เมื่อเห็นถังซียังคงไม่ขยับเขยื้อน ความตื่นตระหนกก็ฉายชัดในดวงตาหลินเจียว เธอรีบบอกอีกว่า “เธอก็รู้นี่ ว่าดีกว่าฉันเลี้ยงเอง ให้เธอไปโตในครอบครัวอื่นดีกว่า จริงไหม”
“แต่แทนที่แกจะส่งฉันไปอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าหรือครอบครัวที่ดี แกกลับเอาฉันไปทิ้งไว้บนภูเขาห่างจากตัวเมือง W หลายร้อยไมล์ โดยไม่สนใจเลยด้วยซ้ำว่าอาจมีสัตว์ป่ามากินฉัน หรือฉันจะต้องแข็งตายตอนกลางคืน!”
แม้ความทรงจำขณะเป็นเซียวโหรวจะคลุมเครือ แต่เธอยังจำได้ว่าตอนที่เซียวโหรวอยู่กับครอบครัวเหยา สมาชิกครอบครัวเหยาเคยพูดว่าพวกเขาพบเธอบนภูเขา และตอนที่ตระกูลเซียวพาตัวเซียวโหรวกลับมา เธอคิดว่าพวกเขาโกหกเธอ พวกเขาแค่อุ้มเธอไปเพราะเข้าใจผิดว่าเซียวโหรวคือเซียวจิ้นหนิง แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าคนในครอบครัวเหยาคือผู้ที่ช่วยชีวิตเซียวโหรวไว้อย่างแท้จริง!
และตัวการที่กระทำชั่วยังคงปฏิเสธ ไม่ยอมรับความผิดของตัวเอง!
หลินเจียวส่ายศีรษะ “ไม่ ฉันไม่ได้อยากทำ…”
“พอแล้ว ฉันได้คำตอบที่ฉันอยากรู้แล้ว” ถังซีกล่าวอย่างเยือกเย็น ก้มลงมองหลินเจียว “เวลามองหน้าแก ฉันคิดอะไรออกบางอย่าง นั่นก็คือ ความไร้ยางอายนี่มันสืบทอดกันได้จริงๆ แกสืบทอดมาจากเถาเยี่ยน แล้วเซียวจิ้นหนิงก็สืบทอดมาจากแก” เมื่อจบคำพูด ถังซีก็หันหลังกลับเดินออกไป
เมื่อเห็นว่าถังซีกำลังจะจากไป หลินเจียวก็รีบตะโกนออกมา “แล้วฉันล่ะ! เธอจะไม่ปล่อยฉันหรือ!”
ถังซีมองกลับไปที่หลินเจียวด้วยท่าทางเย็นชา หัวเราะเยาะแล้วกล่าวว่า “ฉันบอกว่าฉันจะปล่อยแกเหรอ ฉันบอกแล้วว่าขึ้นอยู่กับอารมณ์ฉัน และตอนนี้ฉันอารมณ์เสียมาก!”
หลินเจียวมองถังซีด้วยความโกรธและตะโกนว่า “เซียวโหรว แกมันคนโกหก!”
ถังซีไม่ได้หันไปมอง แต่เดินตรงออกไปข้างนอก เมื่อหยางจิ้งเสียนเห็นถังซีเดินออกมาก็รีบเข้าไปหา และถามเบาๆ ว่า “เธอสารภาพไหม”
ถังซียิ้ม ชูปากกาบันทึกเสียงให้มารดาดู แล้วส่ายไปมา “ไปกันเถอะค่ะ คุณแม่กลับบ้านได้แล้วนะคะ เดี๋ยวหนูจะไปดูเซียวจิ้นหนิง”
เธอจะไปล้างแค้นให้เซียวโหรวกับหลินหรู คนพวกนั้นทำลายชีวิตหลินหรูและเซียวโหรว ด้วยเหตุที่เธอเป็นหนี้บุญคุณเซียวโหรว เธอจึงต้องล้างแค้นให้พวกเธอ!
เซียวจิ่งขมวดคิ้วมองหน้าถังซี “พี่จะพาเธอไปเอง”
ถังซีส่ายศีรษะเมื่อเห็นเซียวจิ่งมีรอยคล้ำที่ใต้ตา เธอหัวเราะเบาๆ “พี่ส่า พี่จิ่ง พี่สองคนกลับบ้านไปพร้อมคุณแม่เถอะค่ะ จะได้นอนพัก ถ้าพี่ๆ ไม่ได้พักผ่อน ฉันเกรงว่าพี่จะตายเพราะทำงานหนักเกินไป!”
เซียวจิ่งจ้องหน้าถังซี “ถ้าอย่างนั้น พี่จะให้บอดีการ์ดสองคนไปกับเธอ”
ถังซีพยักหน้า เดินไปขึ้นรถสีดำคันหนึ่ง บอดีการ์ดหนึ่งในสองคนเข้าประจำที่คนขับ ถังซีบอกเขาว่า “ไปสถานีตำรวจ”
…
เมื่อถังซีไปถึงสถานีตำรวจ นายตำรวจสองคนกำลังสอบสวนเซียวจิ้นหนิง ซึ่งไม่ยอมรับสารภาพ ไม่ว่าตำรวจสองคนจะพูดอะไร เธอก็มั่นใจว่าพวกเขาไม่กล้าทำอะไรหยาบคายต่อเธอ เธอจึงปิดปากสนิทด้วยท่าทางหยิ่งผยอง ขณะยืนอยู่ในห้องสังเกตการณ์ถังซีขมวดคิ้วมองเซียวจิ้นหนิง ก่อนจะหันไปหาผู้กำกับการสถานีตำรวจที่ยืนอยู่ข้างๆ และถามขึ้นเบาๆ “ผู้กำกับหลานคะ เธอเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อวานเหรอคะ”
ผู้กำกับหลานมาทักทายถังซีหลังจากได้รับโทรศัพท์จากผู้บัญชาการของเขา และรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นถังซี พร้อมกับสงสัยว่าเด็กผู้หญิงคนนี้มีสิทธิพิเศษอย่างไร แต่เมื่อได้ยินว่าเด็กสาวคนนี้ชื่อเซียวโหรว เขาก็รู้ทันทีว่าเธอมีอภิสิทธิ์มากมาย ทุกวันนี้ข่าวทุกข่าวล้วนเกี่ยวกับเธอ…
ภาพข่าวจากวิดีโอเหล่านั้นไม่แสดงใบหน้าของเธอ แต่ปรากฏว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ไม่เพียงสง่างาม แต่ยังสวยมากอีกด้วย!
ผู้กำกับหลานเพิ่งมาถึง เขาจึงไม่รู้ว่าเซียวจิ้นหนิงประพฤติตัวอย่างไรบ้าง
เขาหันไปมองตำรวจสองนายในห้องสอบสวน และกำลังจะเอ่ยขึ้นเมื่อถังซียิ้มและถามว่า “ฉันอยากทราบว่า ผู้กำกับหลานจะอนุญาตให้ฉันเข้าไปในห้องสอบสวน และคุยกับเซียวจิ้นหนิงตามลำพังได้ไหมคะ”
เมื่อได้ยินถังซีเปลี่ยนหัวข้อสนทนา ผู้กำกับหลานก็รีบพยักหน้า “ได้แน่นอนครับ ผมจะให้คนพาคุณเข้าไป”
ถังซีขอบคุณเขาและออกจากห้องสังเกตการณ์ เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามีห้องแบบนี้ในสถานีตำรวจ…
ขณะถังซีเข้าไปในห้องสอบสวน เซียวจิ้นหนิงยังคงหลับตาลงพักสายตา แม้เมื่อได้ยินเสียงคนเข้ามาในห้องเธอก็ไม่ลืมตา ราวกับกำลังอยู่ในบ้านตัวเอง ตำรวจสองนายลุกขึ้นยืนจะทักทายถังซี แต่เธอยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้พวกเขาเงียบ แล้วพยักหน้า หลังจากทั้งสองออกไปจากห้อง ถังซีก็นั่งลงบนเก้าอี้ตรงกันข้ามกับเซียวจิ้นหนิง
เมื่อได้ยินเสียง เซียวจิ้นหนิงก็ยิ้มเย้ยหยันทั้งที่ยังหลับตา และกล่าวว่า “เปลี่ยนคนมาสอบสวนฉันหรือ แล้วไงล่ะ ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่ได้ทำ! ที่ตอนนั้นฉันพูดว่าฉันทำก็เพราะพวกเขาแหย่ให้ฉันโมโห และฉันไม่รู้ว่าพูดอะไรออกไป ซึ่งนั่นไม่สามารถใช้เป็นหลักฐานในการจับกุมฉันได้!”
เมื่อได้ยินคำพูดที่เรียบเรียงมาเป็นอย่างดี ถังซีก็เลิกคิ้ว เคาะโต๊ะเบาๆ ขณะถือปากกาบันทึกเสียงไว้โดยไม่พูดอะไร เมื่อไม่ได้ยินเสียงคำรามหรือเสียงทุบโต๊ะของอีกฝ่าย แต่เป็นเสียงเคาะโต๊ะเบาๆ อย่างเงียบกริบแทน เซียวจิ้นหนิงก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นนิดหนึ่ง แต่เธอกลับเห็นถังซีนั่งอยู่ตรงหน้า เธอยืดตัวขึ้นทันทีแล้วถามอย่างเยือกเย็น “แกมาทำไมที่นี่!”
ถังซีเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ วางมือบนที่เท้าแขน เคาะโต๊ะเบาๆ ด้วยปากกาบันทึกเสียงอย่างสบายใจ โดยไม่พูดอะไร ได้แต่นั่งเคาะโต๊ะเฉยๆ ด้วยท่าทางสบายๆ มองหน้าเซียวจิ้นหนิงที่นั่งอยู่ตรงกันข้าม และยิ้มออกมาเล็กน้อย
ด้วยความรู้สึกอึดอัดใจอย่างมากเมื่อเห็นภาพเช่นนี้ เซียวจิ้นหนิงจึงทุบโต๊ะแล้วผุดลุกขึ้น เท้ามือทั้งสองลงบนโต๊ะ ก้มลงมองถังซีแล้วกล่าวว่า “แกจะมาหัวเราะเยาะฉันใช่ไหม” เธอจ้องถังซีราวกับจะพุ่งเข้ามาทำร้ายอีกฝ่ายในทันที ถ้าถังซีตอบว่า “ใช่”
ถังซีมองหน้าเซียวจิ้นหนิงแล้วตอบเบาๆ “โกรธเหรอ คับข้องใจหรือไง แกเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อวานแล้วนี่ ทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจเขาถึงทนได้ล่ะ แต่นี่ฉันเพิ่งมาได้แค่…” เธอยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาแล้วยิ้ม กล่าวต่อไป “ฉันเพิ่งมาที่นี่ได้แค่สองนาที แกทนไม่ไหวแล้วเหรอ”
เซียวจิ้นหนิงกำลังจะวิ่งเข้าไปหาเธอ เมื่อถังซีเหลือบมองกล้องวงจรปิด ก่อนจะหันไปหาเซียวจิ้นหนิงและถามด้วยรอยยิ้ม “แน่ใจแล้วหรือว่าจะทำร้ายฉันที่นี่ เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเฝ้าดูแกอยู่นะ”
เซียวจิ้นหนิงหรี่ตาลง และนั่งกลับลงไปอย่างรวดเร็ว