ลูเซียนไม่รู้จะพูดอะไร เขาแค่อยากจะเล่นมุขตลก แต่มุขตลกที่เล็กที่สุดกลับเจ็บปวดที่สุดในหัวใจของนาตาชา เขาต้องการที่จะปลอบใจนาง แต่เขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร
เมื่อเห็นท่าทีกระอักกระอ่วนของลูเซียน นาตาชาก็กัดริมฝีปากของนางเบาๆ แล้วพูดว่า “ข้าไม่เป็นไรลูเซียน ไม่ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น มันก็คือส่วนหนึ่งของชีวิตข้า ข้าจะพยายามเคารพ และเรียนรู้บทเรียนของข้าเสมอ นั่นเป็นทัศนคติของข้า ไม่ต้องห่วงลูเซียน ข้าจะไม่ตำหนิในสิ่งที่เจ้าไม่ได้ตั้งใจจะพูด”
“อืม… ด้วยความสัตย์จริงนะท่านนาตาชา” ลูเซียนพูดด้วยความจริงจัง “สิ่งเดียวที่ข้าเรียนรู้จากความทรงจำและประวัติศาสตร์คือ… เราไม่สามารถเรียนรู้อะไรได้เลย”
นาตาชาหยุดสักครู่แล้วจึงหัวเราะพร้อมกับลูเซียน นางหัวเราะอย่างหนักจนกระทั่งไม่สามารถรักษาท่าทางอันสง่างามของอัศวินเอาไว้ได้ เหมือนกับดอกไว้โอเล็ดเบ่งบาน
“บางทีสิ่งที่เจ้าพูดอาจเป็นจริง ครั้งต่อไปเมื่อข้าได้เจอความรัก ข้าจะมอบทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้ามีให้กับนาง” จากที่หัวเราะดีๆ นาตาชาก็พูดด้วยน้ำเสียงอันแข็งกระด้าง “ข้าไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย”
“ขอให้โชคดีฝ่าบาท หวังว่าท่านจะได้พบกับผู้หญิงที่ดี และมีความสัมพันธ์ที่ดีในเร็วๆ นี้” ลูเซียนกล่าวด้วยความจริงใจ
“เร็วๆ นี้?” นาตาชาเลิกคิ้วเรียวสวยของนางขึ้นและพูดว่า “ข้าเป็นคนประเภทที่ลืมเรื่องราวความรัก และอดีตได้อย่างรวดเร็วหรืออย่างไร? ไม่จริง ข้าไม่ได้เป็นคนแบบนั้น!”
แม้ว่าจะดูเหมือนนางโกรธ แต่ลูเซียนก็สามารถบอกได้ว่าตอนนี้นาตาชารู้สึกดีขึ้นมากหลังจากที่นางได้ปลดปล่อยความเศร้ากับคนที่สามารถแบ่งปันเรื่องราวได้
“อืม… ท่านไม่ใช่คนแบบนั้น ข้าสามารถบอกได้ไหมว่าท่านไม่มีประสบการณ์ในด้านความสัมพันธ์มากนัก? ท่านเคยบอกว่าจะสอนข้า แต่ตอนนี้ข้าชักจะสงสัยแล้วสิ” ลูเซียนยิ้ม
“ดีกว่าเจ้าแน่นอน” นาตาชาตอบกลับอย่างรวดเร็ว “ให้ข้าเตือนเจ้า ถ้าหากว่าเจ้าไม่ได้สังเกต ข้าเป็นสุภาพสตรี และอย่างน้อยข้าก็เคยมีความสัมพันธ์ที่สมบูรณ์แบบ ข้ามีคุณสมบัติของการเป็นอาจารย์ เพื่อสอนวิธีเกี้ยวสาวต่อหน้าเจ้า เจ้ายังไม่แม้แต่จะเคยแตะมือของผู้หญิง!”
ลูเซียนยักไหล่ “อย่าพูดถึงมันอีก …”
“ได้ เรื่องต่อไป เจ้ายังไม่ได้เสียจูบแรกใช่ไหม?” นาตาชายิ้มอย่างดูแคลน “ช่างเป็นอะไรที่น่าเสียดาย… ริมฝีปากของผู้หญิง…”
“เฮ้… อย่าคิดอะไรบ้าๆ นะเข้าใจไหม” ลูเซียนกรอกตา
นาตาชาปรบมือแล้วหัวเราะ “ยอมรับซะเถอะ หนุ่มน้อยผู้บริสุทธิ์ ยอมรับว่าข้ามีคุณสมบัติเพียงพอที่จะสอนเจ้าเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้!”
“เอาล่ะ เอาล่ะ… ท่านชนะ” ลูเซียนยกมือขึ้นทั้งสองข้าง
เจ้าหญิงยิ้มหน้าบานราวกับดอกไม้ จากนั้นนางก็มองไปที่ลูเซียน และพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ขอบใจลูเซียน”
“ข้าเป็นเพื่อนของท่าน” ลูเซียนพยักหน้าให้นาตาชาที่กำลังยิ้ม
“เสียงหัวเราะทำให้ข้านึกถึงความจริงที่ว่าการสูญเสียความรักไปไม่ได้หมายถึงจุดจบชีวิตของข้า” นาตาชากล่าว “ข้ายังมีพ่อ ญาติ ป้าคามิน และเจ้า เพื่อนของข้า ข้าเอาชนะมันได้” นาตาชากล่าว “แล้วข้าจะแนะนำเจ้าให้รู้จักกับสุภาพสตรีดีๆ”
“ให้ข้าจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองเถอะ…” ลูเซียนส่ายศีรษะและยิ้ม
ตอนนี้นาตาชาเริ่มเปลี่ยนมาจริงจังมากขึ้น และบอกเรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัวของลูเซียนว่าพวกเขากำลังทำอะไรอยู่ “หลังจากที่จอห์นสามารถปลุก ‘พร’ ของเขาให้ตื่นขึ้นมาได้ เขาก็กลายเป็นอัศวินและมีฉายาว่า ‘ลอร์ด’ เหมือนกับลอร์ดเวนน์ อาจารย์ของเขา จอห์นรับใช้ให้กับ ‘ตระกูลไวโอเล็ต’ ของข้า ตอนนี้เขามีทั้งที่ดิน และคฤหาสน์บ้านสวนเป็นของตัวเอง”
ลูเซียนยิ้มกว้าง เขารู้สึกมีความสุขอย่างแท้จริงต่อเพื่อนของเขา
“ท่านลุง และป้าอะลิซ่า ได้เรียนรู้มารยาทชนชั้นสูงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เพื่อช่วย จอห์น ติดต่อกับขุนนางคนอื่นๆ” นาตาชากล่าวต่อว่า “ถึงแม้ว่าพวกเขามักจะถูกขุนนางคนอื่นๆ ดูถูกเหยียดหยาม เพราะลูกชายของเขา แต่เขาก็ยังทำต่อไป ตอนนี้ลุงโจเอลของเจ้าถูกรู้จักในนาม ‘นักเล่นพิณแปดนิ้ว’ และเขายังได้รับชื่อเสียงอย่างมากในหมู่ขุนนาง แต่ข้าเดาว่าท่านลุงของเจ้ามีความสุขจริงๆ เมื่อเขาได้เล่นดนตรีท่ามกลางเหล่าขุนนาง…”
“ดีมาก!” ไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้เห็นว่าญาติ และเพื่อนของเขาทุกคนต่างพยายามดิ้นรนเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น เช่นเดียวกับลูเซียนเอง
“ส่วนไอเว็น ตอนนี้เขาโตเป็นชายหนุ่มแล้ว และอยู่ภายใต้การฝึกฝนของอัศวิน เฟลิเซียเพิ่งจะจัดการแสดงของนางเป็นครั้งแรก และมันก็ไม่เลว ตอนนี้นางพร้อมที่จะเริ่มต้นอาชีพในฐานะนักดนตรีแล้ว ส่วน เอเลน่า หลังจากหลังจากที่นางศึกษาด้านดนตรีอย่างหนักตลอดสามปี และต่อต้านการแต่งงานที่จัดเอาไว้ ตอนนี้นางได้รับการจ้างวานจากวงดนตรีใหญ่แล้ว เมื่อนางมีอาชีพแล้ว นางก็ไม่จำเป็นจะต้องพึ่งพาผู้ชายอีกต่อไปแล้ว…” นาตาชายิ้ม “ปิแอร์ หลังจากถูกกดดันมาตลอดสองปี ในที่สุดเขาก็เอาชนะอุปสรรคต่างๆ และเริ่มศึกษาการวางนิ้วที่เจ้าพัฒนาขึ้นเป็นครั้งแรก โดยรวมกับทักษะการวางนิ้วของ ‘ฮาร์ปซิคอร์ด’ เขาก็ได้ค้นพบรูปแบบการเล่นของเขาเอง ส่วน เกรซ ลูกศิษย์ของเจ้าทำงานหนักตลอดเวลา และได้รับการยกย่องอย่างสูงจากนักดนตรีทั้งหลาย ล็อตต์ และเฮโรโดตัส ทั้งคู่ก็ได้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องดนตรี …”
ลูเซียนสัมผัสได้ถึงความรู้สึกจากในใจของเขาจริงๆ เพราะเขาได้ยินข่าวของเพื่อน และครอบครัวของเขา ข้อความจริงที่ว่าในฐานะเจ้าหญิงและ ‘แกรนด์ดัชเชส’ ในอนาคต นาตาชาก็จะยังคงเก็บรวบรวมข้อมูลขุนนางเหล่านี้ไว้ให้ลูเซียน
“อย่างไรก็ตาม ตอนนี้จอห์นไม่ได้อยู่ที่อัลโต้ ตามกฎแล้วอัศวินใหม่จะต้องเข้าร่วม ‘กองอัศวินไวโอเล็ต’ และป้องกัน ‘ป้อมปราการเทือกเขาแห่งความมืด’ หรือ ‘ป้อมปราการเหนือ’ เป็นเวลาห้าปี จากนั้นเขาจะถูกส่งไปยังสถานที่อื่นตามความต้องการของขุนนาง ตอนนี้เขาอยู่ที่ ‘ป้อมปราการเทือกเขาแห่งความมืด’ ถ้าหากว่าเจ้าอยู่ที่นี่นานกว่านี้สักหน่อย บางทีเขาอาจจะกลับมาในช่วงวันหยุด…”
ในขณะที่นาตาชากำลังพูด นางก็หยุด และมองไปที่รอยยิ้มอันอ่อนโยนบนใบหน้าของลูเซียนด้วยความรู้สึกแปลกๆ “ลูเซียนทำไมเจ้ามองข้าเช่นนี้?”
“ข้ารู้สึกซาบซึ้งจริงๆ กับความช่วยเหลือของท่าน” ลูเซียนกล่าวอย่างจริงใจ “ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่ท่านรวบรวมให้ข้า”
นาตาชายิ้ม “แน่นอน ข้าดีที่สุด!”
การสนทนาของพวกเขากินเวลาจนถึงรุ่งเช้า เมื่อแสงยามเช้าเริ่มปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า นาตาชาก็ยืนขึ้นอย่างไม่เต็มใจและพูดว่า “น่ากลัวว่าข้าต้องกลับซะแล้ว”
จากนั้นนางก็พูดกับลูเซียนว่า “ลุงและป้าของเจ้าน่าจะออกไปนอกคฤหาสน์ของจอห์น ดังนั้นเจ้าอาจต้องการไปเยี่ยม ท่านคริสโตเฟอร์ และท่านวิคเตอร์ใน ‘สมาคมนักดนตรี’ ก่อน จากนั้นก็จัดการแสดงของเจ้าโดยเร็วที่สุดเพื่อบอกลาตัวตนในฐานะนักดนตรีของเจ้า น่าเสียดายที่เจ้าไม่มีซิมโฟนีชิ้นใหม่ที่มีระดับเดียวกับ ‘ชะตาชีวิต’ หรือการแสดงครั้งสุดท้ายของเจ้าจะถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์อย่างแน่นอน ในฐานะนักดนตรีเจ้าจะไม่เสียใจเลย ข้าหมายถึง… ‘แสงจันทร์’ ก็ดี ‘พายุ’ ก็ดี คอนเสิร์ตครั้งนี้จะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ ไม่ต้องกังวล”
“ตอนที่ข้าเดินทาง ข้ามีแนวความคิดเกี่ยวกับดนตรีในรูปแบบที่แตกต่าง และข้าเริ่มกระบวนการไปแล้วนิดหน่อย แต่ข้าไม่แน่ใจว่ายังมีเวลาเพียงพอที่จะทำให้เสร็จหรือไม่…” ลูเซียนถอนหายใจเล็กน้อย
ลูเซียนใช้ดนตรีเพื่อผ่อนคลายตัวเอง ด้วยการผสมผสานรูปแบบดนตรีที่แตกต่างกันไปทั่วโลก ลูเซียนได้พัฒนาความเคลื่อนไหวของตัวเองค่อนข้างน้อยบนพื้นฐานของ ‘เพลงซิมโฟนีดินแดนใหม่’ โดย ‘อันโตญีน ดโวชาก’ เพราะลูเซียนยังห่างไกลจากการเป็นนักดนตรีมืออาชีพตัวจริง ซิมโฟนีที่เขาเขียนและ ‘เพลงซิมโฟนีดินแดนใหม่’ นั้นเหมือนกันมาก
“ว้าว… แทบรอฟังไม่ไหวแล้ว” นาตาชาดูตื่นเต้น และใบหน้าของนางก็เปล่งประกาย “เจ้าสนใจเพลงเกี่ยวกับศาสนาหรือไม่? ข้าคิดว่าเพลงสรรเสริญพระเจ้าของศาสนจักรจะดีกับเจ้า… ไม่เป็นไรข้าโง่เอง… เจ้าเป็นนักเวทที่ไม่มีความศรัทธา”
ลูเซียนยิ้มแล้วส่ายหัว ดูเหมือนว่านาตาชาเริ่มจริงจังกับเรื่องศาสนาหรือศาสนจักรน้อยลง
การสนทนาของพวกเขาใช้เวลานานขึ้นเล็กน้อยเมื่อพูดถึงเพลง เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นในที่สุดนาตาชาก็ตระหนักว่าถึงเวลาแล้ว และกล่าวอำลากับลูเซียน
ตอนบินอยู่บนท้องฟ้าช่วงเวลาเช้าตรู่ คามิลมองที่มือขวาของนาตาชาอย่างสับสนและแปลกใจ
“มีอะไร?” นาตาชาถาม นางไม่เห็นความแตกต่างในมือขวาของนาง
“ไม่มีอะไร” คามิลส่ายศรีษะ
…
ลูเซียนยืนอยู่ด้านหน้าอาคารที่เป็นเอกลักษณ์ของ ‘สมาคมนักดนตรี’ หลังจากโกนหนวดและกำจัดสีย้อมบนเส้นผมของเขา เขากำลังจ้องมองที่มัน
มันให้ความรู้สึกแปลกๆ อาคารหลังนี้ดูคุ้นเคย แต่ก็ประหลาด ลูเซียนยังมีห้องรับรองพิเศษของเขาเองในอาคารหลังนี้
หลังจากนาตาชากลับไปในตอนเช้า ลูเซียนก็บอกลีโอว่าภารกิจของเขาเสร็จสิ้นแล้ว แต่อย่างไรก็ตามลีโอต้องการที่จะติดตามลูเซียนไปยัง ‘อัลลิน’ และกลายเป็นพ่อบ้านที่แท้จริงของเขา หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ลูเซียนก็เห็นด้วย แต่เขาขอให้ลีโอรอเขาที่ ‘อัลโต้’ ก่อนจนกว่าเขาจะกลับมาจาก ‘เทือกเขาแห่งความมืด’ ยังไม่ต้องพูดถึงการปกป้องลีโอ เพราะเขาก็ยังไม่แน่ใจว่าเขาจะสามารถปกป้องตนเองภายในภูเขาลูกนี้ได้หรือไม่
เสียงหัวเราะของผู้สัญจรบางคนปลุกลูเซียนขึ้นจากความคิดของเขา พวกเขาเป็นนักท่องเที่ยวที่อยู่ต่อใน ‘อัลโต้’ หลังจากงานเทศกาลดนตรี และเดินเล่นใน ‘สมาคมนักดนตรี’ เพื่อดูว่าพวกเขาจะโชคดีพอที่จะได้พบนักดนตรีที่ชื่นชอบของพวกเขาที่นี่
หลังจากขยับเสื้อแจ็คเก็ตของเขาเล็กน้อย ลูเซียนก็เดินไปที่บันได มีนักดนตรีและผู้เล่นเครื่องดนตรีจำนวนหนึ่งยืนอยู่ที่นั่น
ทหารยามก้าวไปข้างหน้า เมื่อเขากำลังจะหยุดชายหนุ่ม ทหารยามก็ลูบตาอย่างรวดเร็ว และปากของเขาก็อ้ากว้าง “ท่านอี… อีวานส์… อรุณสวัสดิ์ท่านอีวานส์!”
เสียงทักทายนั้นดังมาก นักท่องเที่ยวหลายคนหันหลังกลับ นักดนตรีและผู้เล่นเครื่องดนตรีก็เช่นกัน
หลังจากเห็นใบหน้าของชายหนุ่มอย่างชัดเจน นักดนตรีและผู้เล่นเครื่องดนตรีก็ก้มหัวลงเล็กน้อย และพูดอย่างเคารพและตื่นเต้นว่า “สวัสดี ท่านอีวานส์ ยินดีต้อนรับกลับ!”
…………………