ตอนที่ 393 บังเอิญเจอ

หยางโปและคนอื่นๆเดินออกมาจากถ้ำ ในขณะที่รองเท้าของทุกคนต่างก็เปียกชื้นไปด้วยน้ำตอนที่พวกเขาเดินอ้อมออกมาก่อนที่จะเดินขึ้นเขาไป

ลัวย่าวหัวยังคงพูดไม่หยุดด้วยความสับสน ” ในเมื่อชาวอี้เป็นลูกหลานของอาณาจักรเย่หลาง พวกเขาก็น่าจะรู้สถานที่ของอาณาจักรเย่หลางสิ ถ้าหากแผนที่ที่พวกเราซื้อกันครั้งก่อนเป็นของจริง นี่จะหมายความว่ายังไงล่ะ ? “

” พวกเขารู้ตำแหน่งของอาณาจักรเย่หลาง แถมยังขุดสมบัติไปแล้วส่วนนึงด้วย ! ” หยางโปพูด

” ไม่มีทาง ! ” ลัวย่าวหัวส่ายหน้า ” ครั้งก่อนพวกเราก็ขึ้นไปบนหมู่บ้านแล้ว ในนั้นไม่เห็นจะมีอะไรเลย ถ้าเทียบจากราคาที่จือมู่ขายแล้วล่ะก็ หมู่บ้านซื่อสุ่ยคงจะมีเงินเยอะแยะไปแล้ว “

 

” แล้วถ้าเงินพวกนั้นถูกใครบางคนอุบไว้คนเดียวล่ะ ? ” หยางโปพูด

ลัวย่าวหัวได้ยินแบบนั้นก็นึกขึ้นมาได้ว่าก่อนหน้านี้เขาเคยเห็นของที่มีราคาสูงภายในบ้านของซุนหนี เมื่อนำทุกอย่างมาประติดประต่อเป็นเรื่องเป็นราวเขาก็เข้าใจขึ้นมาในทันที ” ถ้างั้นก็แปลว่าความลับทั้งหมดนี้อยู่ในมือของซุนหนีงั้นเหรอ ? “

พูดจบลัวย่าวหัวก็หันไปหาอาจารย์ฉินโดยไม่ได้พูดอะไร

อาจารย์ฉินมองพวกเขา ” เขาตายไปแล้วล่ะ “

ทุกคนได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกผ่อนคลายลง ตอนแรกหยางโปเองก็อยากจะถามคำถามนี้กับอีกฝ่าย แต่เขากลัวว่าคำถามของเขาอาจจะทำให้อีกฝ่ายโกรธได้ แต่ตอนนี้คำตอบที่เขาอยากรู้ได้ถูกเปิดเผยออกมาจนทำให้เขารู้สึกสบายใจมากขึ้น

 

” ถ้าซุนหนีเอาของไปเก็บไว้เป็นของส่วนตัวจริงๆ ก็แปลว่าเขาเอาเงินจำนวนมากพวกนั้นไปใช้ฟุ่มเฟือยน่ะสิ ! ถ้ามีเงินมากขนาดนั้นเอาไปแบ่งให้คนในหมู่บ้านยังจะดีซะกว่า ” ลัวย่าวหัวพูด

” อันที่จริงก็ต้องพิจารณาต่อด้วยว่าทุกคนต่างก็ต้องทนทุกข์ทรมานจากการกระจายความมั่งคั่งที่ไม่เท่าเทียมกัน ถ้าหากตอนที่แบ่งผลประโยชน์เกิดปัญหาหรือข้อโต้แย้งขึ้นมา เรื่องนี้ก็อาจจะถูกเปิดเผยออกไปได้น่ะสิ ” หลูตงซิงพูด

ลัวย่าวหัวได้ยินแบบนั้นก็เงียบไป ที่หลูตงซิงพูดมาถูกต้องและมีเหตุผล ถ้าพูดแบบนี้ก็แปลว่าซุนหนีทำเรื่องที่ไม่บริสุทธิ์ใจสินะ

 

ก่อนหน้านี้หยางโปเคยได้สมุดบันทึกการเดินทางมาเล่มนึง เมื่อย้อนคิดกลับไปก็นึกได้ว่าในนั้นไม่ได้มีเบาะแสมากเท่าไหร่นัก และมันก็เป็นเรื่องยากที่จะได้เบาะแสเกี่ยวกับสถานที่ของอาณาจักรเย่หลางผ่านสมุดบันทึกการเดินทาง

หลังจากเดินไปได้ครู่หนึ่งในที่สุดพวกเขาก็มาถึงตีนเขา ไกลออกไปก็พบว่ามีคนสองคนที่กำลังเดินเข้ามาจากด้านนอก คนนึงเป็นชายร่างอวบ ส่วนด้านข้างเป็นชายหุ่นมาตรฐาน และดูเหมือนว่าพวกเขาจะเห็นหยางโปและคนอื่นๆที่เดินมาพร้อมกันด้วย จนทำให้ชายอวบคนนั้นยกมือและตะโกนขึ้น

หยางโปเห็นสองคนนั้นก็เกิดอาการประหลาดใจและดีใจขึ้นมาจนรีบหันไปหาหลู่ตงซิง” นั่นคงจะเป็นเจ้าอ้วนหลิวแล้วก็อวี่เหวินน่ะ “

 

หลูตงซิงพยักหน้าโดยไม่ได้พูดอะไร ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยทำงานร่วมกันมาแล้วและพวกเขาก็รู้จักกันด้วย

ในเวลาเพียงไม่นานเจ้าอ้วนหลิวและอวี่เหวินก็เดินเข้ามาพร้อมกับโบกมือให้หยางโปและคนอื่นๆ ” มาช้าไปหน่อย ว่าแต่ทำไมพวกนายถึงเปียกโชกขนาดนี้เนี่ย ? “

หยางโปยิ้ม ตอนที่เขากำลังจะอธิบายขึ้นมา เขาก็เห็นอาจารย์ฉินจ้องมองไปที่อวี่เหวินจนทำให้เขาต้องรีบแนะนำตัว ” เอ่อ…นี่คืออวี่เหวินครับ เป็นนักดูฮวงจุ้ยระดับสูงที่มีความชำนาญมากเลยน่ะครับ “

อาจารย์ฉินยังคงจ้องอวี่เหวินพร้อมกับพยักหน้า ” อืม “

อวี่เหวินเองก็จ้องหน้าอาจารย์ฉินโดยไม่พูดอะไรเช่นกันทว่าสายตาของเขากลับดูเย็นชากว่าปกติ

หยางโปรีบแนะนำอีกฝ่ายก่อนที่จะพูดต่อว่า ” พวกเรารีบขึ้นเขากันเถอะ ค่อยคุยกันระหว่างทางก็แล้วกันนะ “

 

ตอนนี้ยังเป็นเดือนเมษาและอากาศก็ค่อนข้างดี หยางโปจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ให้กับอีกสองคนฟังระหว่างทางอีกครั้ง เจ้าอ้วนหลิวสามารถเข้าใจสิ่งที่หยางโปเล่าได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่อวี่เหวินยังคงหน้านิ่งเช่นเดิมโดยไม่พูดอะไร

ในเวลาอันรวดเร็วทุกคนก็เดินทางเข้ามาถึงหมู่บ้านซึ่งก็พบกับซิ่งเหย๋ชิ้ง ทันทีที่หยางโปเห็นอีกฝ่ายเขาก็หยุดเดินพร้อมกับแสดงสีหน้าตกตะลึง

อวี่เหวินร่างแข็งทื่อขณะที่จ้องมองซิงเหย๋ชิ้งโดยไม่ได้พูดอะไร

ซิงเหย๋ชิ้งมองมาที่พวกเขาก่อนที่จะเตรียมเดินออกไปโดยไม่พูดอะไร

 

” ฉันนึกออกแล้ว ! เราเจอเขาที่งานประมูลครั้งก่อนไง แถมเขายังเคยเอาปืนมาจ่อพวกเราด้วย ! ” เจ้าอ้วนหลิวพูดด้วยน้ำเสียงตกใจ

หยางโปจ้องหน้าซิงเหย๋ชิ้งพร้อมกับนึกถึงเรื่องที่เคยเกิดขึ้น

ซิงเหย๋ชิ้งได้ยินแบบนั้นก็หันกลับมาก่อนที่จะจ้องมองมาที่หยางโปและขมวดคิ้วเข้าหากันโดยไม่ได้พูดอะไรก่อนที่จะหมุนตัวเพื่อเดินลงจากเขาไปราวกับจำผิดคน

หยางโปรู้สึกสงสัยไปครู่หนึ่งก่อนที่จะรีบพูดขึ้นมาว่า ” ใช่เขาแน่ๆ ! ตามไปเร็วเข้า ! “

สิ้นสุดเสียงของหยางโป หลูติงซิงก็ยกมือขึ้นก่อนที่จะสั่งให้บอดี้การ์ดตามอีกฝ่ายไป

ซิงเหย๋ชิ้งได้ยินแบบนั้นก็ไม่พูดอะไร ได้แต่รีบวิ่งลงเขาไปอย่างรวดเร็ว

 

การเคลื่อนไหวของซิงเหย๋ชิ้งถือว่าเร็วมากทว่าก็ยังไม่เร็วเท่ากับบอดี้การ์ดที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดี เพียงไม่นานซิงเหย๋ชิ้งก็ถูกจับตัวเอาไว้ได้อย่างทันท่วงที

หยางโปรีบวิ่งตามมาพร้อมกับมองหน้าอีกฝ่าย ” นายชื่ออะไร ? “

ซิงเหย๋ชิ้งเปล่งเสียงหึออกมาจากลำคอก่อนที่จะเมินหน้าไปทางอื่น

หยางโปขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย ในขณะที่ลัวย่าวหัวที่อยู่ข้างๆใช้เท้าของเขาเตะไปด้านหน้าพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเกลียดชัง ” นายคือคนที่ช่วยตระกูลซุนนั่นสินะ ! “

ลัวย่าวหัวใช้แรงค่อนข้างมากจนทำให้ซิงเหย๋ชิ้งถอยออกไปด้านหลังถึงสองก้าวขณะที่บอดี้การ์ดสองคนยังจับตัวเขาเอาไว้

 

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งซิงเหย๋ชิ้งก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกับถลึงตาใส่ลัวย่าวหัวโดยไม่พูดอะไร

ลัวย่าวหัวเตะไปที่อีกฝ่ายอีกครั้งจนทำให้ร่างของซิงเหย๋ชิ้งทรุดลงไปกับพื้น

” หรือว่าข่าวเรื่องที่เรามีตราราชบัลลังก์จีนรั่วไหลออกไปจะเป็นเพราะแกใช่ไหมไอ้เวรเอ้ย ! ” ลัวย่าวหัวพูดด้วยน้ำเสียงเกลียดชัง

ทันทีที่ได้ยินเรื่องตราราชบัลลังก์จีน สีหน้าของซิงเหย๋ชิ้งก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาหันมาหาหยางโปและคนอื่นๆ ” ก็เพราะพวกนายนั่นแหละที่แย่งตราราชบัลลังก์จีนของพวกฉันไป ! “

 

” ถุ้ย ! ” เจ้าอ้วนหลิวก้าวเท้ามาด้านหน้า ” ก็เห็นๆกันอยู่ว่าพวกฉันเจอก่อน อีกอย่างตราราชบัลลังก์จีนนั่นก็ไม่ได้เจอในที่สักการะบูชาด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเรา ต่อให้ขุดหาลึกกี่สิบเมตรนายเองก็ไม่มีทางที่จะเจอตรานั่นหรอก ! “

” นั่นมันเรื่องที่ผ่านมาแล้วไม่ต้องพูดถึงมันหรอก ” หยางโปห้ามก่อนที่จะมองอีกฝ่าย ” ที่ฉันสงสัยคือนายมาที่นี่ทำไม ? “

ซิงเหย๋ชิ้งถลึงตา ” ครั้งก่อนพวกนายยังตามพวกฉันไปมองโกเลียเลย ครั้งนี้พวกนายมาที่นี่ทำไมฉันจะมาไม่ได้ ? “

หยางโปจ้องอีกฝ่ายก็พบว่ามุมปากของเขาถูกชกจนเลือดซิบออกมาแล้ว ” ค้นตัว ! “

 

บอดี้การ์ดทั้งสองคนเริ่มค้นตัวซิงเหย๋ชิ้งทันทีก็พบว่าในตัวของเขามีพาสปอร์ต กระเป๋าเงิน บุหรี่ ไฟเช็คและกุญแจ โดยไม่มีของชิ้นอื่นอยู่บนตัวเขา

หยางโปหยิบพาสปอร์ตของอีกฝ่ายมาดูก่อนที่จะยื่นให้ลัวย่าวหัวที่อยู่ด้านข้าง

ลัวย่าวหัวมองก่อนที่จะพูด ” นี่มันอะไรเนี่ย ? “

หยางโปยื่นพาสปอร์ตให้หลูตงซิงดูครู่หนึ่ง เขาก็ส่ายหน้ากลับมา ” ฉันอ่านไม่ออก “

” ซิงเหย๋ชิ้ง ! ” อวี่เหวินที่อยู่ด้านข้างมองเขาก่อนที่จะพูดขึ้น

 

หยางโปหันไปมองอวี่เหวินด้วยความแปลกใจก่อนที่จะหันมาหาซิงเหย๋ชิ้งอีกครั้ง ” ในเมื่อเป็นชาวญี่ปุ่นก็กลับบ้านไปซะสิ จะมาทำอะไรที่นี่ ? “

ซิงเหย๋ชิ้งเงยหน้ามองเขาโดยไม่ได้ตอบอะไรกลับมา

” บอกฉันมา ว่าแกมาทำอะไรที่นี่ ? ” ลัวย่าวหัวเตะไปที่อีกฝ่ายอีกครั้งจนทำให้ซิงเหย๋ชิ้งต้องรีบยกแขนขึ้นมาป้องกัน ครั้งนี้ลัวย่าวหัวไม่ได้ใช้แรงมากมายเท่าไหร่นักแต่ก็สามารถทำให้ร่างของซิงเหย๋ชิ้งกระเด็นไปด้านหลังได้ไม่ยาก