หลังจากผ่านไปครึ่งวัน ในที่สุดยานอวกาศสีดำก็เดินทางมาถึงที่ดาวหยานหวง

“ฮ่าฮ่า เป็นกลุ่มของชาวพื้นเมืองจริงๆ ไม่คาดคิดว่าจะไม่มีแม้กระทั่งมาตรการป้องกันนอกอวกาศ”

ภายในยานอวกาศ ลูกศิษย์ของนิกายหยวนหมิงต่างก็กำลังหัวเราะ พวกเขาตื่นเต้นอย่างมาก คิดว่าชาวพื้นเมืองเหล่านี้ไม่มีพลังอำนาจที่จะต้านทานพวกเขาแม้แต่น้อย ทำได้เพียงแค่รอให้ถูกจับเป็นทาสเท่านั้น

“เหอะ เป็นอย่างที่คาดไว้ ผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งที่สุดในดาวเคราะห์ดวงนี้อยู่ในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์เพียงเท่านั้น พลังอำนาจนี้อาจจะเพียงพอในการปกครองดาวเคราะห์พื้นเมือง ทว่าภายในจักรวาล มันก็ยังถือว่าเป็นมดปลวกเพียงเท่านั้น”

จิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์ของหม่ากู่โป๋สำรวจออกไปรอบๆ ครอบคลุมทั่วทั้งดาวหยานหวงอย่างกะทันหัน สัมผัสได้ถึงแกนพลังฉีของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดภายในดาวหยานหวง ค้นพบว่ามีผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์เพียงไม่กี่สิบคน คนอื่นๆที่เหลือก็ไม่ควรค่าแก่การกล่าวถึง

ทันใดนั้นเขาก็ไม่ชายตามองแม้แต่น้อย วางตัวสูงส่งในทันที

“นั่นเป็นเรื่องธรรมดา คาดการณ์ได้ว่าเมื่อท่านผู้อาวุโสหม่าปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา บางทีอาจจะทำให้พวกเขาเคารพนับถือท่านเป็นดั่งเทพเจ้า ทั้งชีวิตนี้ไม่เคยได้สัมผัสกับพลังอำนาจที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้มาก่อน”

ลูกศิษย์ของนิกายหยวนหมิงคนหนึ่งก็พูดจาเลียแข้งเลียขา

“ท่านผู้อาวุโสหม่าเป็นใครกัน เป็นถึงยอดฝีมือในระดับกฎเทวรูป หากมีโอกาส แม้แต่การที่จะพัฒนาเป็นเซนต์ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ กลุ่มของชาวพื้นเมืองที่ต่ำต้อยจะมีอะไรมาเปรียบเทียบกับท่านผู้อาวุโสหม่ากัน?”

ลูกศิษย์ของนิกายหยวนหมิงอีกคนหนึ่งก็ปฏิเสธที่จะน้อยหน้า เข้าไปเลียแข้งเลียขาเช่นกัน

“สุภาพ สุภาพเกินไป”

หม่ากู่โป๋ก็รู้สึกสบายใจอย่างมากกับคำประจบประแจงเหล่านี้ จากนั้นเขาก็กวักมือและเอ่ยออกมาด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน “ข้าไม่กล้าที่จะคาดหวังในการพัฒนาเป็นเซนต์ ทว่าก็อาจจะมีความหวังในการเลื่อนขั้นไปในระดับลงทัณฑ์สายฟ้า เพียงแค่ได้มีอายุขัยหลายหมื่นปีนั้น ข้าก็พึงพอใจมากแล้ว”

ถึงแม้จะพูดออกมาเช่นนี้ ทว่าภายในใจเขาก็หวังไว้อย่างมากว่าตนเองจะพัฒนาเป็นเซนต์ได้ มีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ

“ท่านผู้อาวุโสหม่า ตอนนี้พวกเราควรจะทำอย่างไร? กลุ่มของชาวพื้นเมืองเหล่านั้นเหมือนจะส่งยานอวกาศออกมา อาจคิดที่จะทำการต่อต้านขัดขืนโดยเปล่าประโยชน์” ลูกศิษย์ของนิกายหยวนหมิงคนหนึ่งที่สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของชาวพื้นเมือง ส่งยานอวกาศออกมากว่าสิบลำ เหมือนกับจะต้องการห้อมล้อมพวกเขา มีการเคลื่อนไหวที่ดูอันตราย

“ไม่ต้องสนใจ เข้าไปในดาวเคราะห์พื้นเมืองดวงนี้ทันที หากพวกเขาต้องการห้อมล้อมพวกเรา ก็ปล่อยให้พวกเราห้อมล้อมไป พวกเขาอาจจะยังไม่รู้ว่าตนเองกำลังห้อมล้อมตัวตนที่น่าสะพรึงกลัวแค่ไหน” หม่ากู่โป๋ก็แสยะออกมา เขาเป็นยอดฝีมือในระดับกฎเทวรูป เพียงแค่ฝ่ามือเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้ดาวเคราะห์ดวงนี้แตกเป็นเสี่ยงๆได้ มีพลังอำนาจที่ไร้เทียมทาน เป็นไปได้อย่างไรที่จะหวาดกลัวการห้อมล้อมของชาวพื้นเมืองเหล่านี้?!

วิซ!

ทันใดนั้นยานอวกาศสีดำลำนี้ก็บินเข้าไปในดาวหยานหวงทันที มาถึงบนท้องฟ้าของดาวหยานหวง จากนั้นยานอวกาศของดาวหยานหวงที่ถูกส่งออกมากว่าสิบลำก็ได้ล้อมรอบยานอวกาศสีดำลำนี้อย่างรวดเร็ว

“ออกไปจัดการกับกลุ่มชาวพื้นเมืองเหล่านี้ อย่าให้พวกเขาสร้างความเสียหายให้กับยานอวกาศของพวกเราอีก เมื่อถึงเวลานั้นมันอาจจะเป็นเรื่องยุ่งยากในการซ่อมแซม” หม่ากู่โป๋ก็โบกมือออกไป สั่งการให้ลูกศิษย์ของนิกายหยวนหมิงจำนวนมากออกไปจากยานอวกาศและจัดการกับศัตรู

ในความเป็นจริงพวกเขาลูกศิษย์ของนิกายหยวนหมิงเหล่านี้คือพลังการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด สำหรับยานอวกาศสีดำลำนี้นั้น มันเป็นเพียงแค่ยานพาหนะในการเดินทางเท่านั้น มีที่ไหนที่จะเทียบได้กับพวกเขาที่เป็นผู้บ่มเพาะระดับสูง

ซู่ ซู่ ซู่!!!

อย่างรวดเร็ว ผู้คนจำนวนหลายร้อยคนก็บินออกมาจากยานอวกาศ รวมถึงกัปตันหม่ากู่โป๋เช่นกัน พวกเขาต่างก็ยืนตระหง่านอยู่บนท้องฟ้า มีออร่าที่น่าสะพรึงกลัวแผ่ออกมา เหมือนกับมีพลังอำนาจที่จะกำราบดาวเคราะห์

ในช่วงเวลานี้ ทั่วทั้งดาวหยานหวงเหมือนจะสั่นไหว เหมือนจะไม่สามารถต้านทานแรงกดดันของพวกเขาได้ แม้แต่แผ่นดินก็ส่งเสียงดังขึ้นมา คาช่า คาช่า รอยแตกร้าวปรากฏขึ้นมาเล็กน้อย

“พวกเจ้าเป็นใครกัน? รู้หรือไม่ว่าที่นี่คืออาณาเขตของดาวหยานหวง หากบุกรุกเข้ามาโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต พวกเรามีสิทธิที่จะสังหารพวกเจ้าได้ในทันที”

กลุ่มผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ของดาวหยานหวงก็ปรากฏตัวขึ้นมาต่อหน้ามนุษย์ต่างดาวเหล่านี้ทันที แน่นอนว่าพวกเขาก็สัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของมนุษย์ต่างดาวเหล่านี้ อยู่เหนือกว่าระดับกายาศักดิ์สิทธิ์มาก

ทว่าการที่มีเซี่ยปิงหนุนหลังพวกเขาอยู่ที่นี่ พวกเขาจึงไร้ซึ่งความเกรงกลัว ทันใดนั้นก็เริ่มพูดจาข่มขู่เสียงดังกับฝ่ายตรงข้าม

“ไม่คาดคิดว่ากลุ่มของชาวพื้นเมืองเหล่านี้จะเข้าใจภาษาที่ใช้กันโดยทั่วไปของจักรวาล? ดูเหมือนว่าสถานที่แห่งนี้จะไม่ได้ธรรมดาอย่างที่พวกเราคิด ไม่ได้ตัดขาดจากโลกภายนอกเสียทีเดียว” ลูกศิษย์ของนิกายหยวนหมิงคนหนึ่งที่สะดุ้งตกใจ เดิมทีเขาคิดว่าจะสื่อสารกันอย่างยากลำบาก พูดคุยกันในคนละภาษา

“การเข้าใจภาษาที่ใช้กันโดยทั่วไปของจักรวาลก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด หากเป็นคนไร้การศึกษาที่ไม่เข้าใจอะไรเลย นั่นจะเป็นปัญหาสำหรับพวกเขา เพราะต่อให้สังหารกลุ่มของชาวพื้นเมืองเหล่านี้ไปมากแค่ไหน ก็คงจะไม่เข้าใจจุดประสงค์ของพวกเรา ทว่านี่ก็เป็นโอกาสให้พวกเราจับพวกเขามาเป็นๆ ทำให้กลายเป็นทาสของพวกเรา รับใช้ทั้งวันทั้งคืน”

ลูกศิษย์ของนิกายหยวนหมิงอีกคนหนึ่งที่แสยะออกมา

“กลุ่มของชาวพื้นเมืองเหล่านี้ช่างน่าหัวเราะเยาะสิ้นดี คิดว่าพวกเราต้องขออนุญาตก่อนเข้ามาหรือ? พวกเขาคิดว่าตนเองเป็นใครกัน เป็นเพียงแค่กลุ่มของชาวพื้นเมือง ยอดฝีมือในระดับแกนทองก็ไม่มี ทว่ายังกล้าออกมาเป่าประกาศที่นี่ ความไม่รู้ช่างเป็นลาภอันประเสริฐจริงๆ”

ลูกศิษย์ของนิกายหยวนหมิงจำนวนมากที่ได้ยินคำเหล่านี้ต่างก็ยิ้มออกมา กลุ่มชองชาวพื้นเมืองที่ต่ำต้อยเรียกร้องให้พวกเขาขออนุญาตก่อนเข้ามา อีกทั้งยังต้องการที่จะสังหารพวกเขา ช่างเป็นเรื่องที่ตลกสิ้นดี

นี่มันเหมือนกับกลุ่มของมดปลวกที่ต้องการข่มขู่กลุ่มของพยัคฆ์ก็ว่าได้ ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ

“ชาวพื้นเมืองทั้งหลาย พวกเจ้าจงฟัง!”

ลูกศิษย์ของนิกายหยวนหมิงคนหนึ่งตะโกนเสียงดังออกมา “พวกเราจะเข้ายึดครองดาวเคราะห์ดวงนี้ นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป พวกเราคือผู้ปกครองของดาวเคราะห์ดวงนี้ ทว่าพวกเจ้าชาวพื้นเมืองเป็นทาสของพวกเรา ไม่มีอิสรภาพเป็นของตนเอง หากพวกเราต้องการให้พวกเจ้าตาย พวกเจ้าก็จะต้องตาย หากพวกเราต้องการให้พวกเจ้าอยู่ พวกเจ้าก็ไม่สามารถตายได้”

“แน่นอนว่าพวกเจ้าสามารถต่อต้านขัดขืนเช่นกัน ทว่าพวกเจ้าก็ต้องคิดพิจารณาถึงผลลัพธ์ของการต่อต้าน พวกเราจะฆ่าล้างทั้งตระกูลของพวกเจ้า ฆ่าล้างทั้งเก้าชั่วโคตร สังหารทั้งมนุษย์และสัตว์ กวาดล้างไปจนถึงคนสุดท้าย”

เขายืนไขว้มือไว้ข้างหลังทั้งสองข้าง มีท่าทางที่ยโสโอหังอย่างมาก มองดูมนุษย์ของดาวหยานหวงด้วยสายตาที่ดูถูกเหยียดหยาม

“พูดจาใหญ่โตเสียจริง”

ในตอนนี้เซี่ยปิงก้าวออกมา มีสายตาที่สุขุมเยือกเย็น กวาดสายตามองกลุ่มของศัตรูเหล่านี้ “ที่นี่คือดาวหยานหวง ไม่ใช่สถานที่ที่มนุษย์ต่างดาวอย่างพวกเจ้าจะสามารถทำอะไรสิ้นคิดได้ หากกล้าทำอะไรผลีผลามล่ะก็ พวกเจ้าจะต้องตาย”

“หืม ไม่คาดคิดว่าที่นี่จะมีผู้บ่มเพาะในระดับแตกฉานอยู่? เหนือกว่าระดับทั่วไปของชาวพื้นเมืองอย่างมาก? ทว่าทำไมก่อนหน้านี้ข้าสัมผัสถึงเขาไม่ได้ ท้ายที่สุดแล้วเจ้าใช้วิธีการใดในการหลีกเลี่ยงการสัมผัสของข้า?”

หม่ากู่โป๋ก็ตกใจเล็กน้อย เขาค้นพบว่าแกนพลังฉีของเซี่ยปิงบรรลุระดับแตกฉานขั้นกลาง อยู่เหนือกว่าลูกศิษย์ของนิกายหยวนหมิงเป็นจำนวนมาก พลังเวทมนตร์ก็มหาศาลเช่นกัน

หากพูดกันตามตรง เขาที่เป็นยอดฝีมือในระดับกฎเทวรูป มีจิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงอำนาจอย่างถึงที่สุด มีความเข้าใจที่ลึกซึ้ง เพียงแค่ผู้บ่มเพาะในระดับแตกฉาน เป็นไปไม่ได้ที่จะหลบซ่อนความจริงไปจากการสัมผัสของเขาถึงจะถูก

ลูกศิษย์ของนิกายหยวนหมิงจำนวนมากก็ตกใจเช่นกัน พวกเขาสามารถมองข้ามชาวพื้นเมืองในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ได้ ทว่าชาวพื้นเมืองระดับแตกฉานนั้นไม่ใช่ตัวตนที่พวกเขาจะเทียบด้วยได้ พลังอำนาจเช่นนี้ ต่อให้อยู่ภายในจักรวาล ก็ยังคงเป็นยอดฝีมือระดับสูง

“วิธีการไร้สาระอะไรกัน มันเป็นเพียงแค่ว่าเจ้าอ่อนแอเกินไป ดังนั้นจึงสัมผัสถึงตัวตนของข้าไม่ได้”

เซี่ยปิงพูดออกมาอย่างซื่อตรง

“ยโสโอหังอย่างถึงที่สุด!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หม่ากู่โป๋ก็ตะโกนเสียงดังออกมา “เจ้าชาวพื้นเมืองที่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ดูเหมือนว่าเจ้าจะอาศัยอยู่ในดาวเคราะห์พื้นเมืองแห่งนี้มาเป็นระยะเวลานาน ไม่รู้ว่าจักรวาลกว้างใหญ่แค่ไหน มียอดฝีมือมากมายแค่ไหน”

“การเป็นผู้บ่มเพาะในระดับแตกฉาน อาจจะสามารถวางมาดใหญ่โตในดาวเคราะห์พื้นเมืองได้ เป็นตัวตนที่ไร้เทียมทาน ทว่าในสายตาของข้า เจ้าก็เป็นเพียงเท่านี้ ไม่ได้มีความแตกต่างไปจากมดปลวก คุกเข่าลงต่อหน้าข้าซะ”

มือของเขาโบกมืออกไป ทันใดนั้นเทวรูปฟ้าดินที่น่าสะพรึงกลัวก็ได้ปะทุออกมาจากร่างกายของเขา นี่คือภูเขาสูงตระหง่าน บดขยี้ลงมา กดทับร่างกายของเซี่ยปิง พยายามที่จะบีบบังคับให้เซี่ยปิงคุกเข่าลง เขาจะต้องทำให้เจ้าชาวพื้นเมืองคนนี้อับอายขายขี้หน้าให้ได้ ย่ำยีศักดิ์ศรีของเจ้าชาวพื้นเมืองผู้นี้ บีบบังคับให้ยอมจำนนต่อตนเอง