ถังซียิ้มขณะจ้องมองเซียวจิ้นหนิง แต่ประกายตาเธอเย็นชาเมื่อกล่าวว่า “แกก็เป็นคนฉลาดนี่ น่าจะรู้ว่าเวลาทำชั่วไม่ควรทิ้งหลักฐานไว้ แต่ทำไมทุกครั้งที่แกทำเรื่องชั่วๆ กับฉัน แกทิ้งหลักฐานไว้เพื่อบอกให้โลกรู้ว่าแกเป็นคนทำทุกครั้งเลย”
ใบหน้าเซียวจิ้นหนิงเข้มขึ้นทันที เธอมองหน้าถังซีอย่างเฉยเมยและกล่าวว่า “ฉันไม่รู้ว่าแกกำลังพูดถึงอะไร ฉันทำชั่วอะไรไว้กับแกเหรอ” เธอเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ มองถังซีอย่างเย็นชา “ตอนที่แกวิ่งออกจากบ้านแล้วถูกรถชน ฉันเป็นคนแรกที่เห็นแก ถ้าฉันไม่ร้องขอความช่วยเหลือแกก็ตายอยู่ตรงนั้นแล้ว”
“ฮ่าๆ …” ถังซีก้มหน้าลงแล้วหัวเราะออกมาดังๆ แต่เสียงหัวเราะนี้ทำให้เซียวจิ้นหนิงซึ่งนั่งอยู่ตรงกันข้ามเย็นวาบไปถึงกระดูกสันหลัง ถังซีจ้องหน้าเธอ แล้วกล่าวเน้นทีละคำ “ถึงแม้แกจะเป็นลูกสาวตัวจริงของตระกูลเซียว แล้วไงล่ะ พ่อแม่แกต้องการได้ฉันเป็นลูกสาวคนเดียวเท่านั้น พี่เฉิงอวี่คู่หมั้นแกดูแลฉันมาตั้งแต่เด็กๆ และเขาหมั้นกับฉัน ส่วนแกก็แค่ลูกเป็ดขี้เหร่ที่ตระกูลเซียวทอดทิ้ง! …
“ไปลงนรกเสียเถอะเซียวโหรว! …
“แค่แกตายไปซะ ก็จะไม่มีใครมาคุกคามสถานะของฉัน!”
ใบหน้าเซียวจิ้นหนิงเปลี่ยนเป็นสีเข้ม และเข้มขึ้นๆ ในทุกๆ คำที่ถังซีพูด ถังซีเงยหน้าขึ้นมองเซียวจิ้นหนิง ซึ่งรู้สึกอับอายกับทุกคำพูดของตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ เธอเลิกคิ้วถาม “รู้สึกละอายใจบ้างไหม”
เซียวจิ้นหนิงสูดลมหายใจลึก ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ให้สงบได้ และกล่าวอย่างเยือกเย็น “ทำไมฉันจะต้องละอายใจด้วย ฉันไม่ใช่คนที่ทำให้พ่อแม่แกอุ้มลูกไปผิดคนนี่ นั่นเป็นความผิดพลาดของพวกเขา ทำไมฉันถึงต้องยกทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันมีให้แกทันทีที่แกกลับมาด้วย”
ขณะฟังเซียวจิ้นหนิง ถังซีก็หัวเราะเยาะ เธอเงยหน้าขึ้นมองเซียวจิ้นหนิงเล็กน้อย และกล่าวเสียดสี “แกช่างเป็นลูกสาวที่คู่ควรกับแม่ของแกจริงๆ แกพูดและทำตัวเหมือนแม่แกไม่มีผิด ฉันไม่เคยเชื่อเรื่องมรดกทางพันธุกรรมมาก่อน แต่ตอนนี้เชื่อแล้ว เพราะครอบครัวแกนี่แหละ ความไร้ยางอายสามารถสืบทอดเป็นมรดกได้จริงๆ!”
เซียวจิ้นหนิงไม่รู้สึกโกรธแม้แต่น้อยที่ได้ยินถังซีเยาะหยันพ่อแม่เธอ เธอแค่มองหน้าถังซี ยิ้มเยาะและกล่าวอย่างเยือกเย็น “แกก็ไม่ดีไปกว่าฉันหรอก! แกกล้าว่าพ่อแม่บุญธรรมว่าไร้ยางอายได้อย่างไร เซียวโหรว แกก็ไม่ได้ดีไปกว่าฉัน เห็นไหม”
ถังซีเลิกคิ้วเมื่อมองดูเซียวจิ้นหนิง และหัวเราะเบาๆ เสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานของเธอเต็มไปด้วยการเสียดสี “แกคิดเลยเถิดไปใหญ่แล้ว! คนตระกูลเหยาไม่เหมือนแกสักนิดในเรื่องความไร้ยางอาย พวกเขาเป็นคนดีมาก และไม่มีวันมีลูกสาวที่ไร้ยางอายอย่างแก!”
สีหน้าเซียวจิ้นหนิงเปลี่ยนไป ขณะขมวดคิ้วและกรีดร้อง “เซียวโหรว แกหมายความว่ายังไง”
ถังซีพอใจกับปฏิกิริยาของเซียวจิ้นหนิงมาก เธอส่ายปากกาบันทึกเสียงในมือไปมา แล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ “นี่เป็นคำสารภาพของแม่แก หลังจากแกได้ยินสิ่งที่เธอพูด แกจะรู้ว่าทำไมฉันถึงบอกว่า ความไร้ยางอายสามารถสืบทอดกันได้ เพราะไม่มีใครนอกจากคนโรคจิตเท่านั้นที่จะทำอะไรแบบนี้”
ขณะถังซีกำลังจะเปิดเสียงที่บันทึกไว้ จู่ๆ เซียวจิ้นหนิงก็ตะโกนขึ้นอย่างฉับพลัน “ฉันไม่อยากฟัง!”
ถังซีเย้ยหยัน “ไม่ได้ขึ้นอยู่กับแก!” จากนั้นเธอก็เปิดเสียง
นี่คือปากกาบันทึกเสียงรุ่นใหม่ ทันทีที่ถังซีกดปุ่ม เสียงหลินเจียวก็ดังขึ้น…
‘ฉันขอโทษ ฉันไม่ควรทำอย่างนั้น ฉันท้อง แต่ฉันไม่รู้ว่าพ่อของลูกเป็นใคร ฉันอยากทำแท้ง แต่ยายเธอขอให้ฉันเก็บเด็กไว้ ยายเธอบอกว่าแม่เธอก็ท้องเหมือนกัน เราขอให้แม่เธอเอาลูกฉันไปเลี้ยงด้วยก็ได้ ฉันคิดว่าเป็นความคิดที่ดี ลูกสาวฉันก็ควรได้มีชีวิตที่ดีด้วยเหมือนกัน ฉันจึงซ่อนตัวอยู่ เมื่อแม่เธอคลอดเธอที่เมือง W ฉันก็รีบไปที่เมือง W ในคืนนั้น เพื่อไปผ่าตัดคลอดจิ้นหนิงที่นั่น และเพราะยายเธอเป็นแม่ของแม่เธอ จึงสามารถพาเธอออกจากโรงพยาบาลได้ง่ายๆ ตอนนั้นเธอยังเป็นทารกแรกเกิดไม่มีใครจำเธอได้ เมื่อเราสับเปลี่ยนป้ายชื่อเธอ เธอกับจิ้นหนิงก็สามารถสลับตัวกันได้’
‘ฉันอยากเลี้ยงดูเธอด้วยตัวเอง แต่ฉันไม่มีปัญญา! ฉันเลยต้องส่งเธอไปอยู่ที่อื่น’
‘เธอก็รู้นี่ ว่าดีกว่าฉันเลี้ยงเอง ให้เธอไปโตในครอบครัวอื่นดีกว่า จริงไหม’
‘แต่แทนที่แกจะส่งฉันไปอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าหรือครอบครัวที่ดี แกกลับเอาฉันไปทิ้งไว้บนภูเขาห่างจากตัวเมือง W หลายร้อยไมล์ โดยไม่สนใจเลยด้วยซ้ำว่าอาจมีสัตว์ป่ามากินฉัน หรือฉันจะต้องแข็งตายตอนกลางคืน!’
…
หลังจากได้ยินเสียงที่บันทึก ใบหน้าเซียวจิ้นหนิงก็ซีดเผือดอย่างน่ากลัว หมายความว่าน้าที่เธอดูหมิ่นอยู่เสมอคือแม่ของเธอ… ตอนนี้เธอถูกทำลายย่อยยับแล้ว หากเสียงนี้เผยแพร่ออกไป เธอจะไม่สามารถกลับมายืนท่ามกลางสาธารณชนได้อีก…
ผู้กำกับหลานซึ่งนั่งอยู่ในห้องสังเกตการณ์ และเฝ้าดูฉากการแสดงที่น่าทึ่ง ทันใดนั้นก็พรวดพราดลุกขึ้นด้วยความตกใจ พระเจ้า…ที่เขาเพิ่งได้ยินเมื่อกี้คืออะไร!
เซียวโหรวกับแม่ของเธอช่างโชคร้ายที่มีครอบครัวที่ร้ายกาจเช่นนี้! ยายของเซียวโหรวชั่วช้าจริงๆ! ทำไมถึงสับเปลี่ยนลูกของลูกสาวสองคนของตัวเองได้ลงคอ… ทั้งคู่เป็นลูกของนาง นางลำเอียงขนาดนี้ได้อย่างไร!
และแม่ของเซียวจิ้นหนิงนั้นไร้ยางอายจริงๆ! เธอตั้งใจจะฆ่าเด็กทารก…
ผู้กำกับหลานเพิ่งได้หลานชายคนหนึ่ง เขาจึงทนไม่ได้เมื่อได้ยินว่ามีเด็กถูกทำร้าย ทันทีที่เขานึกภาพเด็กตัวเล็กๆ เท่ากับหลานชายของเขา ถูกเอาไปทิ้งไว้บนภูเขาในป่าลึก และผลักไสให้ไปสู่ความตาย เขาก็รู้สึกขุ่นเคืองขึ้นมาทันที เขาลุกขึ้นออกจากห้องสังเกตการณ์เดินไปที่ประตู และเรียกตำรวจสองนาย ตำรวจทั้งสองตื่นตระหนกเล็กน้อยที่ถูกผู้บังคับบัญชาเรียก ผู้กำกับหลานมองหน้าพวกเขาและกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ไปตรวจดูว่าสมาชิกในครอบครัวเถาเยี่ยนมีใครบ้าง”
ตำรวจทั้งสองสงสัยว่าทำไม แต่ในเมื่อไม่กล้าถาม พวกเขาจึงรีบไปตรวจสอบดู จากนั้นผู้กำกับหลานก็กลับไปนั่งในห้องสังเกตการณ์
ในขณะที่เขานั่งลงนั่นเอง เซียวจิ้นหนิงก็ผุดลุกขึ้น พยายามคว้าปากกาบันทึกเสียงจากถังซี คลิปเสียงนี้จะอยู่ในมือถังซีไม่ได้ มิเช่นนั้นถังซีต้องนำไปเผยแพร่อย่างแน่นอน ถ้าเธอปล่อยให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น แม้จะเอาชนะถังซีได้ เธอก็จะไม่มีโอกาสได้สิ่งที่เคยเป็นของเธอกลับคืนมา!
เมื่อมีความคิดเช่นนี้ในใจ เซียวจิ้นหนิงก็เกิดความเด็ดเดี่ยวและดุร้ายขึ้นมา
ถังซีคิดไม่ถึงว่าเซียวจิ้นหนิงจะกล้าจู่โจมเข้าทำร้ายเธอในสถานีตำรวจ! และที่สำคัญที่สุด เธอไม่คาดคิดว่าตนเองจะไม่มีแรงต่อสู้เซียวจิ้นหนิง!
วินาทีที่นั้นนั่นเองที่เซียวจิ้นหนิงผลักถังซีล้มลงบนพื้น ในเวลาเดียวกันผู้กำกับหลานก็กระโจนขึ้นจากที่นั่งในห้องสังเกตการณ์ รีบรุดเข้าไปในห้องสอบสวน พร้อมกับร้องเรียกให้คนมาช่วยขณะวิ่งไป
ถังซีรู้ว่าตอนนี้ร่างกายเธอไม่มีความแข็งแกร่งพอที่จะต้านทานเซียวจิ้นหนิง เหมือนอย่างที่ 008 เตือน แต่เธอคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะอ่อนแอขนาดนี้… เธอล้มลงกับพื้น และไม่สามารถตอบโต้อะไรได้เลยเมื่อเซียวจิ้นหนิงผลัก แต่ขณะที่เธอกำลังจะตะโกนเรียกให้คนมาช่วย ประตูห้องสอบสวนก็เปิดออก