอกว่า ถ้าน้องทำธุระเสร็จแล้ว ทางที่ดีควรรีบไปจากเสวียนจิงโดยเร็ว”
……………………………………….