ภายในโกดังที่แสงไฟสลัว ทั้งสองฝ่ายยังคงจ้องมองกันอย่างคุมเชิง และตรงกลางระหว่างพวกเขา มีร่างศพที่เพิ่งหมดลมหายใจ เบิกตากว้างนอนขวางอยู่…
“ฉันพูดถูกไหมล่ะ?” หลังจากที่ร่างเงานั้นพูดถึงตรงนี้ เธอชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมพูดด้วยอาการเคลิบเคลิ้มเล็กน้อย “หอมจังเลย…” เธอถึงกับเลียริมฝีปาก เท้าซ้ายสาวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว เหยียบลงไปในกองเลือดที่กำลังไหลหยดในชั่วพริบตา
“ฮ่าๆ…” เธอมองไปยังเลือดที่พุ่งกระฉูดออกมา พร้อมหัวเราะเบาๆ
หลิงม่อรู้สึกเย็นยะเยือกทันที…ซอมบี้สาวตัวนี้จะแสดงความรู้สึกตรงไปตรงมาเกินไปแล้ว!
“หืม…ตอบมาสิ! หรือว่าคำถามนี้ แกก็จะปิดปากเงียบต่อไป?” ร่างเงาพูดต่อ “ช่างเถอะ ก็รู้ตั้งแต่แรกแล้วล่ะว่าแกไม่ใช่ประเภทคนที่เป็นมิตรอะไร…งั้นก็คิดซะว่าฉันพูดพึมพำกับตัวเองแล้วกัน”
‘เธอพูดเรื่องเป็นมิตรกับฉันเหรอเนี่ย! ทว่าซอมบี้สาวน้อยตัวนี้ เธอรู้จริงๆ หรือเปล่าว่า “เป็นมิตร” หมายถึงอะไรน่ะ?! ไม่ว่าจะยังไง มันก็ไม่เหมือนกับสายตาราวเสือตะครุบเหยื่อที่เธอมองร่างศพของเพื่อนร่วมรบหรอก! สายตาของเธอแทบจะห้ามใจไม่ไหวอยากกินมันทั้งอุ่นๆ แบบนี้แล้ว!’
หลิงม่อบ่นพึมพำอยู่ในใจ…แต่มองผิวเผิน เขาก็ยังคงไม่เอ่ยปากพูดแม้แต่คำเดียว ซอมบี้สาวน้อยตัวนี้ไม่ว่าจะเป็นด้านสติปัญญาหรือพลังการต่อสู้ ต่างก็รู้ได้เลยว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะจัดการเธอได้ อีกทั้งยังดูใจเย็นและบ้าคลั่งในเวลาเดียวกัน…ก่อนจะรู้ไส้รู้พุงเธอทั้งหมด หลิงม่อไม่คิดทำตัวผลีผลามเด็ดขาด…อีกอย่างไม่รู้เป็นเพราะอะไร ในขณะที่จ้องร่างของเธอ หลิงม่อกลับรู้สึกถึงความคุ้นเคยอย่างเลือนราง…
‘หรือว่า…ฉันจะรู้จักเธอ? แต่จะเป็นใครล่ะ? เสียงที่ได้ยินนี้ น่าจะเป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินสิ…แต่อย่างน้อยก็ฟันธงได้ว่า เธอไม่ใช่ราชินีแมงมุม! ถ้าอย่างนั้นคนที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าร้างนั่น ก็คือเธองั้นเหรอ?’ หลิงม่อครุ่นคิดอย่างสงสัย
ซอมบี้สาวเริ่มพึมพำกับตัวเองอีกแล้ว เธอใช้น้ำเสียงตื่นเต้นเอ่ยขึ้นอย่างวิเคราะห์ “จากที่ฉันสังเกต…แกคงจะลองหยั่งเชิงเขาก่อน…ในสภาวะที่การโจมตีแทบจะไม่เป็นผล แกกลับยังคงใช้การโจมตีรูปแบบเดิม เป้าหมายก็เพื่อที่จะได้ผลลัพธ์อย่างที่แกต้องการจากเขา…ความเร็ว พละกำลัง อัตราการโจมตี รวมถึงพลังป้องกันของผิวหนังและกล้ามเนื้อ อีกทั้งพลังฟื้นตัว…แต่นี่ยังไม่ใช่จุดประสงค์สำคัญที่สุดของแก แต่เป็นแค่ส่วนหนึ่งในจุดประสงค์ทั้งหมดเท่านั้น”
“ถ้าอย่างนั้นแกต้องการทำอะไรกันแน่?” ซอมบี้สาวเผยรอยยิ้มนึกสนุกออกมา “เพื่อนร่วมรบของฉันดูไม่ออก แต่ฉันกลับสังเกตเห็นแล้ว แกคิดที่จะ…ในระหว่างที่แกทำความคุ้นเคยกับเขา แกก็ตั้งใจทำให้เขาคุ้นเคยกับแกใช่ไหมล่ะ? แกตั้งใจปรับระดับชั้นเชิงการโจมตี ทำให้เขาเข้าใจผิดคิดว่านี่เป็นขีดสุดของแกแล้ว และสิ่งที่แกต้องรอต่อไป ก็คือการระเบิดการโจมตีด้วยพลังแข็งแกร่ง หลังจากที่เขาคุ้นเคยกับวิธีการโจมตีของแกแล้ว…บางทีอาจยังไม่ใช่ขีดสุด แต่เป็นพละกำลังส่วนใหญ่ที่สุดของเขา และนี่ก็เพื่อให้จัดการกับแกได้ในครั้งเดียว เป็นการทำลายภาวะชะงักงัน!”
“แต่เขาคิดไม่ถึงน่ะสิ…ว่าแกยังมีศักยภาพที่จะแข็งแกร่งขึ้นอีก แต่ถึงแม้เขาจะคำนวณจุดนี้ผิดพลาด มันก็ยังไม่เป็นไร ตั้งแต่ตอนที่เขาเตรียมตัวลงสู่พื้น เขาก็เริ่มสะสมกำลังให้แข็งแกร่งขึ้นจากความเดือดดาล และครั้งนี้ ก็เป็นพละกำลังที่มีอยู่ทั้งหมดแล้ว จากแผนการของเขา ถ้าแกไม่มีกำลังที่แข็งแกร่งกว่า ครั้งต่อไปแกได้ตายอย่างแน่นอน…แต่สิ่งที่เขาไม่รู้คือ สิ่งที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายกลับไม่ใช่เรื่องนี้ แต่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง…ก่อนที่เขาจะระเบิดพลัง ในเสี้ยววินาทีที่เขาลงถึงพื้น…เขายังไม่ทันจะได้อาศัยพลังขุมนี้ช่วยให้ตัวเองดีดกลับขึ้นไปบนเพดาน ก็ติดกับดักที่แกสร้างขึ้นแล้ว”
ซอมบี้สาวหัวเราะเบาๆ อีกหนึ่งระลอก พร้อมกับส่ายหัวไปมา “เก่งจริงๆ เลยน้า…การโจมตีที่ไร้ผลนับร้อยครั้ง แลกกับโอกาสเหมาะสมเพียงครั้งเดียว คงเป็นเพราะการดิ้นรนที่เหมือนจะไร้ความหมายนี้ เลยทำให้แกมองวงโคจรการลงสู่พื้นของเขาออก และวางกลอุบายล่วงหน้าบางอย่างไว้ในจุดที่เขาจะยืน ไม่เพียงเท่านั้น เพื่อทำให้เขาไหวตัวไม่ทัน แกยังคำนวณเวลาที่เขาจะลงสู่พื้นได้อย่างแม่นยำ จากนั้นก็ใช้เสี้ยววินาทีอันน้อยนิดนั่นเปิดฉากกับดัก
นอกจากนี้ การระเบิดพลังของแกที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ก็อยู่ในแผนการแกด้วย ไม่เพียงเพื่อจะขวางกั้นเขา แต่เพื่อกระตุ้นความโมโหให้เพิ่มขึ้น รวมทั้งกระจายจุดสนใจของเขาออกไป ให้เขามองข้ามสภาพแวดล้อมโดยรอบในขณะที่อยู่ในอาการตื่นตะลึง…ที่เรียกว่ามนุษย์เจ้าเล่ห์ ก็คงจะเป็นคนแบบแกล่ะสิ? ฮิๆ อย่าเข้าใจผิดล่ะ ฉันกำลังชมแกอยู่น้า…เพราะอย่างนั้น แกบอกฉันได้หรือยังว่าที่ฉันเดาถูกไหม?”
“หึ…ใครจะรู้ล่ะ” หลิงม่อหรี่ตาลง บีบมือเข้าหากันแล้วคลายออก ตอบเสียงเครียดไป ทว่าในใจเขากลับมีคลื่นเชี่ยวพัดโถมขึ้น…ซอมบี้สาวตัวนี้…เธอเป็นใครกันแน่? สังเกตการณ์อยู่รอบข้างนานแค่ไหนแล้ว! ไม่สิ…ถึงแม้จะมองเห็นด้วยตาตัวเอง ก็ยังเป็นเรื่องยากที่จะมองเห็นจุดเชื่อมต่อของทั้งหมดในเวลาสั้นๆ ไม่ใช่เหรอ? นอกจากนี้ เธอจงใจสาธยายออกมาขนาดนี้ มันเพื่ออะไรกัน? แสดงพลัง…งั้นเหรอ?
“เฮ้อ ใจแคบชะมัด เสียดายที่ฉันจริงใจกับแกขนาดนี้ แกเป็นถึงมนุษย์ ไม่รู้หรือไงว่าควรปฏิบัติกลับยังไงน่ะ?” ซอมบี้สาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ พลันหัวเราะระริกพร้อมยกมือขึ้นมา เมื่อแขนของเธอยกสูงขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าก็ค่อยๆ เงยสูงขึ้นตาม
“ฉันพูดไปตั้งเยอะแล้ว แกคงจะชัดเจนแจ่มแจ้งแล้วสินะ? ต่อหน้าฉัน แกใช้แผนการเล่นแง่พวกนั้นไปก็ไม่มีประโชยน์หรอก และฉัน…รู้ทุกอย่างของแกทะลุปรุโปร่งแล้ว” วูบ! นิ้วมือของซอมบี้สาวชี้ไปที่หลิงม่ออย่างดุดัน จากนั้นก็ขยับไปด้านข้างเบาๆ สุดท้ายหยุดลงที่ตัวเย่เลี่ยน “ของสิ่งนั้น…เธอเป็นคนกินมันใช่ไหม? พูดตามตรง ฉันไม่ได้มาที่นี่เพราะแก แต่ว่าเธอ…ฉันขอเอาตัวไปล่ะนะ…”
ซอมบี้สาวพูดพลางหัวเราะเบาๆ
เย่เลี่ยนถอยไปหลบหลังหลิงม่อทันที…และหลิงม่อที่กำบังอยู่ข้างหน้า ตอนนี้ใบหน้าอยู่ในอาการตกตะลึง!
‘เป็นเธอเหรอ?!’
ซอมบี้สาวที่ปรากฏตัวที่นี่…เป็นคนที่เขารู้จักจริงๆ ด้วย!
แม้แต่บนตัวเธอ ชุดที่สวมใส่ก็ยังเป็นชุดสาวใช้ที่หลิงม่อคุ้นตาดี…เพียงแต่ตอนนี้มันกลายเป็นกี่เผ้าที่มีลวดลายสีดำ ทรงผมก็ทำเป็นมวยซาลาเปาคู่หนึ่ง เข้ากับใบหน้าขาวซีดรูปไข่รวมไปถึงริมฝีปากเปื้อนเลือด ราวกับเป็นตุ๊กตาหุ่นกระบอกแปลกๆ ที่ถูกตั้งอยู่ในมุมมืดก็ไม่ปาน
แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงมากที่สุดคือลักษณะท่าทางของเธอ…ใบหน้าที่นิ่งเงียบตอนนั้น ตอนนี้กลับมีชีวิตชีวาจนรู้สึกขนลุกขนพอง ดวงตาสีแดงของเธอแฝงไว้ซึ่งความกระหายเลือด มุมปากมีรอยยิ้มเยือกเย็นปรากฏให้เห็นเล็กน้อย รอยยิ้มแบบนี้แตกต่างกับรอยยิ้มที่มักจะปรากฏบนใบหน้าของซย่าน่า…รอยยิ้มของซย่าน่าทำให้รู้สึกกระวนกระวาย กระทั่งรู้สึกหวาดผวา แต่กลับไม่ได้ทำให้รู้สึกแย่เวลาที่มอง แต่เธอ…กลับเป็นยิ้มเคลือบยาพิษ เห็นแวบเดียวก็รู้เลยว่าเต็มไปด้วยพลังสังหาร เหมือนกับการเห็นฉากเข่นฆ่าทารุณ เป็นความเพลิดเพลินของสัตว์ประหลาดที่มาจากสัญชาตญาณ ถูกเธอจ้องแบบนี้ เหมือนกับตัวเองกลายเป็นอาหารบนจานไปแล้ว และเธอก็กำลังถือช้อนส้อมนั่งอยู่ตรงหน้า…
“หืม…” สถานการณ์ตึงเครียดไปหลายวินาที รอยยิ้มบนใบหน้าซอมบี้สาวเริ่มหายไปแล้ว เธอเริ่มเลียริมฝีปากเปื้อนเลือดอีกครั้ง ก่อนแค่นเสียงเยือกเย็นพูดขึ้นอีกครั้ง “ทำไม…เห็นสภาพหลังจากที่ฉันกินอาหาร ตกใจเลยหรือ? หรือว่า แกตั้งมั่นแล้วว่าจะไม่เสวนากับสัตว์ประหลาดอย่างฉันแม้แต่คำเดียว? หรือจะเป็นเพราะ…แกกำลังคิดในใจ พอแกส่งเธอมาให้ฉัน ฉันจะทำใจกว้างยอมปล่อยแกไปไหมน่ะหรอ? แต่แกก็กังวลว่าฉันจะไม่ทำแบบนั้น…แกถึงกำลังลังเลว่าจะใช้เธอจัดการกับฉันดีไหม?”
“ฮิๆ…คำตอบล่ะ?” ซอมบี้สาวถามขึ้น
จากนั้น…สายตาที่หลิงม่อมองไปยังเธอก็ซับซ้อนขึ้นทันที เขาลองถามหยั่งเชิง “แก…ยังรู้จักฉันหรือเปล่า?”
“ฉันจะไปรู้จักแกได้ยังไง รีบตอบฉันมาเร็วเข้า…หืม?” ซอมบี้สาวพลันใช้สายตามองหลิงม่ออย่างละเอียดถี่ถ้วน “ฟังจากที่แกพูด…แกรู้จักฉันเหรอ? และฉันก็คงจะรู้จักแกเหมือนกันงั้นสินะ?” ทว่าไม่นานเธอก็เอ่ยขำๆ ว่า “เฮ้ นี่น่ะเหรอการตอบสนองของแก? ใช้ลูกไม้ชวนคุยตื้นๆ มาตีสนิทฉัน พยายามเบี่ยงเบนความสนใจให้ฉันเหม่อลอยหรือไง…”
“เฮยซือ?” หลิงม่อกลับอ้าปากพูดชื่อหนึ่งขึ้นมา
ซอมบี้สาวชะงักไปอย่างเห็นได้ชัด…ทว่าในขณะที่หลิงม่อมองไปด้วยความคาดหวัง เธอกลับขมวดคิ้วพูดเสียงเย็นชาทันที “เลิกล้อเล่นได้แล้ว ใครจะมีชื่อเรียกแปลกๆ แบบนี้กัน? อีกอย่าง…ฉันชี้เธอรออยู่ตั้งนานแล้ว แกกลับพูดนอกเรื่องหลุดประเด็น…แกรู้หรือเปล่า…”
นิ้วมือของเธอที่ชี้เย่เลี่ยนกำหมัดแน่น ใบหน้าเย็นเยือกมากขึ้นทุกที “ว่าแบบนี้มันทำให้คนอื่นรู้สึกเสียหน้า…”
……………………………………….