บทที่ 210 แตะแล้วต้องตาย

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

“ที่รัก คุณช่วยคลายมือออกหน่อย เดี๋ยวผมจะเอาเชือกมัดให้คุณ”

ระหว่างที่ปลอบใจเฉินหวั่นชิง มือของเขาก็เอาเชือกพันรอบเอวให้เฉินหวั่นชิงไปหลายรอบ

เด็กสาวเบิกตาโต แล้วถามไปด้วยความกังวลว่า “แล้วคุณล่ะ?”

“ผมไม่เป็นไร คุณขึ้นไปก่อน เดี๋ยวผมก็ตามขึ้นไปแล้ว!” ไม่รอให้เด็กสาวได้ทันตั้งตัว เย่เทียนก็ตะโกนขึ้นไปด้านบน ภายใต้การดึงของพวกเหอเชิ่ง ร่างกายของเฉินหวั่นชิงก็ค่อยๆ ลอยขึ้นไป รอจนร่างของเฉินหวั่นชิงหายไปจากประตูลิฟต์แล้ว เย่เทียนก็ปีนป่ายขึ้นไปด้านบนอย่างรวดเร็ว

แล้วเชือกนิรภัยล่ะ?

เย่เทียนที่ทักษะและความกล้าสูงส่งไม่จำเป็นต้องใช้ของพรรค์นั้นเลย ถ้าไม่ต้องคำนึงถึงเรื่องที่จะทำให้ผู้คนแตกตื่นจนเกินไป ต่อให้เขาต้องพังกำแพงแล้วค่อยออกไปก็ยังได้!

แต่สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดก็คือ ทันทีที่เย่เทียนปีนออกมาจากประตู เฉินหวั่นชิงที่เพิ่งแกะเชือกบนตัวออกก็ได้โผเข้ามากอดเขาอย่างไม่มีความลังเลใดๆ

ท่ามกลางสายตาที่จับจ้องของพวกรปภ

เฉินหวั่นชิงก็ได้เขย่งขาขึ้นมาอย่างกล้าหาญ แล้วประทับรอยจูบหอมๆ ไว้ที่แก้มของเย่เทียนไปทีหนึ่ง

โบราณว่าไว้ไม่มีผิด ยามยากจะเจอความรู้สึกที่เเท้จริง

ถึงพฤติกรรมบางอย่างของเย่เทียนจะยังทำให้เฉินหวั่นชิงไม่ค่อยพอใจอยู่ก็ตาม แล้วมันจะยังไงล่ะ? อย่างน้อยเย่เทียนก็เป็นห่วงเธอจากใจจริง!

แต่น่าเสียดายที่หลังความเซอร์ไพรส์ที่เกิดขึ้น ภาพที่อบอุ่นนี้ก็ถูกเย่เทียนทำลายอย่างสมบูรณ์

เย่เทียนยื่นหน้าอีกข้างออกมา แล้วพูดด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มว่า “ที่รัก คุณช่วยหอมแก้มทางขวาอีกทีนะ มันจะได้สมดุลกัน!”

“ฮึ!”

ใบหน้าของเฉินหวั่นชิงแดงก่ำ โดยไม่หลงเหลือภาพของหญิงแกร่งเลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าจะพูดให้เห็นภาพก็เหมือนกับเด็กสาวที่กำลังตกหลุมรักนั่นแหละ

ภาพที่เกิดขึ้นทำให้เหอเชิ่งและรปภคนอื่นต่างพากันหันมายกนิ้วโป้งให้เย่เทียน การที่สามารถทำให้สาวงามที่ขึ้นเรื่องความเย็นชาอย่างเฉินหวั่นชิงตกอยู่ในสภาพนี้ได้ มันยังเจ๋งไม่พออีกเหรอ?!

ทันใดนั้น บรรดานักข่าวก็ได้พุ่งออกมาจากทางบันไดหนีไฟ

ตรงนี้มันเป็นชั้นสิบสอง ถึงแม้พวกเขาจะวิ่งทั่วไปทั้งวัน แต่ถ้าต้องเทียบสมรรถนะทางร่างกายกับมืออาชีพอย่างเหอเชิ่งมันก็ห่างชั้นกันไกลเลย

เหอเชิ่งสามารถวิ่งขึ้นมาถึงในรวดเดียว แต่พวกเขากลับต้องหยุดพักไปหลายรอบเลยกว่าจะขึ้นมาถึง

เพียงแต่ พอนักข่าวพวกนี้ได้เห็นภาพที่อยู่ตรงหน้า ก็ไม่มีเวลาไปสนใจความเหนื่อย ยกกล้องขึ้นมาแล้วระดมกดชัตเตอร์กันรัวๆ

นักข่าวหลายคนก็ได้ยื่นไมค์มาตรงหน้าเฉินหวั่นชิงกับเย่เทียน แล้วถามไปอย่างจริงใจว่า “ประธานเฉิน คุณน่าจะอยู่ในลิฟต์ไม่ใช่เหรอครับ? แล้วคุณออกมาได้ยังไงคะ?”

“ประธานเฉิน ทำไมอยู่ดีๆ ลิฟต์มันถึงร่วงลงไปได้ล่ะคะ? มีคนจงใจทำให้มันเกิดขึ้นใช่มั้ยคะ? หรือคุณภาพของลิฟต์มันต่ำอยู่แล้ว?”

ไม่เสียแรงที่ทำงานสายนี้ คำถามของพวกนักข่าวแต่ละอันนี่เฉียบคมและตรงประเด็นมาก

แต่ยังไงเฉินหวั่นชิงก็เป็นประธานกรรมการของบริษัทแซ่เฉิน ก็ต้องมีสูตรในการรับมือกับพวกนักข่าวอยู่แล้ว เธอได้ก้าวออกมา แล้วกลับไปอยู่ในภาพลักษณ์ของหญิงแกร่งเหมือนอย่างเคย

“ขอให้ทุกท่านโปรดเงียบลงก่อน เชื่อว่าทุกท่านก็คงอยากรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ ขอให้ทุกท่านโปรดเงียบแล้วฟังฉันพูดค่ะ”

พอพวกนักข่าวได้ยิน ต่างก็พากันเงียบไปตามๆ กัน รอคอยเฉินหวั่นชิงอธิบายกับเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างเงียบเชียบ

เฉินหวั่นชิงรีบดึงเย่เทียนเข้ามา แล้วแนะนำอย่างจริงจังว่า “ก่อนที่จะพูด ฉันขออนุญาตแนะนำกับทุกท่านก่อนว่า ข่าวลือในโซเชี่ยลนั้นเป็นความจริง คนนี้ก็คือสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของฉัน เย่เทียนคุณชายเย่ค่ะ!”

ไม่รอให้พวกนักข่าวมีโอกาสได้ถาม เฉินหวั่นชิงก็พูดต่อทันที “ประมาณครึ่งชั่วโมงก่อน ฉันกับสามีของฉันได้นั่งลิฟต์ลงมา ตอนแรกก็ตังใจจะมาแถลงข่าวเกี่ยวกับคำพูดที่โจมตีพวกเราสองคนในโซเชี่ยล แต่ตอนที่ลิฟต์ลงมาถึงชั้นยี่สิบมันก็เกิดหยุดชะงักขึ้นกลางคัน”

“ได้เกิดความขัดข้องขึ้นกับลิฟต์ พวกเราถูกขังไว้ด้านใน เราได้ปีนออกมาจากทางช่องลมขึ้นไปบนคานที่อยู่ในปล่องลิฟต์จึงสามารถรอดพ้นจากเหตุการณ์ลิฟต์ตกในครั้งนี้ได้ค่ะ”

เฉินหวั่นชิงอธิบายอย่างง่ายๆ แต่ก็จงใจปิดบังเรื่องที่จะมีคนเข้ามาทำลายลิฟต์เอาไว้

เธอรู้ดีว่า ถ้าเกิดพูดเรื่องนักฆ่าออกมา มันต้องส่งผลต่อหุ้นอย่างแน่นอน ใครจะไปรู้ว่าเกาเสียงหยุนจะถือโอกาสนี้เขียนรายงานอีกรึเปล่า?

“ประธานเฉิน ไม่ทราบว่าคุณแต่งงานเมื่อไหร่คะ? ทำไมถึงเลือกท่ีจะไม่ประกาศออกมาล่ะคะ?”

“สำหรับเรื่องที่ไม่ได้เปิดเผยเรื่องงานแต่งของเรานั้น หลักๆ ก็เพราะไม่อยากให้ถูกรบกวน แต่ฉันกลับไม่นึกเลยว่าจะมีคนต่ำช้าบางคนเอาการแต่งงานของฉันไปเขียนเป็นบทความซะได้”

“ฉันถือโอกาสตรงนี้เตือนไปถึงพวกคนที่โจมตีพวกเรา โจมตีบริษัทแซ่เฉิน ฉันจะไม่มีทางปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปง่ายๆ แน่นอน!”

“แล้วเรื่องลิฟต์ที่ตกจะเป็นมีความเป็นไปได้มั้ยครับว่าเป็นฝีมือของคู่แข่งที่จงใจทำให้มันเป็นแบบนี้?”

“พี่นักข่าวคะ คุณช่วยทำความเข้าใจก่อนนะคะ ว่าชีวิตจริงกับในละครนั้นมันแตกต่างกันมาก!”

“ประธานเฉิน…..”

พวกนักข่าวได้ยิงคำถามออกมาเป็นชุด เฉินหวั่นชิงก็ไม่ได้ปฏิเสธ ตอบทุกคำถามไปอย่างใจเย็น ไม่เพียงพูดถึงข่าวในด้านลบไปรอบหนึ่ง แถมยังทำความเข้าใจกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ไปด้วย

รอจนนักข่าวพวกนี้ได้รับคำตอบที่พึงพอใจและเตรียมที่จะกลับไปเขียนข่าวนั้น เฉินหวั่นชิงก็สั่งกู้กวนชีแอบเอาข้อมูลดีๆ ไปบอกให้พวกเขาด้วย

ตอนพวกนักข่าวที่ได้รับข้อมูลดีๆ แล้วเตรียมที่จะปล่อยข่าวนั้น พวกเขาก็ได้เขียนข่าวที่เอียนมาทางบริษัทเเซ่เฉินอย่างไม่ตั้งใจ ภายในเนื้อข่าวได้สอดแทรกไปด้วยข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อบริษัทเเซ่เฉินอยู่มากมาย

แต่กว่าที่เฉินหวั่นชิงจะทำให้นักข่าวพวกนั้นกลับกันไปได้ เธอเพิ่งสังเกตว่าไม่รู้เย่เทียนหายไปตอนไหน

นั่งลงบนเก้าอี้ผู้บริหารที่แสนนุ่ม เด็กสาวก็ยังทนไม่ไหว จนต้องโทรหาเย่เทียน

ไม่รู้ทำไม ทั้งที่มันเป็นการกระทำที่สุดแสนจะธรรมดา แต่ในครั้งนี้หัวใจของเฉินหวั่นชิงกลับเต้นเร็วมาก ใบหน้าก็ร้อนผ่าวจนแดงก่ำ

มันเป็นความรู้สึกที่ประหลาดมาก ยังดีที่ในห้องทำงานไม่มีใคร ไม่อย่างนั้นด้วยนิสัยของเธอก็น่าจะอายจนเอาหัวมุดเข้าไปในดินแล้ว

ไม่นาน สายนั้นก็ถูกรับ และน้ำเสียงที่เกเรของเย่เทียนก็ได้ดังขึ้น “ฮัลโหล ที่รัก มีอะไรรึเปล่า?”

ก่อนเมื่อวานนี้ ตอนได้ยินเสียงที่ผิดปกตินี้ เฉินหวั่นชิงก็มีแต่จะหงุดหงิดเท่านั้น

แต่ว่าตอนนี้ มันกลับเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เธอกลับรู้สึกว่ามันอ่อนโยนมาก

“คุณไปไหนคะ?”

เด็กสาวพยายามทำให้น้ำเสียงของตัวเองอ่อนโยนลงไป น้ำเสียงเย็นชาที่ฝึกฝนมานานไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ภายในเวลาแค่ครึ่งชั่วโมงหรอก

“ทำไม นี่ผมเพิ่งจะออกมาไม่นาน ที่รักก็คิดถึงผมแล้วเหรอครับ?”

เย่เทียนเยาะเย้ยไปทีหนึ่ง แล้วอธิบายไปว่า “ผมจะไปเช็ดดูที่สถานีตำรวจว่ามีเบาะแสของช่างซ่อมบำรุงนั่นมั้ย เดี๋ยวคืนนี้ผมค่อยกลับไปรับคุณตอนเลิกงานครับ”

เฉินหวั่นชิงพยักหน้าเหมือนคิดอะไรอยู่ แล้วพูดเสริมไปว่า “งั้นคุณก็ระวังตัวด้วยนะคะ”

หลังจากวางสาย เย่เทียนที่กำลังขับรถอยู่กอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

เขาสามารถรับรู้ได้ถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของเฉินหวั่นชิง และอดไม่ได้ที่จะพึมพำกับตัวเองว่า “ช่างซ่อมบำรุงเอ๋ยช่างซ่อมบำรุง ฉันต้องขอบคุณแกมากจริงๆ!”

แต่ว่า มันจะเป็นการขอบคุณจริงๆ อย่างนั้นเหรอ?

คำตอบนั้นไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว!

ต่อมโมโห ใครแตะ ต้องตาย!

เฉินหวั่นชิงต้องเป็นต่อมโมโหของเขาอยู่แล้ว หนี้ในชาติที่แล้วทำให้เขาตัดสินใจที่จะไม่ทำให้เด็กสาวต้องได้รับบาดเจ็บอีกแม้แต่นิดเดียว ในเมื่อช่างซ่อมบำรุงกล้าก่อเรื่องแบบนี้ ไม่ว่าเขาจะเล่นงานเย่เทียนหรือเล่นงานเฉินหวั่นชิงก็ตาม เย่เทียนก็ไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่นอน!