ยอมจำนน?!

ลูกศิษย์จำนวนมากของนิกายหยวนหมิงที่อยู่ด้านข้างต่างก็ตกตะลึง ก่อนหน้านี้เห็นได้ชัดว่าหม่ากู่โป๋มีท่าทางที่ยึดมั่นและไม่ยอมจำนน เหมือนกับมีกระดูกเหล็ก ทว่าทำไมถึงได้ยอมจำนนอย่างกะทันหันเช่นนี้ การเปลี่ยนแปลงของจุดยืนช่างรวดเร็วเกินไป นี่มันเกิดอะไรขึ้น?

เวรเอ๊ย เจ้าผู้อาวุโสหม่านี่ช่างเชื่อถือไม่ได้จริงๆ ก่อนหน้านี้หลอกลวงพวกเขา ทำให้พวกเขารู้สึกเคารพนับถือขึ้นมา คิดว่าหม่ากู่โป๋เป็นบุคคลที่มีคุณธรรมสูง ซื่อสัตย์และจงรักภักดีต่อนิกาย เป็นลูกผู้ชายที่มีจิตใจเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ ใครจะไปคิดกันว่าเขาจะกลับกลายเป็นบุคคลประเภทนี้ ยอมจำนนรวดเร็วกว่าใครอื่น กลายเป็นคนทรยศเต็มตัว

กลุ่มของลูกศิษย์นิกายหยวนหมิงก็จ้องมองหม่ากู่โป๋ด้วยสายตาที่ดูถูกเหยียดหยามมากกว่าเดิม

แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้รู้ถึงพลังอำนาจของคัมภีร์เปลี่ยนผันจิตใจ เพราะว่าถึงอย่างไรนี่ก็คือความลับสุดยอดของพระพุทธศาสนา ยิ่งไปกว่านั้นมันก็ไม่ได้ปรากฏขึ้นมาบนโลกเป็นระยะเวลานานแล้ว ผู้คนปกติธรรมดาไม่มีทางที่จะรู้ได้ถึงพลังอำนาจที่แท้จริงของคัมภีร์เปลี่ยนผันจิตใจ

ในขณะเดียวกันการที่คิดจะบ่มเพาะคัมภีร์เปลี่ยนผันจิตใจจนสำเร็จนั้นก็เป็นเรื่องที่ยากมาก ต่อให้เป็นพระผู้อาวุโสก็มีน้อยมากที่จะประสบความสำเร็จ ต่อให้จะทำความเข้าใจมันได้จริงๆ ก็มีพลังอำนาจที่ธรรมดาเพียงเท่านั้น ไม่ใช่สิ่งที่ต้องหวาดกลัว

เมื่อเวลาผ่านไป ก็ไม่ได้มีผู้คนจำนวนมากนักที่จะรู้ถึงทักษะนี้

ทว่าหม่ากู่โป๋ก็เป็นถึงยอดฝีมือในระดับกฎเทวรูป มีชีวิตอยู่มานาน มีประสบการณ์และความรู้มากมาย เข้าใจความลับต่างๆของจักรวาล ปล้นชิงทรัพย์สมบัติในทุกหนแห่ง ดังนั้นเขาจึงรู้ถึงความร้ายกาจของคัมภีร์เปลี่ยนผันจิตใจนี้เป็นอย่างดี

เขาก็รู้สึกเกรงกลัวเซี่ยปิงอย่างกะทันหัน หวาดกลัวจนขวัญกระเจิง

“ยอมจำนน? สายเกินไปแล้ว”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ มีที่ไหนที่เซี่ยปิงจะหยุดการกระทำของตนเอง เขาไม่ใช่คนโง่เขลา มีที่ไหนที่ความจงรักภักดีและความซื่อสัตย์ของหม่ากู่โป๋หลังจากที่ยอมจำนนจะเทียบได้กับการเปลี่ยนผันจิตใจไปโดยตรง

รอให้เปลี่ยนผันจิตใจของหม่ากู่โป๋ได้สำเร็จ เขาก็จะกลายเป็นผู้คนในฝ่ายเดียวกัน ต้องการที่จะให้ฝ่ายตรงข้ามพูดอะไรออกมา ก็จะพูดออกมาทั้งหมด ทำไมจะต้องปล่อยฝ่ายตรงข้ามไปอย่างสูญเปล่า มันอาจจะก่อให้เกิดปัญหาในภายภาคหน้าได้

“ม่ายยยย เจ้าปีศาจ ไม่ ข้าไม่ต้องการ ข้าไม่ต้องการสิ่งนี้!”

หม่ากู่โป๋ส่งเสียงร้องอย่างน่าสมเพช

ทว่าหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ขณะที่พลังอำนาจของคัมภีร์เปลี่ยนผันจิตใจหลอมรวมเข้าไปเรื่อยๆ พลังงานสีทองก็ท่วมท้นไปในส่วนลึกของอาณาเขตจิตใต้สำนึก ควบแน่นกลายเป็นเมล็ดอย่างช้าๆ

ทันใดนั้นใบหน้าของเขาที่มีความดุร้าย ความแตกตื่น ความวิตกกังวล ความหวาดกลัวและอารมณ์อื่นๆนั้น พวกมันต่างก็หายไปทั้งหมด สิ่งที่เข้ามาแทนที่คือความสงบนิ่ง สุขุม อ่อนโยนและเมตตา ดูเหมือนกับเป็นพระผู้อาวุโสที่ตรัสรู้ก็ว่าได้

“สหายหม่า ตื่นขึ้นมา”

เซี่ยปิงก็ดีดนิ้วของเขา เกิดเสียงที่ดังชัดเจนขึ้นมาบนอากาศ เป็นเหมือนกับเสียงระฆังในตอนเช้าและกลองในยามพลบค่ำ

ในช่วงเวลานี้หม่ากู่โป๋ก็ลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ เดิมทีสายตาเกลียดชังที่เขาใช้มองเซี่ยปิง ทว่าในตอนนี้มันกลับเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง กลายเป็นสายตาที่รู้สึกขอบคุณและซาบซึ้ง

เขาเริ่มพูดขึ้นมา “ขอบคุณการชี้นำทางจากสหายเซี่ย ครั้งนี้ข้าบรรลุพระธรรมแล้ว ในที่สุดก็เข้าใจว่าก่อนหน้านี้ข้าได้เลือกเดินเส้นทางที่ผิดเพียงใด ในตอนนี้ข้ารู้สึกผิดอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ หวังว่าหลังจากนี้จะสามารถทดแทนบาปกรรมทั้งหมดที่ได้ก่อไว้”

“การเรียนรู้ข้อผิดพลาดและรู้จักแก้ไขเป็นสิ่งที่ดี ในตอนนี้เจ้าบรรลุทางสว่างแล้ว การที่จะวางดาบฆ่าคนและบรรลุธรรมเป็นพุทธะก็ยังไม่สายเกินไป”

เซี่ยปิงพยักหน้า

เวรเอ๊ย นี่มันเรื่องอะไรกัน?!

ลูกศิษย์จำนวนมากของนิกายหยวนหมิงที่เห็นเช่นนี้ แต่ละคนต่างก็ตกใจไปตามๆกัน อันที่จริงหม่ากู่โป๋ที่มีอารมณ์ฉุนเฉียว ชื่นชอบการเข่นฆ่า ก่อกรรมทำชั่วในทุกหนแห่ง บุคคลผู้นี้หายไปไหนกัน?!

ตอนนี้เหมือนกับถูกชี้นำทางโดยเจ้าชาวพื้นเมืองคนนี้อย่างง่ายดาย รู้สึกเหมือนว่าตนเองได้กลับใจกลายเป็นพระก็ว่าได้ หลบหนีเข้าสู่พระพุทธศาสนา เข้าใจทุกสิ่งทุกอย่าง อันธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ ต่างเป็นสิ่งที่ว่างเปล่าทั้งสิ้น พวกเขาไม่เคยเห็นหม่ากู่โป๋มีสีหน้าท่าทางที่สงบนิ่งเช่นนี้มาก่อน

ความรู้สึกนี้มันเหมือนกับว่าหม่ากู่โป๋ผู้ที่ทำความชั่วได้ทุกอย่างกลับกลายเป็นแกะที่มีความสุขกับการกินหญ้าก็ว่าได้

ในช่วงเวลานี้ พวกเขาต่างก็ขนลุกซู่ขึ้นมา ในที่สุดก็ล่วงรู้ว่าทำไมหม่ากู่โป๋ถึงได้เกรงกลัวยิ่งนัก เต็มใจที่จะยอมจำนน เดิมทีเป็นเพราะว่าพลังอำนาจของการเปลี่ยนผันจิตใจนี้ จะเปลี่ยนแปลงลักษณะนิสัยไปอย่างสิ้นเชิง นำพาเข้าสู่ทางธรรม

เห็นได้ชัดว่ายอดฝีมือในระดับกฎเทวรูป มีพลังเวทมนตร์ที่ไร้ขอบเขต ตอนนี้ไม่คาดคิดว่าจะยอมจำนน คิดว่าตนเองได้เห็นแจ้งอย่างแท้จริง กลับตัวกลับใจ จงรักภักดีและซื่อสัตย์ต่อฝ่ายตรงข้าม

นี่มันช่างเป็นเรื่องที่น่าสิ้นหวังยิ่งกว่าความตายเสียอีก

ลูกศิษย์จำนวนมากของนิกายหยวนหมิงต่างก็สั่นเทาด้วยความกลัว ร่างกายหนาวสั่น ไม่สามารถที่จะเอ่ยคำใดออกมาได้

“เจ้าเดินทางมาที่สถานที่แห่งนี้ได้อย่างไร?”

เซี่ยปิงถามออกไปทันทีว่าพวกเขามาถึงที่ดาวหยานหวงได้อย่างไร

“พวกเราค้นพบดินแดนลี้ลับแห่งหนึ่ง ข้างในมีหินห้วงมิติมากมาย”

หม่ากู่โป๋เล่าถึงประสบการณ์ของตนเอง “ในตอนนั้นพวกเราต่างก็ตื่นเต้นอย่างมาก คิดว่าจะร่ำรวยกันแล้ว ทว่าใครจะไปคิดกันว่าในดินแดนลี้ลับแห่งนั้นจะมีอสูรเวิ้งว้างเป็นจำนวนมหาศาลและมีปีศาจอีกเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน”

“ท้ายที่สุดพวกเราก็ถูกปีศาจเหล่านั้นไล่ล่าและได้หลบหนีออกมา ทว่ากลับไม่ระวังจนไปพบเข้ากับพายุอวกาศ เข้าไปในพื้นที่เขตต้องห้ามของพายุนี้ ทว่าพวกเราก็โชคดีอย่างถึงที่สุด เสียสละทุกสิ่งทุกอย่างที่พอจะทำได้ ข้ามผ่านพายุมา เอาชีวิตรอดจนมาถึงเขตพื้นที่ที่ปลอดภัยได้”

พื้นที่เขตต้องห้ามของพายุ?!

เซี่ยปิงก็หรี่ตาลง เขาก็สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก จากนั้นก็ได้รู้ว่าดาวหยานหวงนั้นอยู่ในกาแล็กซี่ที่ห้อมรอบไปด้วยพายุอวกาศ

นี่คือพื้นที่เขตต้องห้ามในทางเหนือของจักรวาล แม้แต่เซนต์ก็ไม่สามารถเข้ามาได้อย่างง่ายดาย มีโอกาสที่จะตกไปอยู่ท่ามกลางพายุอวกาศที่ไร้ที่สิ้นสุดจนส่งผลให้ตายไป ดับสลายตลอดกาล

ผู้คนปกติธรรมดาก็ไม่ต้องพูดถึง ไม่กล้าที่จะขับยานอวกาศเข้ามาใกล้สถานที่แห่งนี้ นี่ก็เป็นพื้นที่ที่โด่งดังในทางเหนือของจักรวาล เป็นพื้นที่เขตต้องห้ามที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ

ผู้คนในทางเหนือของจักรวาลก็คงจะไม่สามารถจินตนาการได้ ภายในพื้นที่เขตต้องห้ามของพายุนี้ จะมีดาวเคราะห์พื้นเมืองดำรงอยู่ อีกทั้งยังมีอารยธรรมมนุษย์ที่ดำรงมาอย่างยาวนาน

“เป็นอย่างนี้นี่เอง”

เซี่ยปิงก็เข้าใจได้อย่างกะทันหัน ไม่ประหลาดใจว่าทำไมระยะเวลาหนึ่งแสนปีมานี้ถึงไม่มีมนุษย์ต่างดาวใดๆที่ค้นพบดาวหยานหวง เพราะว่ากาแล็กซี่นี่ห้อมล้อมไปด้วยพายุอวกาศ ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถเข้าใกล้ได้

ทว่าดาวหยานหวงที่อยู่ภายในพายุนี้กลับกลายเป็นพื้นที่ปลอดภัย ไม่ได้มีพายุพลังงานใดๆของจักรวาลที่ปรากฏขึ้นมา

อีกทั้งตามที่หม่ากู่โป๋กล่าวมา พื้นที่บริเวณนี้ก็เหมือนจะไม่สามารถเชื่อมต่อกับสัญญาณของเครือข่ายเสมือนจริงได้ พวกเขาก็ไม่สามารถติดต่อกับทางนิกายเพื่อขอความช่วยเหลือ

แน่นอนว่าเรื่องนี้เซี่ยปิงก็รู้มานานแล้ว

“เจ้านาย”

ในตอนนี้เสียงของกระทิงสีครามดังขึ้นมา มันตื่นเต้นอย่างมาก “จะต้องสอบถามว่าดินแดนลี้ลับที่อุดมไปด้วยหินห้วงมิตินั่นอยู่ที่ใด หากสามารถครอบครองหินห้วงมิติมาได้เป็นจำนวนมาก จะสามารถเร่งความเร็วการฟื้นฟูของลูกปัดพิภพได้ อย่างน้อยก็สามารถฟื้นฟูค่ายกลหลักส่วนใหญ่ได้ ทำให้ลูกปัดพิภพกลับมารุ่งโรจน์อีกครั้ง”

นี่เป็นการบ่งบอกว่าหินห้วงมิตินั้นเป็นแร่ที่ล้ำค่าอย่างถึงที่สุดในจักรวาล แอบแฝงไปด้วยพลังงานห้วงมิติที่ยิ่งใหญ่ แหวนห้วงมิติจำนวนมากก็สร้างขึ้นมาโดยที่มีหินห้วงมิติเป็นวัสดุหลัก

สิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์เชิงห้วงมิติบางชิ้นก็หล่อหลอมขึ้นมาจากหินห้วงมิติเช่นกัน

หากสถานที่ใดมีหินห้วงมิติอยู่เป็นจำนวนมาก จากนั้นสถานที่แห่งนั้นก็จะถือว่าเป็นขุมทรัพย์ขนาดใหญ่ เทียบเท่าได้กับการที่มนุษย์ทั่วๆไปค้นพบสายแร่ทองคำขนาดยักษ์ก็ว่าได้ ร่ำรวยขึ้นภายในค่ำคืนเดียว

“อันที่จริงดินแดนลี้ลับที่อุดมไปด้วยหินห้วงมิติแห่งนั้นอยู่ที่ใดกัน?”

เซี่ยปิงถามออกไป

“ไม่ไกลออกไปจากเขตพื้นที่ต้องห้ามของพายุ”

หม่ากู่โป๋ก็ตอบกลับโดยที่ไม่ลังเลแม้แต่น้อย

………………..

หลังจากนั้นหนึ่งวัน

หม่ากู่โป๋และลูกศิษย์ของนิกายหยวนหมิงคนอื่นๆก็ถูกเปลี่ยนผันจิตใจไปทั้งหมด กลายเป็นหุ่นเชิดที่ซื่อสัตย์และจงรักภักดี

ทว่าเซี่ยปิงก็อนุญาตให้กลุ่มคนเหล่านี้เข้าไปในพื้นที่ไกอา เป็นดั่งอันธพาลระดับสุดยอดของมนุษย์ มีหน้าที่คุ้มครองเจ้าหน้าที่ที่สำคัญของรัฐบาลกลาง เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการที่จะถูกสังหารไปด้วยอุบัติเหตุบางอย่าง อีกทั้งก็ให้พวกเขาปกป้องพ่อแม่ของตนเองเช่นกัน

สำหรับหม่ากู่โป๋ ตอนนี้เขาติดตามเซี่ยปิงเป็นการชั่วคราว เพราะว่าถึงอย่างไรการตามหาหินห้วงมิติก็ต้องใช้ความช่วยเหลือของเขา