ตอนที่ 439 : มีถังขยะมั้ย?

Black Tech Internet Cafe System

ตอนที่ 439 : มีถังขยะมั้ย?

 

ครอบครัวที่นี่ส่วนมากเป็นครอบครัวเก่าแก่และตระกูลใหญ่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน สมาชิกในแต่ละครอบครัวหากนับรวมแล้วจัดได้เป็นกองทัพเลยก็ว่าได้ ตระกูลที่เก่าแก่ที่สุดก็เช่น หนานกง, หวัง, ซุน, ตระกูลปีศาจและที่ขาดไม่ได้เลยคือตระกูลเจียง ซึ่งตระกูลเจียงถือเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงที่สุด

 

แต่ละครอบครัวล้วนมีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่และต่างกันออกไป ทุกเหตุการณ์ล้วนเป็นเรื่องที่น่าจดจํา นอกจากการต่อสู้แล้วพวกเขายังมีมรดกประจําแต่ละตระกูลอีกด้วย

 

ขณะเดียวกันกองกําลังพิเศษของสํานักสวรรค์ก็ถือเป็นกองกําลังหนึ่งเช่นกันแต่ไม่นับเป็นตระกูลเพราะมีความอิสระและเปิดรับคนจากทั่วทุกที่และนอกจากนี้ยังถือเป็นคู่ขนานกับเหล่าตระกูลต่างๆ ไม่ฝักใฝ่ในฝ่ายใด

 

ตระกูลที่กล่าวมานอกจากจะมีชื่อเสียงในด้านความแข็งแกร่งแล้ว ประวัติศาสตร์เรื่องเล่าของแต่ละครอบครัวก็มีความน่าสนใจเช่นกัน ทั้งเรื่องของมรดก ความสามารถของตัวบุคคลในแต่ละตระกูลพวกเขามีความอัจฉริยะเล่ห์เหลี่ยมที่ต่างกันไป ความรู้จะถูกส่งต่อไปยังรุ่นสู่รุ่น

 

เรื่องเล่าปากต่อปากทําให้ผู้ฟังแสดงออกถึงสีหน้าอันหวาดกลัว

 

อย่างหนานกงชูวตอนที่เขาอายุสิบเก้า เขาได้สังหารมังกรดําสามหัวปีศาจที่หาจับตัวยากแห่งอาณาจักทะเล ด้านของซุนหยวนก็เช่นกันเมื่อเขาถือกําเนิดขึ้นได้เกิดปรากฏการณ์บนท้องฟ้าและว่ากันว่าปิศาจพยายามที่จะครอบครองร่างของเขา เกิดการต่อสู้จนในที่สุดมันก็กลายเป็นขี้เถ้าและหายไป

 

แต่ละคนมีเรื่องเล่าที่น่าเกรงขาม

 

แม้แต่ตังหยูเพลย์บอยหนุ่มยังได้สังหารสัตว์อสูรที่มีระดับสูงกว่าเขาเป็นเท่าตัวได้อย่างง่ายดาย

 

สําหรับองค์หญิงตัวน้อยนั้นเธอมีชื่อเสียงด้านความสามารถของเธอ แต่เธอได้หายตัวไปอย่างเนินนานตั้งแต่เธออายุได้สิบขวบกว่าๆ และการปรากฏตัวของเธอในครั้งนี้ถือเป็นการเปิดตัวที่น่าทึ้ง

 

ขณะเดียวกันบนเรือจิตวิญญาณลาดตระเวนด้านนอกเมืองนักรบเต๋าชุดคลุมสีดําลูบเคราพลางยิ้มเยาะ “ปรมาจารย์เปาผิง .. ท่านว่าใครมีศักยภาพพอที่จะได้อันดับหนึ่ง?”

 

“จากที่ได้ฟังเรื่องราวและสังเกตการข้ามองว่าหวังเซียแห่งตระกูลหวังนั้นเติบโตขึ้นอย่างมาก” หญิงสาวชุดขาวกล่าวพร้อมกับหัวเราะเบาๆ “ด้วยสมบัติประจําของตระกูลเขา เขาดูมีศักยภาพที่จะได้รับชัยชนะสูง”

 

นักรบเต๋าชุดดํากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ปรมาจารย์เปาผิง เจ้ามาจากตระกูลหวังเจ้าก็ต้องเข้าข้างคนของตัวเอง แต่อย่าลืมนะว่าองค์หญิงน้อยลําดับที่เจ็ดเพิ่งเผยตัวมา และแน่นอนว่าสํานักสวรรค์ไม่ได้มองที่ตระกูลแต่เขามองที่ความสามารถ

 

“ท่าสองคนอย่าลืมว่าคนส่วนมากที่เข้าร่วมการสอบล้วนมาจากครอบครัวใหญ่แทบทุกคนนั้นมีอํานาจและพลังของตัวเอง” ชายวัยกลางคนในชุดสีขาวเดินลงมาจากด้านหลังของเรือเอ่ย “ยังเร็วเกินไปที่จะคาดเดาว่าใครจะเป็นผู้ชนะ”

 

“ศิษย์พี่เฟิงหยาง ท่านพูดถูก” นักรบเต๋าหัวเราะ

 

ชายวัยกลางคนชุดขาวเอ่ยถาม “แล้วเด็กสาวจากตระกูลเจีงละ?”

 

“เด็กสาวตระกูลเจียงฮาๆ” พวกเขายิ้มให้กันด้วยความพอใจ “ตั้งแต่ท่านท่านเหนือหัวขอความกรุณาจากเรา เราจึงได้ปล่อยเธอให้ได้ลองออกเดินทางหรือทําสิ่งใหม่ๆ ที่เธอต้องการ พวกเราติดตามเธออย่างใกล้ชิดรับรองได้ว่าเธอจะต้องเขาสํานักสวรรค์ได้แน่นอน”

 

อืม … “เอาละ!” ชายวัยกลางคนในชุดขาวพยักหน้า “ในเมื่อท่านเหนือหัวขอ .. งั้นรอดูเลยว่าหญิงสาวตัวน้อยคนนี้จะอยู่ที่ไหนกัน หวังว่าเธอคงจะไม่ได้พบกับตระกูลหนานกงหรือครอบครัวอื่นๆ จนต้องเป็นการออกจากการสอบละ”

 

“ฮ่าๆๆ ข้าตั้งใจจะดูเธอพอดี!” เปาผิงและอีกหลายคนพยักหน้า เธอวาดลวดลายในอากาศหมอกปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขา หมอกจางๆ ค่อยๆ เผยให้เห็นเจียงเสี่ยวหยูว่าเธออยู่ตรงไหน

 

เวลาเดียวกันเจียงเสี่ยวหยูกําลังเอร็ดอร่อยกับมันฝรั่งทอดถุงใหญ่ เธอเทมันฝรั่งชิ้นสุดท้ายเข้าปาก

 

“อ่ะ …. หมดซะแล้ว” เธอเปรยด้วยใบหน้าเซง เธอหยิบหยกสื่อสารออกมาและมองดู

 

“เอ่อ ..” ผู้ที่เฝ้ามองเธอห่างๆ ใบหน้ากระตุก “…”

 

“ดื้อ!”

 

“นี่เธออยู่ในการสอบนะ”

 

“ไม่แปลกใจที่ท่านเหนือหัวขอความกรุณาจากเราให้ดูแล หากนางไม่ได้เรานางเข้าไม่ถึงประตูสํานักสวรรค์แน่” นักรบเต่พูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง

 

ณ นอกเมืองหยวนหยาง

 

ฟางฉีขมวดคิ้ว

 

ดูเหมือนว่าตังหยูจะพูดถูกเกี่ยวกับตระกูลหนานกง. ครอบครัวนี้รับมือยากจริงๆ แทบไม่มีครอบครัวไหนในที่แห่งนี้สู้กับเขาได้จริงๆ

 

ผีสองตัวที่เป็นทาสของพลังดาบฟื้นคืนชีพจากกระประกอบร่างด้วยความรวดเร็วแทบมันมีพลังเยอะกว่าเดิม

 

เสียงกระทบของดาบและเสียงผิวปากของมันน่ากลัวชวนขนลุก เสียงกระทบยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยไม่สนการโจมตีใดของฟางฉีสักนิด

 

“เด็กคนนี้แข็งแกร่งจริงๆ ” ผู้บังคับบัญชาพิมพ์ เขายืนสังเกตการอยู่กําแพงเมืองมองดูการต่อสู้และส่ายหัวเล็กน้อย “อืม .. ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่แข็งแกร่งพอดูเหมือนว่าเขาจะได้สมบัติพวกนั้นมาเป็นที่ระลึก”

 

“เขามั่นใจเกินไป สมบัติเหล่านี้มันไม่เพียงพอสําหรับการท้าทายตระกูลหนานกงหรอก”

 

“ทรงพลัง .. ทาสดาบผีสองตัวนั้นแข็งแกร่งมาก” ผู้ฝึกฝนที่ยืนอยู่บนทะเลหมอกจตุรัสเอื้อนเอ่ย จากเรื่องราวที่ได้ฟังพวกเขารู้ดีว่าครอบครัวนี้มีทาสดาบมากกว่าสองตัวแน่นอน

 

“เด็กคนนี้ประเมินตัวเองสูงไป ”

 

“ตอนนี้เขาโดนเข้าแล้ว”

 

ดูเหมือนว่าทาสดาบจะไม่มีจุดอ่อน พวกมันถูกและอึดทนต่ออาวุธหรือสมบัติทางจิตวิญญาณราวกับว่าพวกมันไม่มีวันตาย ทุกครั้งที่ถูกทําลายจนละเอียดก็จะฟื้นตัวด้วยความรวดเร็ว สิ่งที่น่ากลัวคือการฟื้นตัวอันรวดเร็วและมีพลังที่มากกว่าเดิมราวกับพวกมันเคยชินกับการโจมตีพวกนี้

 

“เมื่อใดก็ตามที่ทาสดาบปรากฏตัว พวกมันจะไม่หยุดยั้งจนกว่าเป้าหมายจะตาย ซึ่งเป็นเช่นนั้นทุกครั้งไป”

 

ในสายตาของผู้คนส่วนมากจากเรื่องราวที่ได้ฟังกับสิ่งที่ตาเห็น ใช่! มันน่ากลัวสมคําร่ำลือ

 

“ดูนั่น! สมบัติทางจิตวิญญารแทบทําอะไรพวกมันไม่ได้เลย”

 

“แก่นแท้พลังลมปรานของเด็กคนนี้น่าจะเริ่มหมดลงแล้ว ครอบครัวหนานกงมีพลังที่ไม่อาจจินตนาการได้” ผู้อาวุโสถอนหายใจ

 

หลายคนในตระกูลหนานกงเวลานี้พวกเขายืนเฝ้ามองเหตุการณ์อยู่ท่ามกลางฝูงชนหัวเราะเยาะให้กับสิ่งที่เกิดขึ้น “เจ้ากล้ามากที่กล้าเหยียบจมูกคนตระกูลหนานกง สงสัยไม่อยากมีชีวิตอยู่ ถ้าไม่อยากมีชีวิตก็ตายๆ ไปซะ!”

 

ขณะที่ทุกคนกําลังวิจารณ์ฟางนี้ได้ถอนพลังของกงล้อทองออก

 

“เกิดอะไรขึ้น?”

 

“เขาอยากตายหรือไง?”

 

ขณะที่พวกเขากําลังงุนงงและสงสัย ออร่ารอบตัวของฟางฉีก็ได้เปลี่ยนไป

 

วิญญาณดาบอันน่าสะพรึงกลัวพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ดูเหมือนดาบนี่น่าจะมาจากสวรร์มันมีพลังมากพอที่จะควบคุมท้องฟ้าและโลกเงาอันเยือกเย็นปราฏฏตัวขึ้นข้างหลังฟางฉี มันมองลงมายังสิ่งมีชีวิตที่ยืนอยู่บนพื้นผิวโลก

 

ความกลัวผุดขึ้นในจิตใต้สํานึกของทุกคนที่จับตามอง

 

ดาบทั้งหมดหลุดออกจากผู้ฝึกฝนและทาสดาวราวกับว่าทําการเคารพบูชาเทพเจ้าของพวกมัน

 

“ฮ่ม!” ฟางฉีพ่นควันออกจากปาก ศักยภาพของเขาถูกกระตุ้นจนถึงขีดสุด ก่อนหน้านี้เขาขุ่นมัวแทบคิดทางไม่ออกแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไป เขาเริ่มเข้าใจสิ่งหนึ่ง “ระวังคนที่ถูกควบคุมด้วยดาบ ..”

 

ดาบสวรรค์!

 

เทคนิคการควบคุมดาบอันทรงพลังที่สุดของกลุ่มภูเขาซู! ดาบพระเจ้า!

 

พลังดาบครั้งนี้แตกต่างไปจากครั้งก่อนดาบพระเจ้าสร้างม่านดาบเพื่อปกคลุมท้องฟ้า มันบังตาและปลดปล่อยพลังเนื้อชั้นไม่มีใครในที่นี่ต้านทานได้พลังได้ดูดกลืนทุกสิ่ง!

 

เวลาเดียวกันทาสดาบทั้งสองยังคงต่อสู้อย่างไม่ยอมแพ้ด้วยความดุเดือด แสงสว่างจางๆ แวบเข้าไปในห้วงของการต่อสู้ ด้วยพลังที่ไม่มีใครต้านทานได้มันค่อยๆ ควบคุ้มทาสดาบผีสองตัว

 

“อ๊ะ!”

 

ผีทาสดาบกรีดร้องโหยหวน

 

 ตู้ม! ตู้ม!

 

ร่างและดาบกลายเป็นเถ้าถ่านทันตา

 

ทาสดาบผีสองตัวนั้นไร้จุดอ่อนใดๆ มันจึงมีวิธีเดียวคือการทําลายให้แหลกเป็นเถ้าผง

 

เงาที่คล้ายรูปร่างของพระเจ้าซึ่งสิงอยู่ในดาบนั้นน่ากลัวชวนเกรงขาม คําถามมากมายผุดขึ้นในใจผู้ที่เฝ้าดูเหตุการณ์ นี่มันพลังอะไรกัน!?

 

ฟางฉีค่อยๆ ร่อนลงจากท้องฟ้าดับบุหรี่และหันไปมองผู้เฝ้ามองเหตุการณ์ “ท่านมีถังขนะมั้ย? ข้าจะทิ้งมัน”