บทที่ 211 กำจัดพวกเขา

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

เย่เทียนออกไปจากบริษัทตระกูลเฉินอย่างเร่งรีบ เนื่องจากได้รับข้อความที่ซูเหมยส่งเข้ามา

เมื่อคืนนี้ตอนที่วางกับดักที่บริษัทตระกูลเฉิน เมื่อพิจารณาถึงเหตุผลที่ทำหัวขโมยตกใจหนีไปได้ เขาจึงปิดเสียงมือถือเอาไว้แล้ว

ที่บังเอิญคือ ตอนที่เชิ่งหู่และหลิวชิงโทรศัพท์มาหาเขา เขาอยู่ด้านในห้องประชุมโต้คารมกับกรรมการสองสามคนพอดี จึงลิขิตมาให้ไม่อาจรับโทรศัพท์ของพวกเขาได้

รอกระทั่งช่วยชีวิตเฉินหวั่นชิงออกมาจากลิฟต์ได้ เขาถึงมีเวลาว่างคลำมือถือออกมาดูสักหน่อย

ยี่สิบสามสายโทรศัพท์ที่ไม่ได้รับ ล้วนเป็นเชิ่งหู่และหลิวชิงโทรเข้ามาหา

ข้อความของซูเหมยข้อความหนึ่ง แจ้งว่าเชิ่งหู่และหลิวชิงอยู่ที่ผับดรุณียั่วรัก ให้เขารีบเข้ามาด่วน

เร่งรัดขนาดนี้ มองเห็นเฉินหวั่นชิงรับมือนักข่าวกลุ่มนั้นอยู่ เย่เทียนได้เพียงบอกกับเหอเชิ่งสักหน่อย แล้วออกไปก่อนแบบเงียบๆ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เย่เทียนก็มีธุระอยากให้เชิ่งหู่กับหลิวชิงไปจัดการจริงๆ

แทนที่จะนำเรื่องช่างซ่อมไปบอกตำรวจ ยังไม่สู้ให้เชิ่งหู่กับหลิวชิงไปสืบข่าว

แต่ละคนมีวิธีคิดไม่เหมือนกัน ดังนั้นจึงจัดการเรื่องราวต่างกันในแบบของตนเอง

ให้พวกเขาไปสืบข่าวไม่แน่ว่ายังจะไวกว่าทางตำรวจเสียอีก!

รอตอนที่เย่เทียนมาถึงผับดรุณียั่วรัก สมาชิกของสองแก๊งสิบกว่าคนที่เฝ้าอยู่ด้านนอกผับต่างเผยสีหน้าที่หวาดกลัวและเคารพออกมา

สามารถอยู่ประจำข้างกายของหลิวชิงและเชิ่งหู่ได้ โดยพื้นฐานนั้นล้วนใกล้ชิดและสนิท

อย่างน้อยพวกเขาก็เคยพิสูจน์มากับตาตนเองแล้วถึงความน่าสยองของเย่เทียน จะไม่หวาดกลัว ไม่เกรงกลัวได้เหรอ?

สายตามองเห็นการปรากฏตัวของเย่เทียน ลูกน้องคนหนึ่งรีบเข้ามาต้อนรับ พูดจาหน้าตาเอาใจเต็มที่ “คุณชายเย่ครับ ท่านมาแล้วเหรอครับ พี่ใหญ่กับพี่ใหญ่หู่รอท่านอยู่ข้างในนานมากแล้วครับ”

“อืม” เย่เทียนพยักหน้าง่ายๆ ถือว่าเป็นการตอบรับ ฝีเท้าไม่ได้หยุดนิ่งแต่อย่างใด

ตอนที่เย่เทียนเดินเข้ามาด้านในผับดรุณียั่วรัก หลิวชิงและเชิ่งหู่กำลังนั่งอยู่ที่บาร์กำลังถกเถียงอะไรอยู่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

สำหรับซูเหมย มาแทนที่ตำแหน่งของบาร์เทนเดอร์ชั่วคราว ผสมเหล้าให้บุคคลที่แค่ตวาดขึ้นเสียงนิดหน่อยก็ทำให้ทั้งเจียงหนันสั่นสะเทือนได้สองท่านนี้

ชั่วขณะนั้นเย่เทียนขมวดคิ้วแน่นขึ้นมา แม้แต่เขายังไม่เคยดื่มเหล้าที่ซูเหมยชงด้วยมือตนเองเลย สองคนนี้กลับดื่มไปก่อนแล้ว? โอหังขนาดนี้?

หลิวชิงและเชิ่งหู่ที่ได้ยินการเคลื่อนไหวรีบหันหน้าเข้ามาทันที มองเห็นใบหน้าของเย่เทียนแจ่มแจ้ง ทั้งสองคนลุกขึ้นแบบไม่ได้นัดหมาย ยืดหน้าเข้าไปต้อนรับแล้ว

“คุณชายเย่ ท่านมาสักทีหนึ่งนะครับ ท่านใกล้ทำพวกเราร้อนใจแทบแย่แล้ว!”

เย่เทียนทำเสียงหึๆ พูดแบบฝืนใจ “ลูกพี่ใหญ่ทั้งสองท่านอารมณ์สุนทรียะจังนะ! กลางวันแสกๆ ไม่ตั้งใจทำงานหาเงินเลี้ยงครอบครัว กลับวิ่งมาดื่มเหล้าที่ผับหมายความว่าอะไรกัน?”

ผู้มีประสบการณ์โชกโชนทั้งสองฟังความไม่พอใจในคำพูดของเย่เทียนไม่ออกได้ที่ไหน รีบอธิบายขึ้นมาทันที

“คุณชายเย่ ท่านอย่าเข้าใจผิดเด็ดขาดนะครับ”

“เป็นพี่สะใภ้ที่อยากชงให้พวกเราดื่มสักแก้วเอง พวกเราไม่กล้าปฏิเสธด้วย!”

“เป็นแบบนี้เหรอ?”

เย่เทียนยิงสายตาที่สงสัยไปยังซูเหมย

เวลานี้ซูเหมยหน้าแดงเพราะเชิ่งหู่และหลิวชิงสองคนนี้ตะโกนว่า‘พี่สะใภ้’ออกจากปาก เห็นสายตาเย่เทียนมองเข้ามา จึงรีบบอกว่า “พวกเขาเข้ามานานมากแล้ว ฉันทางนี้ไม่มีน้ำชา ได้เพียงชงเหล้าให้สองแก้ว”

“ในเมื่อนายมาแล้ว งั้นพวกนายคุยกันเองแล้วกัน ฉันจะไปตรวจสอบรายได้ของผับเมื่อวานที่ด้านหลังหน่อย”

พูดจบ ไม่รอให้เย่เทียนตอบกลับ ซูเหมยก็มุดเข้าไปด้านในผับแบบมีความหมายหนีเตลิดพอสมควร

ถ้าไม่มีเรื่องก่อนหน้านี้ที่ให้เย่เทียนมาปลอมเป็นแฟนรับมือคู่ดูตัว ซูเหมยคงไม่สุดจะรับได้เช่นนี้เด็ดขาด

แต่หลังจากวันนั้นมา เธอเคยแอบคิดว่า ถ้าเย่เทียนมาเป็นแฟนเธอจริง นี่คงไม่ใช่เรื่องแย่อะไรหรอกมั้ง

เนื่องจากภายใต้อิทธิพลของความคิดแบบนี้ ทำให้เมื่อเชิ่งหู่และหลิวชิงทั้งสองเรียกว่าพี่สะใภ้มาคำหนึ่ง เธอยังจะกล้าสู้หน้าเย่เทียนได้ที่ไหนกัน

“ผู้หญิงคนนี้เป็นอะไรแล้ว? ฉันไม่ใช่เสือสักหน่อย ต้องวิ่งเร็วขนาดนั้นด้วยเหรอ?”

มองภาพด้านหลังของซูเหมยที่ออกไปฉับไว เย่เทียนลูบสันจมูกอย่างจำใจ หย่อนก้นนั่งลงมาบนเก้าอี้แล้ว ชายตามองเชิ่งหู่และหลิวชิงทั้งสองคนแบบสบายๆ

“ว่ามา พวกนายสองคนรีบร้อนมาหาฉันขนาดนี้มีเรื่องอะไร?”

หลิวชิงล้วงบัตรเชิญใบหนึ่งออกมาจากในอ้อมอกก่อนจะยื่นเข้าไป พลางอธิบายขึ้นมา

“คุณชายเย่ นี่คือที่ส่งเข้ามาเมื่อคืนนี้ครับ ลงชื่อว่าคือหนึ่งในจอมพลทั้งสี่ที่ขึ้นมารับตำแหน่งใหญ่ของเซิ่งเหอเซิ่งแห่งเมืองเอก หนิงหยวน!”

“พวกเขาเชิญพวกเราสามแก๊งใหญ่แห่งเจียงหนัน บอกว่าอยากปรึกษาเรื่องใหญ่ ให้พวกเราต้องเข้าไปครับ”

ระหว่างที่พูด เชิ่งหู่ก็ล้วงบัตรเชิญใบหนึ่งจากในอ้อมอกออกมายื่นไปให้เช่นกัน แสดงให้เห็นว่าปัญหาที่เขาเจอเหมือนกันกับหลิวชิง

“เซิ่งเหอเซิ่ง? หนึ่งในจอมพลทั้งสี่? หนิงหยวน!”

ลูกตาของเย่เทียนหดตัวเล็กน้อย ถึงว่าทำไมจูยิ่วถิงมาหาเรื่องวุ่นวายกับเขา ที่แท้เป็นเพราะสาเหตุของหนิงหยวนนี่เอง!

ถึงจะพูดเช่นนี้ แต่บนหน้าเย่เทียนกลับไม่เปิดเผยสักนิดเดียว พูดอย่างซ่อนความหมายลึกซึ้ง “คนอื่นเขาเชิญคือพวกนาย เกี่ยวอะไรกับฉันด้วยล่ะ?”

“คุณชายเย่ ท่านอย่าล้อพวกเราเล่นเลยครับ”

เชิ่งหู่ทำหน้าร้องไห้พูดร้องทุกข์ไปทางเย่เทียน “เมื่อคืนนี้หลังจากที่ผมได้รับข่าวมาก็ส่งคนไปสืบหนิงหยวนคนนี้เป็นพิเศษ รู้มาว่าท่านกับเขามีเรื่องบาดหมางกันอยู่”

“ครั้งนี้เขาเชิญพวกเรา ไม่แน่ว่าคงอยากให้พวกเราออกหน้าหาเรื่องเดือดร้อนให้ท่านก็ได้”

ไม่รอเย่เทียนตอบกลับ หลิวชิงก็รับช่วงบทสนทนาต่ออีก พูดอย่างกังวลใจ “คุณชายเย่ครับ ถึงจะบอกว่าพวกเรากับเซิ่งเหอเซิ่งอยู่คนละเมือง แต่ความแตกต่างของสองฝ่ายไม่น้อยเลยนะครับ!”

“กำจัดพวกกระจอกส่วนหนึ่งที่ยึดครองเขตแดนไร้ค่าที่ไม่ทำเงินทิ้งไป พวกเขาเซิ่งเหอเซิ่งสามารถเรียกได้ว่ายึดครองเมืองเอกได้อย่างมั่นคงแล้วครับ”

“แต่ผมกับเหล่าเชิ่งทั้งสองคนเพียงแค่พอถูไถนับได้ว่ายึดครองสองในสามของเจียงหนัน ที่เหลือหนึ่งในสามยังอยู่ในมือของแก๊งมังกร”

“ถ้าแก๊งมังกรยืนอยู่ข้างเซิ่งเหอเซิ่งทางนั้นจริง งั้นเซิ่งเหอเซิ่งอยู่ที่เจียงหนันก็ถือว่ามีจุดยืนแล้ว ถึงตอนนั้นสู้กันขึ้นมา เกรงว่าพวกเราคงรับมือไม่ไหวกันครับ!”

เย่เทียนฟังจบ ถึงพบว่าเรื่องราวไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้นแบบเขาจินตนาการไว้ ครุ่นคิดรอบหนึ่ง เขากลับหัวเราะกะทันหันแล้ว

นี่ทำให้เชิ่งหู่ที่นิสัยค่อนข้างตรงร้อนใจแล้ว “คุณชายเย่ แบบนี้ท่านยังหัวเราะออกมาได้อีก? พวกเรากังวลจนใกล้จะแย่แล้วนะครับ!”

เย่เทียนกวาดสายตามองสองคนทีหนึ่ง พูดเหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “นี่มีอะไรให้น่ากังวลกัน พวกนายรับปากร่วมมือกับเซิ่งเหอเซิ่งก็ไม่จบแล้วเหรอ?”

“คุณชายเย่ ท่านอย่าล้อเล่นกับพวกผมจริงๆ เลยครับ”

หลิวชิงส่ายหน้าอย่างจำใจ “สามารถร่วมงานกับคุณชายเย่ได้นั่นคือโชคดีของพวกเรา พวกเรากล้าเป็นศัตรูกับท่านได้ที่ไหนครับ”

จัดการเย่เทียน?

ไม่ต้องมาล้อเล่นบ้าบออะไรเลย พวกเขาเป็นคนที่เคยเห็นความน่าสะพรึงกลัวของเย่เทียนมากับตาตนเอง ต่อให้มีความคิดนั้น ก็ไม่มีความกล้านั้นหรอก!

“พอแล้ว พวกนายไม่ต้องกังวลไป ฉันคิดหาแผนการไว้เรียบร้อยแล้ว!”

พูดออกมาแบบนี้ เชิ่งหู่และหลิวชิงดวงตาเป็นประกายในชั่วขณะหนึ่ง

ในความคิดพวกเขา เย่เทียนคือการมีตัวตนที่ทำได้ทุกอย่างเลยทีเดียว จึงรีบตั้งอกตั้งใจรอคอยคำพูดหลังจากนี้ของเย่เทียน

“ในเมื่อพวกเขาอยากเข้ามาฆ่าฉันให้ตาย งั้นทำไมฉันไม่ออกโจมตีก่อนเองล่ะ?”

มุมปากเย่เทียนเผยยิ้มเยาะออกมา “เจียงหนันไม่ใช่เมืองเอก ไม่ใช่ถิ่นฐานของเซิ่งเหอเซิ่ง ถ้าพวกเขากล้าหาญเข้ามาพอ งั้นก็ให้พวกเขาอยู่ไปตลอดกาล……”

“นี่……”

ชั่วขณะนั้นหลิ;ชิงกับเชิ่งหู่ตกใจค้าง พูดอย่างสงสัย “คุณชายเย่ นี่กลัวว่าจะยั่วโมโหจูยิ่วถิงเข้ามั้งครับ? ถึงตอนนั้นพวกเขาอยากสู้กลับมา พวกเราจะเอาไม่ไหวกัน!”

“ที่พวกนายกังวลไม่ใช่ที่แก๊งมังกรจะสนับสนุนเซิ่งเหอเซิ่ง ทำให้เซิ่งเหอเซิ่งมีที่ยืนในเจียงหนันเหรอ?”

เย่เทียนส่ายหน้าเล็กน้อย พูดแบบแรงอาฆาตน่าสะพรึงกลัว “งั้นถ้าไม่มีแก๊งมังกรแล้วล่ะ? ไม่มีที่ยืนของเซิ่งเหอเซิ่งแล้ว พวกเขาจะสู้กลับมายังไง!”