ตอนที่ 392 ขโมยหนังสือ

ซิงเหย๋ชิ้งมาถึงที่หมู่บ้านซื่อสุ่ยอีกครั้งทันทีที่เขามาถึงเขาก็ถูกเด็กๆล้อมรอบตัวเอาไว้พร้อมกับตะโกนโห่ใส่เขาว่า ‘ คนญี่ปุ่น ‘ บ้าง ‘ คนโง่ ‘ บ้าง

แม้ว่าเด็กเหล่านั้นจะพูดแบบนั้นแต่ซิงเหย๋ชิ้งก็ไม่ได้รู้สึกอะไรแต่เขายังคงเดินตรงไปยังลานที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยหินอีกทั้งยังมีบ้านต่ำอยู่ในนั้น ทันทีที่เดินเข้าไปด้านในเขาก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นสาบแกะอีกทั้งยังได้ยินเสียงร้องของแกะด้วย

ซิงเหย๋ชิ้งหันไปมองก็พบว่าด้านข้างมีกลุ่มของแพะถูกกั้นคอกเอาไว้ ยังไม่ทันจะได้เห็นเจ้าของร่างก็มีเสียงลอยดังขึ้นมา ” ใคร ? “

 

ซิงเหย๋ชิ้งเห็นชายคนหนึ่งที่ลุกขึ้นยืนท่ามกลางกลุ่มของแพะ เขาก็รีบเดินเข้าไปพร้อมกับใช้น้ำเสียงที่แข็งทื่อของเขา ” สวัสดีครับ ! สวัสดี ! ผมคือซิงเหย๋ชิ้งครับ “

พูดจบซิงเหย๋ชิ้งก็หยิบบุหรี่ออกมาพร้อมกับยื่นให้อีกฝ่ายเป็นมารยาท

ชายคนนั้นที่ร่างกายเปรอะเปื้อนรีบเช็ดมือของตัวเองก่อนที่จะรับบุหรี่มา หลังจากที่ซิงเหย๋ชิ้งจุดบุหรี่ให้เขาแล้วเขาก็เริ่มสูดเข้าไปเต็มปอดก่อนที่จะพ่นออกมาด้วยท่าทางผ่อนคลาย ชายคนนั้นหันมาหาซิงเหย๋ชิ้งพร้อมกับถาม ” นายคือคนญี่ปุ่นคนนั้นสินะ ? ไม่ใช่ว่านายตามหาเบาะแสของซุนหนีเหรอ ? ทำไมถึงมาที่บ้านของฉันได้ล่ะ ? “

 

ซิงเหย๋ชิ้งรีบอธิบาย ” คือเมื่อวานผมเชิญคนมาแล้วก็ได้คุยกันไปพอสมควรแล้ว วันนี้ก็เลยมาที่นี่เพื่อที่จะทำความเข้าใจให้มากขึ้น อีกอย่างเมื่อวานผมมาคนเดียวก็เกรงว่าอาจจะมีข้อมูลตกหล่นและได้ไม่ครบน่ะครับ “

ชายคนนั้นพยักหน้า ” แบบนี้นี่เอง “

พูดจบชายคนนั้นก็ชี้ไปด้านในบ้าน ” เข้าไปคุยด้านในกันก่อนสิ “

พูดจบเขาก็เดินนำเข้ามาด้านในบ้าน ภายในบ้านค่อยข้างมืดและเพดานต่ำกว่าบ้านเรือนปกติ ทันทีที่เห็นชายคนนั้นเลื่อนเก้าอี้ไม้สีดำมาให้ ซิงเหย๋ชิ้งก็รีบรับและนั่งลงทันที หลังจากนั้นเขาก็รับถ้วยมาซึ่งด้านในนั้นมีน้ำรินอยู่ แต่หลังจากที่เห็นขอบของถ้วยมีสีดำสนิท ซิงเหย๋ชิ้งก็รีบรับถ้วยมาพร้อมกับใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส

 

ชายคนนั้นรีบพูด ” ดื่มเลย ! ดื่มเลย ! นี่เป็นน้ำแร่ที่มาจากบนเขาเลยนะ หวานและอร่อยมากเลยล่ะ “

ซิงเหย๋ชิ้งยิ้มเจื่อนๆ ในที่สุดเขาก็ยอมจิบน้ำเข้าไปอึกนึง รสชาติน้ำแร่หอมหวานมากแต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกคุ้นลิ้นเท่าไหร่นัก

” ว่าแต่คุณชื่ออะไรเหรอครับ ? ” ซิงเหย๋ชิ้งถามกลับไป

” ฉันชื่ออากว่อ ” ชายคนนั้นตอบ

ซิงเหย๋ชิ้งพยักหน้า ” ว่าแต่คุณรู้จักซุนหนีมากน้อยขนาดไหนเหรอครับ ? “

” ในนี้ไม่มีใครไม่รู้จักซุนหนีหรอก ! แม้แต่ลูกเล็กเด็กแดงเองก็ยังรู้เรื่องของซุนหนีกันทั้งนั้นแหละ ” อากว่อพูด

 

” ถ้างั้นคุณช่วยเล่าเรื่องเกี่ยวกับเขาให้ผมฟังหน่อยสิครับ ไม่แน่อาจจะมีเรื่องราวสำคัญอะไรอยู่ในนั้นก็ได้ หลังจากนี้คุณเองก็อาจจะถูกเขียนชื่อลงในหนังสือเช่นเดียวกันนะครับ ! ” ซิงเหย๋ชิ้งพูดพร้อมกับยิ้มก่อนที่จะยื่นมวนบุหรี่ให้อากว่ออีกมวน

อากว่อเริ่มเกิดอาการดีอกดีใจและตื่นเต้นขึ้นมา สีหน้าของเขาในเวลานี้ดูมีชีวิตชีวิตและดวงตาก็เป็นประกายอย่างมาก

ซิงเหย๋ชิ้งตั้งใจฟังเรื่องที่อีกฝ่ายพูดพร้อมกับจดรายละเอียดลงในสมุดบันทึกของเขา ตอนนี้ภายในใจของเขาก็รู้สึกทนไม่ไหวแล้วเหมือนกันเพราะหลายเรื่องที่อีกฝ่ายกำลังพูดถึงเป็นเรื่องที่เขาเคยได้ยินมาก่อนแล้ว และนี่ก็เป็นการเล่าวนซ้ำไปมาหลายต่อหลายครั้งแต่ในเวลานี้เขาก็ทำอะไรไม่ได้มากนอกจากอดทนและฟังต่อไป

 

ตอนที่ซิงเหย๋ชิ้งกำลังนั่งเหม่ออยู่นั้นจู่ๆเขาก็ได้ยินอากว่อพูดขึ้นมาว่า ” ตั้งแต่ที่ท่านซุนหนีหายไปอย่างไร้ร่องรอย พวกเราก็ได้พบของมีมูลค่าจำนวนมากซึ่งมันเป็นของที่ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน มันมีเสื้อผ้ายี่ห้ออาร์มานีแล้วก็นาฬิกาข้อมือฟิลลิปอะไรพวกนั้นด้วยนะ “

ซิงเหย๋ชิ้งได้ยินแบบนั้นตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมา นี่เป็นเรื่องที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน เพราะเมื่อวานตอนที่เขาเจอกับเซอเจ๋ออีกฝ่ายดูเหมือนจะปิดบังอะไรบางอย่างกับเขาและมีหลายอย่างที่เขาไม่ยอมเล่าให้ฟัง

” ทำไมเขาถึงมีของพวกนี้เหรอครับ ? ” ซิงเหย๋ชิ้งถามด้วยความสงสัย

อากว๋อจ้องหน้าซิงเหย๋ชิ้งก่อนที่จะถามขึ้นมาว่า ” มันมีราคามากเลยเหรอ ? “

 

ซิงเหย๋ชิ้งพยักหน้า ” มันมีราคามากเลยครับ แต่จากที่ฟังคุณเล่ามา ซุนหนีไม่น่าจะเคยออกจากหมู่บ้านไม่ใช่เหรอครับ ? แล้วเขาจะไปซื้อของพวกนี้มาจากที่ไหน ? “

อากว๋อ ” คิดว่าคงจะเป็นจือมู่ที่ซื้อกลับมาแหละ นายคงจะไม่รู้จักสินะ เพราะจือมู่เกิดอุบัติเหตุจนเสียชีวิตไปแล้ว ตอนที่เขาจากไปซุนหนีก็ได้เงินชดเชยจากบ้านจือมู่ไปไม่น้อย มาคิดๆดูแล้ว ตอนนั้นจือมู่ออกไปนอกหมู่บ้านด้วยนะคิดว่าน่าจะไปช่วยทำอะไรบางอย่างให้กับซุนหนีเนี่ยแหละ แต่ก็ไม่รู้เหมือกันนะว่าพวกเขาไปเอาเงินทองมาจากไหน ถึงซื้อของแพงๆพวกนี้ได้ ! “

ซิงเหย๋ชิ้งรู้สึกว่าตอนนี้เขาเริ่มเข้าใกล้ความจริงมากขึ้นทุกทีแล้ว เขาจ้องมองไปที่อากว๋อก่อนที่จะพูดต่อว่า ” ซุนหนีนี่สุดยอดมากเลยนะครับ สามารถควบคุมธุรกิจระยะไกลได้จนทำให้ได้เงินมากมายขนาดนั้น หมู่บ้านซื่อสุ่ยคงไม่ได้มีผลิตภัณฑ์พิเศษอะไรใช่ไหมครับ ? “

 

อากว่อส่ายหน้า ” ไม่รู้สิ คิดว่าไม่น่าจะมีนะ ถ้าหากมีของแบบนั้นจริงๆ จือมู่และคนพวกนั้นก็คงจะเอาออกมาแล้วแหละ “

ภายในห้องเงียบไปครู่ใหญ่ ก่อนที่ซิงเหย๋ชิ้งจะพูดขึ้นมาว่า ” ดูเหมือนว่าซุนหนีเองก็ไม่ใช่คนที่ไร้เดียงสาไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรนะครับ ไม่งั้นถ้าเขาได้เงินมามากมายขนาดนี้ก็คงจะแบ่งให้พวกคุณบ้างแล้ว แต่นี่เขากลับไม่ได้แบ่งอะไรให้พวกคุณเลย ตอนนี้ภายในหมู่บ้านเองก็เดือดร้อนกันอยู่เหมือนกันสินะครับ ! “

อากว่อไม่ได้ตอบอะไรกลับมา

ซิงเหย๋ชิ้งรู้สึกว่าตัวเองกำลังเดินมาถูกจุดแล้วเขาจึงพูดต่อว่า ” ซุนหนีเคยทิ้งข้อความตัวอักษรอะไรเอาไว้บ้างรึเปล่าครับ ? ถ้าหากสามารถหาบันทึกของเขาได้ไม่แน่ก็อาจจะสามารถเจอเส้นทางที่นำไปสู่โชคลาภได้ก็ได้นะครับ ? “

 

เห็นอากว่อหน้าแดงขึ้นมาซิงเหย่ชิ่งก็รู้ในทันทีว่าตอนนี้ทุกอย่างกำลังเข้าล็อคแล้ว

” นายเป็นคนญี่ปุ่นเหรอ ? ” อากว่อเงยหน้าถาม

ซิงเหย๋ชิ้งพยักหน้า ” ซุนหนีคงจะมีสมบัติอยู่ในมือแน่ๆ มีบางเรื่องที่พวกคุณไม่ได้สนใจอะไร แต่ช่วงไม่กี่ปีมานี้ผมได้ออกตามหาทั่วทุกสารทิศและมันก็ช่วยอะไรผมได้เยอะทีเดียว ! “

อากว่อจ้องซิงเหย๋ชิ้งราวกับกำลังคิดถึงข้อดีและข้อเสียอยู่

ซิงเหย๋ชิ้งเองก็ไม่ได้รบกวนเวลาคิดของเขา เขาจึงนั่งรออย่างเงียบๆ พร้อมกับยกน้ำในถ้วยขึ้นมาจิบจนทำให้สัมผัสถึงความหวานของน้ำ

 

” ได้ ! ฉันยอมร่วมมือก็ได้ ! ” อากว่อพูด

ซิงเหย๋ชิ้งอดไม่ได้ที่จะยิ้มร่าออกมาพร้อมกับยื่นมือออกไปจับมือของอากว่อ ” หวังว่าเราจะสามารถร่วมมือกันได้อย่างราบรื่นและประสบผลสำเร็จ ! “

” หวังว่าครั้งนี้จะทำให้มีเงินทองขึ้นมาบ้าง ฉันเองก็ไม่อยากจะทนอยู่กับความยากลำบากแบบนี้อีกแล้ว ฉันไม่อยากถูกทวงหนี้สินต่อหน้าชาวบ้านอีกแล้ว ! พอกันที !!! ฉันจะได้ไม่ต้องกังวลกับการใช้ชีวิตของฉันอีก ! ” อากว่อพูดความในใจของเขาออกมา

หลังจากที่ส่งซิงเหย๋ชิ้งแล้ว อากว่อก็เริ่มแผนการทันที บ้านของซุนหนีตั้งอยู่ใจกลางของหมู่บ้านซึ่งถูกรายล้อมไปด้วยเพื่อนบ้านจำนวนไม่น้อย และแน่นอนว่ามันอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเข้าไปด้านในแต่สำหรับเขาแล้วมันเป็นแค่เพียงเรื่องเล็กๆเท่านั้น !

 

อากว่อเป็นคนที่เจอกับความล้มเหลวและมีหนี้สินจำนวนมากแต่หลังจากได้เจอกับหยางโป เขาก็ได้ไปเป็นหัวหน้าคนงานที่จินหลิง

อากว่อเองไม่ได้ซ่อนตัวจากคนอื่นแต่เขากลับเดินไปยังใจกลางหมู่บ้านทั้งๆที่ท้องฟ้ายังสว่างอยู่ ตอนที่เขาเจอกับอาโปและอาเวิงเขาก็กล่าวทักทายอีกฝ่ายตามปกติ

ต้องขอบคุณความกล้าของอากว่อที่ทำให้เขาเดินทางมาถึงด้านหน้าบ้านกำแพงบ้านของซุนหนีในเวลาอันรวดเร็ว หลังจากที่เห็นว่าประตูใหญ่ถูกล็อคเอาไว้ อากว่อก็เกิดอาการลังเลขึ้นมาเล็กน้อยก่อนที่จะกระโดดข้ามกำแพงและพุ่งตรงเข้าไปในทันที หลังจากนั้นเขาก็เริ่มเปิดลิ้นชักด้านในและพลิกหน้าหนังสือภายในนั้น ทว่าเขาไม่รู้ว่าข้อความพวกนั้นหมายความว่ายังไง หลังจากที่คิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็คิดเองเออเองว่ามันน่าจะเป็นสิ่งที่ชายชาวญี่ปุ่นคนนั้นพูดถึง

อากว่อหยิบหนังสือเล่มนั้นมาก่อนที่จะใช้ผ้าห่อเอาไว้แล้วพาดบ่าพร้อมกับรีบเดินออกมา