ในช่วงเช้าในย่านโรงแรมหรูเขตโนแลน
ลูเซียนส่งลีโอที่ห้องถัดไปให้เขาพักผ่อนสักพัก และเขาก็บอกลีโอว่า อย่าตกใจ และให้พักผ่อนต่อไป ถ้าหากว่าได้ยินเสียงอะไรแปลกๆ มาจากห้องของลูเซียนในคืนนี้
หลังจากพบนาตาชา ตราบใดที่เขาไม่ได้ซ่อนตัวตน ลูเซียนก็มั่นใจว่าด้วยฐานะเจ้าหญิง และอัศวินอาภา มันก็ไม่เป็นปัญหาที่ใหญ่เกินไปสำหรับนาตาชาที่มีเจตนาจะหาเขาให้พบในอันโต้
ลูเซียนถือแก้วไวน์แดงไว้ในมือของเขาและนั่งสบายๆ บนเก้าอี้ เขาไม่ได้ดื่มไวน์ เพียงแต่แค่หมุนแก้วไว้บนมือและมองไปที่คลื่นกระทบสีแดงของไวน์ที่อยู่ในแก้ว จิตใจของเขาเต็มไปด้วยความคิดและความทรงจำ
‘ไวน์เบิร์น’ นั้นเป็นผลผลิตของตระกูลเฟลิเซีย โดยปกติแล้วมีแค่แขกของครอบครัวเท่านั้นที่จะมีโอกาสได้ลิ้มลอง แต่โรงแรมนี้มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับตระกูลเฮย์น ดังนั้นทางโรงแรมจึงสามารถครอบครองไว้ได้สองถึงสามขวด อีกทั้งยังทำให้เป็นจุดเด่นของโรงแรมอีกด้วย
ก๊อกๆ… มีคนเคาะหน้าต่างจากด้านนอก
ลูเซียนยิ้มแล้วหันกลับมามอง เป็นดั่งเช่นที่เขาคาดการณ์เอาไว้ นาตาชา ในชุดยาวสีม่วงยืนอยู่บนระเบียง พร้อมทั้ง คามิล ที่อยู่ในชุดสีดำตามปกติของนาง
นาตาชาคืออัศวินอาภาจริงๆ แม้ว่าลูเซียนจะคาดหวังให้นางมาในคืนนี้ แต่ก็ไม่ได้สังเกตเห็นการมาถึงของนางก่อนหน้านี้
ลูเซียนวางแก้วลง แล้วเดินไปเปิดหน้าต่าง
“สายัณห์สวัสดิ์ ลูเซียน” นาตาชาทักทายอย่างสบายๆ “เจ้าต้องการที่จะไปเดินเล่นเป็นเพื่อนกับข้า เพื่อเพลิดเพลินไปกลับแสงจันทร์สีเงินอันน่าอัศจรรย์คืนนี้หรือไม่?”
ลูเซียนหัวเราะ “ไปกันเถอะ นาตาชา…”
เรื่องตลกง่ายๆ ที่ทำให้พวกเขาใกล้ชิดกันเหมือนเมื่อสองสามปีก่อน
อาจเป็นเพราะพลังแห่งอัศวินอาภา จึงทำให้นาตาชายังดูเหมือนอายุยี่สิบอย่างไรอย่างนั้น แต่มันก็อาจจะมาจากการแสดงออกทางสีหน้าหรือพฤติกรรมของนาง ลูเซียนรู้สึกว่านางสงบและเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น
“ท่านไม่ได้เปลี่ยนไปเท่าไหร่…” ลูเซียนกล่าว
“ตอนนี้เจ้าโตเป็นสุภาพบุรุษแล้ว…” นาตาชาพูดในเวลาเดียวกัน
เพื่อนสนิททั้งสองมองหน้ากันและหัวเราะด้วยกัน
“สวัสดีขอรับ ท่านหญิงคามิล” ลูเซียนพยักหน้าให้คามิลอย่างสุภาพ ผู้ที่ติดตามนาตาชาเหมือนเงาอยู่ตลอดเวลา
หลังจากได้เห็นพลังของ ‘เคานต์วิตต์’ แล้ว ลูเซียน ก็รู้ว่าพลัง ‘คลื่นสมุทร’ ของคามิลนั้นน่ากลัวเพียงใด
คามิล พยักหน้าอย่างสุภาพ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา นางเงียบเสมอ
นาตาชาก้าวขายาวไปข้างหน้าและนั่งลงบนโซฟาอย่างสบายๆ ราวกับว่านางอยู่ที่ ‘หอศิลป์สงคราม’ ในพระราชวัง เธอเลิกคิ้วสีม่วงขึ้นเล็กน้อยแล้วพูดว่า “แม้ว่าจะดูไม่เลว แต่ข้าชอบรูปลักษณ์เดิมของเจ้า ดวงตาสีดำและเส้นผมสีดำ… มันดีที่สุดสำหรับข้า”
“ทำไมท่านถึงชอบปฏิบัติกับเหมือนข้าผู้หญิงเสมอ” ลูเซียนยังพูดติดตลก เมื่อตอนที่เขามาถึงโลกนี้เป็นครั้งแรกรูปลักษณ์ของเขาก็ไม่ได้เลวร้าย หลังจากผ่านมาหลายปี และหลังจากพบเจอกับสิ่งต่างๆ มากมาย มันก็หล่อหลอมให้เขาสง่างามและใจเย็นมากขึ้น ‘พรแสงจันทร์’ ของเขาก็มีส่วนเกี่ยวกับภาพลักษณ์ของเขาเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามรูปลักษณ์ของลูเซียนนั้นเทียบไม่ได้กับ ไรน์ ผู้ที่ดูดีแม้กระทั่งตอนเกิด
นาตาชายิ้มและพูดอย่างภูมิใจว่า “ตั้งแต่ข้าออกจากอารามหลวง ข้าก็หวังให้เจ้ากลับมาเร็วๆ หรืออย่างน้อยที่สุดสักสอง หรือ สามเดือน ข้าเป็นห่วงว่าเจ้าจะหาข้าไม่เจอ ดังนั้นข้าจึงประเมินเวลาที่เป็นไปได้ของผู้ที่เดินทางมาจาก ‘เมืองทีรัล’ มาถึง ‘อัลโต้’ และผ่านประตูเมือง ดังนั้นข้าจึงไปที่คฤหาสน์นอกเมืองทุกวันเพราะคาดหวังว่าจะได้เจอเจ้า และมันก็จะสะดวกสำหรับเจ้าด้วยที่จะได้รู้ว่านี่เป็นส่วนหนึ่งในกิจวัตรประจำวันของข้า แต่วันนี้ข้าสัมผัสได้ถึงความคุ้นเคยในอากาศฮ่าๆ! เห็นไหม? แผนของข้าสมบูรณ์แบบ!”
เห็นได้ชัดว่านางภูมิใจมาก
“ใช่ แผนสมบูรณ์แบบ ในระหว่างทางกลับข้ากำลังกังวลว่าจะหาท่านเจอได้อย่างไร…” ลูเซียนบอกนาตาชาถึงความกังวลของเขาอย่างจริงใจแล้วเขาก็ยิ้มออกมา “ตอนนี้ปัญหาทั้งหมดได้รับการแก้ไขโดยเจ้าหญิงที่ฉลาด และยอดเยี่ยมของเรา!”
ตอนนี้ลูเซียนนั่งใกล้กับนาตาชา เขาเห็นสีนัยน์ตาของนาตาชาที่เหมือนในความฝัน นี่เป็นการผสมผสานกันระหว่างสีเงินและสีม่วง ดวงตาของนางลึกลับและน่าดึงดูด เหมือนพายุหมุนที่สามารถดึงดูดผู้คนให้เข้าไปหา หลังจากสามปีผ่านไปในอารามหลวง นางก็ควบคุมพลังแห่งพรได้เป็นอย่างดี
เมื่อได้ยินคำชมนั้น นาตาชาก็ค่อนข้างพอใจ จากนั้นนางก็เริ่มขอให้ลูเซียนเล่าเรื่องการผจญภัยของเขาใน ‘อัลลิน’ ‘โฮล์ม’ และที่อื่นๆ แก่นาง
เนื่องจากนาตาชารู้เกี่ยวกับการล่มสลายของ ‘มิติเวทมนตร์’ ที่เรียกว่า ‘มหากางเขน’ นางจึงตระหนักถึงการมีอยู่ของ ‘โลกแห่งวิญญาณ’ อย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ตามนางอาจมองว่ามันเป็นอีกมิติหนึ่งของความตายเท่านั้น เหมือนกับคนอื่นๆ ที่รู้จัก ‘โลกแห่งวิญญาณ’ ดังนั้นลูเซียนจึงปกปิดเฉพาะส่วนสำคัญที่เกี่ยวข้องกับความลับขั้นสุดท้ายของ ‘โลกแห่งวิญญาณ’ และแบ่งปันเรื่องราวการผจญภัยที่เหลือของเขากับนาตาชาอย่างซื่อสัตย์ทีละเล็กทีละน้อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่กล่าวถึงในจดหมายหรือไม่ก็ตาม
นาตาชาเป็นผู้ฟังที่ดี นางรู้ว่าต้องฟังเมื่อไรและโต้ตอบกันอย่างไร ลูเซียนได้รับการสนับสนุนจากผู้ฟังที่ดีดังนั้นบทสนทนาของพวกเขาก็ยังไม่จบจนถึงเที่ยงคืน
ในเวลานี้เอง นาตาชาก็ดูแปลกๆ ไป และถามว่า “เรายังไม่เคยมีความรัก? ไม่เอาน่า ลูเซียน… ในอัลลิน เจ้าไม่ต้องซ่อนตัวอีกแล้ว น่าเสียดายมาก!”
“อืม… เมื่อข้าไปถึงอัลลินครั้งแรก ข้าไม่รู้ว่าอาร์คานาคืออะไร และข้า… ยุ่ง ใช่… ยุ่งมาก… ดังนั้นไม่มีเวลาเกี้ยวผู้หญิง…” ลูเซียนพูดอย่างอายๆ”
อาจจะ… ในอนาคต…”
นาตาชาเอื้อมมือขวาแล้วลูบคาง นางมีสีหน้าแปลกๆ บนใบหน้า “นั่นไม่ถูกต้อง… ผู้หญิงในอัลลิน… พวกนางงามกว่าผู้หญิงที่นี่ เจ้าเป็นผู้ชนะรางวัล ‘มงกุฎแห่งฮอล์ม’ เจ้าดูดี อีกทั้งยังแข็งแกร่ง… ดังนั้นมีเพียงคำตอบเดียวเท่านั้น เจ้าชอบผู้ชาย!”
นาตาชาปล่อยให้จินตนาการของนางบินลอยไป
“นั่นเป็นไปไม่ได้! ข้ายุ่งจริงๆ! แบบว่า… ยุ่งมาก!” ลูเซียนปฏิเสธทันที “ข้าหมายความว่า… ข้ามีผู้หญิงสองสามคนที่พยายามจะสนิทกับข้าในอัลลิน แต่ข้าไม่รู้สึกเลย ข้าไม่ใช่คนแบบนั้นที่ตามจีบผู้หญิงทุกคนที่พบ! ข้าเน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ!”
นาตาชาตบไหล่ของลูเซียนแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร ข้าเข้าใจ…”
“ข้าไม่ใช่…” ลูเซียนพยายามอธิบายเรื่องนี้ แต่เขารู้ว่านาตาชาอาจมีเรื่องราวความรักที่น่าประทับใจมากมายที่เกิดขึ้นในใจของเธอ
นาตาชาหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์เหมือนสุนัขจิ้งจอกซึ่งประสบความสำเร็จที่ได้จากการล่าลูกไก่ จากนั้นนางก็เปลี่ยนหัวข้ออย่างรวดเร็ว “ทำไมนักเวทคนสำคัญบางคนถึงขอให้เจ้าส่งจดหมายไปยัง ‘เทือกเขาแห่งความมืด’…มันเสียเวลา และแน่นอนมันอันตรายมาก มี ‘ผู้วิเศษระดับตำนาน’ สามารถใช้ดวงดาวเป็นแท่นเหยียบในอวกาศจาก อัลลิน เพื่อไปยัง ‘เทือกเขาแห่งความมืด’ โดยใช้เวลาสั้นๆ ได้…”
นาตาชามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ ‘มหาจอมเวทแฮททาเวย์’ บางครั้งนางก็รู้มากกว่าลูเซียน
“ข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน อาจจะมีเหตุผลบางอย่าง… เขาบอกว่า ‘ราชาแห่งฝันร้าย’ ปฏิเสธที่จะพบนักเวทที่อยู่ในระดับกลางขึ้นไปเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากทฤษฎีอาร์คานาสมัยใหม่…” ลูเซียนเดา
นาตาชาขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “มันยากที่จะพูด แต่ไม่ต้องห่วงลูเซียน ข้าแน่ใจว่าสภาจะไม่ส่งนักเวทหนุ่มที่สัญญาว่าจะตายใน ‘เทือกเขาแห่งความมืด’ ไป นอกจากนี้ยังไม่มี ‘ผู้วิเศษระดับตำนาน’ ที่จะไปฆ่าเจ้า… มันไม่มีเหตุผล” จากนั้นนางก็เงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาแล้วยิ้ม “ใกล้จะตีห้าแล้ว! ข้าลืมกล่าวต้อนรับเจ้าอย่างเป็นทางการ ลูเซียน!”
ดังนั้นนาตาชาจึงยืนขึ้นและยิ้ม “ยินดีต้อนรับกลับบ้าน อัศวินของข้า!”
ลูเซียนยิ้มและจับมือขวาของนาตาชายกขึ้นมาจุมพิศเบาๆ แล้วพูดว่า “ดีใจที่ได้พบท่านอีกครั้ง ฝ่าบาท”
หลังจากกลายเป็นอัศวินอาภา พลังภายในของนางก็ทวีพลังมากขึ้นและมือก็ไม่ต้องจับดาบมากเหมือนเคย
จากนั้นนาตาชาก็พูด กับลูเซียนว่า “เจ้าลืมถามข้าหรือเปล่า อัศวินของข้า?”
“โอ้ใช่แล้ว…” ลูเซียนถูหน้าผากเขา “ข้ากำลังจะถามพอดี… ศาสนจักรรู้ตัวตนนักเวทของข้าหรือไม่? จอห์น โจเอล ไอเวิน และ เอเลน่า เป็นอย่างไรบ้าง “
นาตาชาดูประหลาดใจ และพูดว่า “ว้าว นั้นมีข้อมูลมากเลยละ… ข้าจะเริ่มจากตรงไหนดี ตามที่ข้ารู้ หลังจากที่เจ้าได้รับรางวัลแล้ว รูปลักษณ์หน้าตา อายุ และระดับพลังของเจ้าจะได้รับการบันทึกโดยศาสนจักร อย่างไรก็ตามจากการทดลองนั้น ทำให้ศาสนจักรได้รับผลกระทบอย่างใหญ่หลวง และทำให้พวกเขาตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างมาก ดังนั้นเจ้าจึงไม่ได้ถูกจัดให้อยู่ใน ‘บัญชีกวาดล้าง’ ตอนนี้ ‘ราชรัฐไวโอเล็ต’ ยังไม่ได้รับข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับเจ้า”
นางได้รู้จัก ‘การทดลองกำเนิดสิ่งมีชีวิต’ จากจดหมายของลูเซียน นาตาชารู้สึกสับสนเป็นเวลานานมาก แต่ก่อนที่ศาสนจักรจะแก้ไขทฤษฎีดังกล่าว นาตาชาก็สงบอารมณ์ตัวเองลง และดูเหมือนว่านางจะศรัทธาต่อไป
จากนั้นนาตาชาก็พูดกับลูเซียนอย่างจริงจังว่า “ข้าขอโทษลูเซียน ข้าทำพลาด”
“อะไร?” ลูเซียนสับสน
“เหตุผลที่ข้าแนะนำให้เจ้าใช้ตัวตนในฐานะนักดนตรีก็คือข้าหวังว่าเจ้าจะมีข้อแก้ตัวที่เหมาะสมสำหรับการเดินทางข้ามทวีป ข้าไม่ได้คาดหวังให้เจ้าได้รับรางวัลแบบนี้ ตอนนี้ตัวตนในฐานะนักดนตรีได้กลายเป็นภาระของเจ้าแล้ว ดังนั้นจงหาโอกาสพูดหลังจากการแสดงที่ยอดเยี่ยม… เพื่อทำให้ตัวตนนักดนตรีของเจ้าตายไปดีกว่าที่จะบอกคนที่ห่วงใยเจ้าว่าเจ้าหายไประหว่าเดินทาง…”
“ข้าเข้าใจ ข้าไม่เป็นไรถ้าปล่อยให้ตัวตนนี้ตายเพียงลำพัง แต่ถ้าข้าทำเช่นนั้น ลุงโจเอล ป้าอะลิซ่า จอห์น และไอเว็น… พวกเขาจะเสียใจมาก” ลูเซียนกล่าว “ในอนาคตถ้าหากว่าชื่อข้าอยู่ใน ‘บัญชีกวาดล้าง’ แล้ว ศาสนจักรก็จะสามารถเชื่อมโยงระหว่างนักเวทกับนักดนตรีได้ ซึ่งนั่นไม่เป็นเรื่องดีสำหรับครอบครัว…”
“ข้าไม่ได้บอกว่าเจ้าต้องโกหก ลูเซียน” นาตาชายิ้ม “อย่างที่เจ้าพูด ใช่ ไม่ช้าก็เร็ว ศาสนจักรจะค้นพบเรื่องราวเหล่านี้และจะนำปัญหาใหญ่ไปสู่คนที่เจ้าห่วงใย ข้าขอแนะนำให้เจ้าบอกความจริงกับครอบครัวของเจ้าโดยตรงว่าเจ้าเป็นนักเวท และขอให้พวกเขาย้ายไปที่โฮล์มกับเจ้า หากพวกเขาสามารถยอมรับความจริง และตอบรับคำเชิญของเจ้า นั่นก็เป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แต่ถ้าพวกเขาไม่ต้องการ ข้าก็สามารถช่วยดูแลพวกเขาได้จนกว่าเจ้าจะออกจากอันโต้อีกครั้ง จากนั้นข้าจะขอให้พวกเขาบอกต่อศาสนจักรว่าเจ้ากับพวกเขาได้ตัดขาดจากกันไปแล้ว ภายใต้ความช่วยเหลือของข้า ข้ารับรองได้ว่าพวกเขาจะไม่ได้รับผลกระทบมากนักถ้าในอนาคตพวกเขาตัดสินใจที่จะอยู่ในอัลโต้ต่อไป”
ขณะที่นางกำลังพูดถึง นางก็สงบนิ่งจนดูเหมือนดัชเชสผู้ยิ่งใหญ่
“โหดร้ายมาก…” ลูเซียนถอนหายใจ
“เจ้ารู้ไหม… บางครั้งความโหดร้ายก็อาจกลายเป็นความเมตตาได้เช่นกัน” นาตาชาตอบ
“เสียงของท่านเหมือนพวกนักปรัชญาเลย” ลูเซียนพยายามเล่นมุข
นาตาชาถอนหายใจเล็กน้อย และยิ้มอย่างขมขื่น “ใครก็ตามที่สูญเสียความรัก คนนั้นก็คือนักปรัชญา”
………………