เย่เทียนออกไปจากบริษัทตระกูลเฉินอย่างเร่งรีบ เนื่องจากได้รับข้อความที่ซูเหมยส่งเข้ามา
เมื่อคืนนี้ตอนที่วางกับดักที่บริษัทตระกูลเฉิน เมื่อพิจารณาถึงเหตุผลที่ทำหัวขโมยตกใจหนีไปได้ เขาจึงปิดเสียงมือถือเอาไว้แล้ว
ที่บังเอิญคือ ตอนที่เชิ่งหู่และหลิวชิงโทรศัพท์มาหาเขา เขาอยู่ด้านในห้องประชุมโต้คารมกับกรรมการสองสามคนพอดี จึงลิขิตมาให้ไม่อาจรับโทรศัพท์ของพวกเขาได้
รอกระทั่งช่วยชีวิตเฉินหวั่นชิงออกมาจากลิฟต์ได้ เขาถึงมีเวลาว่างคลำมือถือออกมาดูสักหน่อย
ยี่สิบสามสายโทรศัพท์ที่ไม่ได้รับ ล้วนเป็นเชิ่งหู่และหลิวชิงโทรเข้ามาหา
ข้อความของซูเหมยข้อความหนึ่ง แจ้งว่าเชิ่งหู่และหลิวชิงอยู่ที่ผับดรุณียั่วรัก ให้เขารีบเข้ามาด่วน
เร่งรัดขนาดนี้ มองเห็นเฉินหวั่นชิงรับมือนักข่าวกลุ่มนั้นอยู่ เย่เทียนได้เพียงบอกกับเหอเชิ่งสักหน่อย แล้วออกไปก่อนแบบเงียบๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เย่เทียนก็มีธุระอยากให้เชิ่งหู่กับหลิวชิงไปจัดการจริงๆ
แทนที่จะนำเรื่องช่างซ่อมไปบอกตำรวจ ยังไม่สู้ให้เชิ่งหู่กับหลิวชิงไปสืบข่าว
แต่ละคนมีวิธีคิดไม่เหมือนกัน ดังนั้นจึงจัดการเรื่องราวต่างกันในแบบของตนเอง
ให้พวกเขาไปสืบข่าวไม่แน่ว่ายังจะไวกว่าทางตำรวจเสียอีก!
รอตอนที่เย่เทียนมาถึงผับดรุณียั่วรัก สมาชิกของสองแก๊งสิบกว่าคนที่เฝ้าอยู่ด้านนอกผับต่างเผยสีหน้าที่หวาดกลัวและเคารพออกมา
สามารถอยู่ประจำข้างกายของหลิวชิงและเชิ่งหู่ได้ โดยพื้นฐานนั้นล้วนใกล้ชิดและสนิท
อย่างน้อยพวกเขาก็เคยพิสูจน์มากับตาตนเองแล้วถึงความน่าสยองของเย่เทียน จะไม่หวาดกลัว ไม่เกรงกลัวได้เหรอ?
สายตามองเห็นการปรากฏตัวของเย่เทียน ลูกน้องคนหนึ่งรีบเข้ามาต้อนรับ พูดจาหน้าตาเอาใจเต็มที่ “คุณชายเย่ครับ ท่านมาแล้วเหรอครับ พี่ใหญ่กับพี่ใหญ่หู่รอท่านอยู่ข้างในนานมากแล้วครับ”
“อืม” เย่เทียนพยักหน้าง่ายๆ ถือว่าเป็นการตอบรับ ฝีเท้าไม่ได้หยุดนิ่งแต่อย่างใด
ตอนที่เย่เทียนเดินเข้ามาด้านในผับดรุณียั่วรัก หลิวชิงและเชิ่งหู่กำลังนั่งอยู่ที่บาร์กำลังถกเถียงอะไรอยู่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
สำหรับซูเหมย มาแทนที่ตำแหน่งของบาร์เทนเดอร์ชั่วคราว ผสมเหล้าให้บุคคลที่แค่ตวาดขึ้นเสียงนิดหน่อยก็ทำให้ทั้งเจียงหนันสั่นสะเทือนได้สองท่านนี้
ชั่วขณะนั้นเย่เทียนขมวดคิ้วแน่นขึ้นมา แม้แต่เขายังไม่เคยดื่มเหล้าที่ซูเหมยชงด้วยมือตนเองเลย สองคนนี้กลับดื่มไปก่อนแล้ว? โอหังขนาดนี้?
หลิวชิงและเชิ่งหู่ที่ได้ยินการเคลื่อนไหวรีบหันหน้าเข้ามาทันที มองเห็นใบหน้าของเย่เทียนแจ่มแจ้ง ทั้งสองคนลุกขึ้นแบบไม่ได้นัดหมาย ยืดหน้าเข้าไปต้อนรับแล้ว
“คุณชายเย่ ท่านมาสักทีหนึ่งนะครับ ท่านใกล้ทำพวกเราร้อนใจแทบแย่แล้ว!”
เย่เทียนทำเสียงหึๆ พูดแบบฝืนใจ “ลูกพี่ใหญ่ทั้งสองท่านอารมณ์สุนทรียะจังนะ! กลางวันแสกๆ ไม่ตั้งใจทำงานหาเงินเลี้ยงครอบครัว กลับวิ่งมาดื่มเหล้าที่ผับหมายความว่าอะไรกัน?”
ผู้มีประสบการณ์โชกโชนทั้งสองฟังความไม่พอใจในคำพูดของเย่เทียนไม่ออกได้ที่ไหน รีบอธิบายขึ้นมาทันที
“คุณชายเย่ ท่านอย่าเข้าใจผิดเด็ดขาดนะครับ”
“เป็นพี่สะใภ้ที่อยากชงให้พวกเราดื่มสักแก้วเอง พวกเราไม่กล้าปฏิเสธด้วย!”
“เป็นแบบนี้เหรอ?”
เย่เทียนยิงสายตาที่สงสัยไปยังซูเหมย
เวลานี้ซูเหมยหน้าแดงเพราะเชิ่งหู่และหลิวชิงสองคนนี้ตะโกนว่า‘พี่สะใภ้’ออกจากปาก เห็นสายตาเย่เทียนมองเข้ามา จึงรีบบอกว่า “พวกเขาเข้ามานานมากแล้ว ฉันทางนี้ไม่มีน้ำชา ได้เพียงชงเหล้าให้สองแก้ว”
“ในเมื่อนายมาแล้ว งั้นพวกนายคุยกันเองแล้วกัน ฉันจะไปตรวจสอบรายได้ของผับเมื่อวานที่ด้านหลังหน่อย”
พูดจบ ไม่รอให้เย่เทียนตอบกลับ ซูเหมยก็มุดเข้าไปด้านในผับแบบมีความหมายหนีเตลิดพอสมควร
ถ้าไม่มีเรื่องก่อนหน้านี้ที่ให้เย่เทียนมาปลอมเป็นแฟนรับมือคู่ดูตัว ซูเหมยคงไม่สุดจะรับได้เช่นนี้เด็ดขาด
แต่หลังจากวันนั้นมา เธอเคยแอบคิดว่า ถ้าเย่เทียนมาเป็นแฟนเธอจริง นี่คงไม่ใช่เรื่องแย่อะไรหรอกมั้ง
เนื่องจากภายใต้อิทธิพลของความคิดแบบนี้ ทำให้เมื่อเชิ่งหู่และหลิวชิงทั้งสองเรียกว่าพี่สะใภ้มาคำหนึ่ง เธอยังจะกล้าสู้หน้าเย่เทียนได้ที่ไหนกัน
“ผู้หญิงคนนี้เป็นอะไรแล้ว? ฉันไม่ใช่เสือสักหน่อย ต้องวิ่งเร็วขนาดนั้นด้วยเหรอ?”
มองภาพด้านหลังของซูเหมยที่ออกไปฉับไว เย่เทียนลูบสันจมูกอย่างจำใจ หย่อนก้นนั่งลงมาบนเก้าอี้แล้ว ชายตามองเชิ่งหู่และหลิวชิงทั้งสองคนแบบสบายๆ
“ว่ามา พวกนายสองคนรีบร้อนมาหาฉันขนาดนี้มีเรื่องอะไร?”
หลิวชิงล้วงบัตรเชิญใบหนึ่งออกมาจากในอ้อมอกก่อนจะยื่นเข้าไป พลางอธิบายขึ้นมา
“คุณชายเย่ นี่คือที่ส่งเข้ามาเมื่อคืนนี้ครับ ลงชื่อว่าคือหนึ่งในจอมพลทั้งสี่ที่ขึ้นมารับตำแหน่งใหญ่ของเซิ่งเหอเซิ่งแห่งเมืองเอก หนิงหยวน!”
“พวกเขาเชิญพวกเราสามแก๊งใหญ่แห่งเจียงหนัน บอกว่าอยากปรึกษาเรื่องใหญ่ ให้พวกเราต้องเข้าไปครับ”
ระหว่างที่พูด เชิ่งหู่ก็ล้วงบัตรเชิญใบหนึ่งจากในอ้อมอกออกมายื่นไปให้เช่นกัน แสดงให้เห็นว่าปัญหาที่เขาเจอเหมือนกันกับหลิวชิง
“เซิ่งเหอเซิ่ง? หนึ่งในจอมพลทั้งสี่? หนิงหยวน!”
ลูกตาของเย่เทียนหดตัวเล็กน้อย ถึงว่าทำไมจูยิ่วถิงมาหาเรื่องวุ่นวายกับเขา ที่แท้เป็นเพราะสาเหตุของหนิงหยวนนี่เอง!
ถึงจะพูดเช่นนี้ แต่บนหน้าเย่เทียนกลับไม่เปิดเผยสักนิดเดียว พูดอย่างซ่อนความหมายลึกซึ้ง “คนอื่นเขาเชิญคือพวกนาย เกี่ยวอะไรกับฉันด้วยล่ะ?”
“คุณชายเย่ ท่านอย่าล้อพวกเราเล่นเลยครับ”
เชิ่งหู่ทำหน้าร้องไห้พูดร้องทุกข์ไปทางเย่เทียน “เมื่อคืนนี้หลังจากที่ผมได้รับข่าวมาก็ส่งคนไปสืบหนิงหยวนคนนี้เป็นพิเศษ รู้มาว่าท่านกับเขามีเรื่องบาดหมางกันอยู่”
“ครั้งนี้เขาเชิญพวกเรา ไม่แน่ว่าคงอยากให้พวกเราออกหน้าหาเรื่องเดือดร้อนให้ท่านก็ได้”
ไม่รอเย่เทียนตอบกลับ หลิวชิงก็รับช่วงบทสนทนาต่ออีก พูดอย่างกังวลใจ “คุณชายเย่ครับ ถึงจะบอกว่าพวกเรากับเซิ่งเหอเซิ่งอยู่คนละเมือง แต่ความแตกต่างของสองฝ่ายไม่น้อยเลยนะครับ!”
“กำจัดพวกกระจอกส่วนหนึ่งที่ยึดครองเขตแดนไร้ค่าที่ไม่ทำเงินทิ้งไป พวกเขาเซิ่งเหอเซิ่งสามารถเรียกได้ว่ายึดครองเมืองเอกได้อย่างมั่นคงแล้วครับ”
“แต่ผมกับเหล่าเชิ่งทั้งสองคนเพียงแค่พอถูไถนับได้ว่ายึดครองสองในสามของเจียงหนัน ที่เหลือหนึ่งในสามยังอยู่ในมือของแก๊งมังกร”
“ถ้าแก๊งมังกรยืนอยู่ข้างเซิ่งเหอเซิ่งทางนั้นจริง งั้นเซิ่งเหอเซิ่งอยู่ที่เจียงหนันก็ถือว่ามีจุดยืนแล้ว ถึงตอนนั้นสู้กันขึ้นมา เกรงว่าพวกเราคงรับมือไม่ไหวกันครับ!”
เย่เทียนฟังจบ ถึงพบว่าเรื่องราวไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้นแบบเขาจินตนาการไว้ ครุ่นคิดรอบหนึ่ง เขากลับหัวเราะกะทันหันแล้ว
นี่ทำให้เชิ่งหู่ที่นิสัยค่อนข้างตรงร้อนใจแล้ว “คุณชายเย่ แบบนี้ท่านยังหัวเราะออกมาได้อีก? พวกเรากังวลจนใกล้จะแย่แล้วนะครับ!”
เย่เทียนกวาดสายตามองสองคนทีหนึ่ง พูดเหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “นี่มีอะไรให้น่ากังวลกัน พวกนายรับปากร่วมมือกับเซิ่งเหอเซิ่งก็ไม่จบแล้วเหรอ?”
“คุณชายเย่ ท่านอย่าล้อเล่นกับพวกผมจริงๆ เลยครับ”
หลิวชิงส่ายหน้าอย่างจำใจ “สามารถร่วมงานกับคุณชายเย่ได้นั่นคือโชคดีของพวกเรา พวกเรากล้าเป็นศัตรูกับท่านได้ที่ไหนครับ”
จัดการเย่เทียน?
ไม่ต้องมาล้อเล่นบ้าบออะไรเลย พวกเขาเป็นคนที่เคยเห็นความน่าสะพรึงกลัวของเย่เทียนมากับตาตนเอง ต่อให้มีความคิดนั้น ก็ไม่มีความกล้านั้นหรอก!
“พอแล้ว พวกนายไม่ต้องกังวลไป ฉันคิดหาแผนการไว้เรียบร้อยแล้ว!”
พูดออกมาแบบนี้ เชิ่งหู่และหลิวชิงดวงตาเป็นประกายในชั่วขณะหนึ่ง
ในความคิดพวกเขา เย่เทียนคือการมีตัวตนที่ทำได้ทุกอย่างเลยทีเดียว จึงรีบตั้งอกตั้งใจรอคอยคำพูดหลังจากนี้ของเย่เทียน
“ในเมื่อพวกเขาอยากเข้ามาฆ่าฉันให้ตาย งั้นทำไมฉันไม่ออกโจมตีก่อนเองล่ะ?”
มุมปากเย่เทียนเผยยิ้มเยาะออกมา “เจียงหนันไม่ใช่เมืองเอก ไม่ใช่ถิ่นฐานของเซิ่งเหอเซิ่ง ถ้าพวกเขากล้าหาญเข้ามาพอ งั้นก็ให้พวกเขาอยู่ไปตลอดกาล……”
“นี่……”
ชั่วขณะนั้นหลิ;ชิงกับเชิ่งหู่ตกใจค้าง พูดอย่างสงสัย “คุณชายเย่ นี่กลัวว่าจะยั่วโมโหจูยิ่วถิงเข้ามั้งครับ? ถึงตอนนั้นพวกเขาอยากสู้กลับมา พวกเราจะเอาไม่ไหวกัน!”
“ที่พวกนายกังวลไม่ใช่ที่แก๊งมังกรจะสนับสนุนเซิ่งเหอเซิ่ง ทำให้เซิ่งเหอเซิ่งมีที่ยืนในเจียงหนันเหรอ?”
เย่เทียนส่ายหน้าเล็กน้อย พูดแบบแรงอาฆาตน่าสะพรึงกลัว “งั้นถ้าไม่มีแก๊งมังกรแล้วล่ะ? ไม่มีที่ยืนของเซิ่งเหอเซิ่งแล้ว พวกเขาจะสู้กลับมายังไง!”