ตอนที่ 503 - พยานส่วนตัว

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.503 – พยานส่วนตัว 

 

 

 

 

 

หรือสมควรกล่าวว่า ตลอดทั้งบริเวณนี้จมลงสู่ความเงียบดี มีเพียงเสียงปุดๆของลาวาเท่านั้นที่ยังดังอยู่ 

 

 

 

 

 

กระทั่งราชันย์สัตว์ร้ายในตอนแรก ก็ยังตายไปแล้ว 

 

 

 

 

 

ฉินเฟิงวาดมือ อุปกรณ์รูนมิติหลายชิ้น , แก่นราชันย์สัตว์ร้าย , กระดูกสัตว์ร้าย , หนัง และขนสัตว์ร้าย ทั้งหมดลอยมาอยู่เบื้องหน้าเขา 

 

 

 

 

 

“ไม่รู้ว่าสามคนนี้จะมีสมบัติอะไรติดตัวบ้าง แต่การฆ่าคน มักสามารถทำกำไรได้ดีเสมอ” 

 

 

 

 

 

ฉินเฟิงยิ้มบาง 

 

 

 

 

 

ทว่ารอยยิ้มของเขา มันกลับทำให้ทั้งตัวของหลิวเยว่เย็นเยียบ 

 

 

 

 

 

ก่อนหน้านี้กวงเว่ยก็เคยพูดอะไรทำนองนี้เช่นกัน และตอนนั้นมันโน้มน้าวใจได้ไม่เลวเลย ทำเอาหลิวเยว่เกือบตัดสินใจลงมือแล้ว 

 

 

 

 

 

แต่ตอนนี้ ทุกอย่างกลับพลิกผัน กลายเป็นตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง 

 

 

 

 

 

ขณะเดียวกัน ผู้ใช้พลังบางคนก็เดินทางมาถึงสนามรบพอดี 

 

 

 

 

 

“เกิดอะไรขึ้น? คนที่เพิ่งตายไป ใช่กวงเว่ยรึเปล่า?” 

 

 

 

 

 

“เฮ้! ทำไมคุณถึงฆ่ากวงเว่ย!” 

 

 

 

 

 

“คนๆนี้เป็นใครกัน กล้าบุ่มบ่ามทำเรื่องร้ายแรงในหุบเหวตอนเหนือได้อย่างไร? ถึงขั้นสังหารกวงเว่ย! เขาคือนายพลที่ได้รับการยอมรับโดยทั่วกันของพันธมิตรมนุษย์!” 

 

 

 

 

 

ในบรรดาคนที่มาถึง มีผู้ใช้พลังเลเวล B อยู่ไม่กี่คน ส่วนใหญ่แล้วเป็นเลเวล C แต่กลุ่มหลังไม่กล้ากล่าวหาฉินเฟิง 

 

 

 

 

 

ทว่าเมื่อมีบางอย่างเกิดขึ้น พวกเขาจะทำนิ่งเฉยและไม่สนใจไม่ได้ 

 

 

 

 

 

เลเวล B คนอื่นๆเริ่มตื่นตัว จดจ้องฉินเฟิง คล้ายกับว่าหากฉินเฟิงมีการเคลื่อนไหวใดๆที่ผิดปกติแม้เพียงน้อย พวกเขาจะโจมตีทันที 

 

 

 

 

 

อย่างไรก็ตาม การแสดงออกของฉินเฟิงกลับยังดูเยือกเย็น 

 

 

 

 

 

“เมื่อครู่ ระหว่างที่ผมกำลังล่าสัตว์ร้าย นายพลกวงเว่ยกับอีกสองคนจากพันธมิตรองค์กรมืดได้ร่วมมือกัน พยายามที่จะฆ่าผมเพื่อยึดสมับติ และผมไม่อาจอยู่เฉยได้ ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ว่าเขาร่วมมือกับองค์กรมืด ผมกลัวว่าเขาอาจทรยศพันธมิตรมนุษย์ เลยลงมือสังหาร นี่คงไม่ใช่เรื่องผิดหรอกกระมัง?” 

 

 

 

 

 

“นั่น … นั่นมันก็แค่คำให้การของคุณฝ่ายเดียว!” 

 

 

 

 

 

ฉินเฟิงตอบกลับ “ไม่ใช่คำให้การฝ่ายเดียว แต่ผมมีพยาน!” 

 

 

 

 

 

สายตาของฉินเฟิง เบนไปตกลงบนร่างของหลิวเยว่ 

 

 

 

 

 

หลิวเยว่สั่นสะท้านไปทั้งตัว 

 

 

 

 

 

“นั่นหลิวเยว่แห่งตระกูลชุ่ย!” 

 

 

 

 

 

“ที่แท้พี่หลิวก็อยู่ที่นี่ด้วย!” 

 

 

 

 

 

“มิสเตอร์หลิว คุณอยู่มาตั้งแต่ต้นใช่ไหม บอกมาเถอะมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” 

 

 

 

 

 

หลิวเยว่ถูกรุมถามโดยฝูงชน แต่ในตอนนั้นเอง เสียงๆหนึ่งพลันแทรกเข้ามาในจิตใจของเขา 

 

 

 

 

 

“มิสเตอร์หลิว จะพูดอะไรจากนี้ไป โปรดพิจารณาดูให้ดี” มันคือเสียงที่ส่งผ่านกำลังภายใน ทันใดนั้นหลิวเยว่หลั่งไปด้วยเหงื่อเย็น เขากวาดมองรอบกาย และพบว่าที่นี่มีผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล B กว่าเจ็ดคน แต่สีหน้าของคนเหล่านี้กลับไม่เปลี่ยนแปลงเลย ซึ่งนั่นหมายความว่า– 

 

 

 

 

 

–ไม่มีใครได้ยินเสียงของฉินเฟิง! 

 

 

 

 

 

กำลังภายในของฉินเฟิง ลึกล้ำถึงขนาดนี้เชียวหรือ? 

 

 

 

 

 

เสียงนี้ยังคงวนเวียนอยู่ในใจหลิวเยว่ตลอดเวลา เขากระจ่างแก่ใจ ว่าไม่อาจขัดขืนฉินเฟิง 

 

 

 

 

 

“เป็นเรื่องจริงที่ฉันมาถึงที่นี่ก่อนใครๆ นั่นเพราะฉันเกิดความรู้สึกสงสัยบางอย่าง และทุกคนจะได้รู้ในไม่ช้า” 

 

 

 

 

 

หลิวเยว่แสร้งทำเป็นสงบ จากนั้นก็ยกมือขึ้น และหยิบเศษซากศพที่เหลือเพียงศีรษะและช่วงหัวไหล่บนพื้นขึ้นมา สัมผัสลงบนใบหน้าอีกฝ่าย แล้วเช็ดออกอย่างรวดเร็ว 

 

 

 

 

 

ไม่นาน หน้ากากบนใบหน้าก็หลุดออก เปิดเผยถึงรูปลักษณ์ของผู้ตาย 

 

 

 

 

 

“นั่น .. นั่นมันฉีหยาน!” 

 

 

 

 

 

“ไม่ผิดแล้ว เป็นฉีหยานจากองค์กรมืดจริงๆ แต่ดูเหมือนจะแก่กว่าที่ฉันคิดไปนิดหน่อย” 

 

 

 

 

 

“ได้ยินมาว่า ไม่นานมานี้ฉีหยานเพิ่งสู้กับมู่จิน และได้รับบาดเจ็บ ดูเหมือนจะเป็นเรื่องจริง” 

 

 

 

 

 

ฝูงชนส่งเสียงฮือฮา แต่ทั้งหมดสามารถระบุตัวตนของฉีหยานได้อย่างชัดเจน 

 

 

 

 

 

“ฉันเข้าสู่หุบเหวตอนเหนือพร้อมกับกวงเว่ย แต่กลับค้นพบว่าสองคนนี้มีท่าทีแปลกๆ เลยลอบสะกดรอยตามพวกเขาจากเบื้องหลัง และไม่คิดเลยว่าพวกเขาพยายามที่จะลอบสังหารผู้การรัฐฉิน ฉันต้องการจะเข้าไปช่วย แต่ตอนนี้ เมื่อผู้การฉินปลอดภัยแล้ว ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร” 

 

 

 

 

 

หลิวเยว่กล่าวอย่างสุภาพ กระทั่งการเรียกขานยังเปลี่ยนเป็นผู้การรัฐ 

 

 

 

 

 

ในเวลานี้ สายตาที่คนอื่นๆมองไปยังฉินเฟิง เริ่มเปลี่ยนไป 

 

 

 

 

 

ยังเยาว์วัยถึงเพียงนี้ แต่กลับได้เป็นผู้การรัฐ! 

 

 

 

 

 

ทำไมฉันถึงไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลยนะ แต่ที่พอเป็นไปได้มากที่สุด อาจมีสถานะผู้การรัฐอยู่เบื้องหลังจริงๆ มิฉะนั้นเขาจะเป็นเลเวล C ได้อย่างไร? 

 

 

 

 

 

ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะซับซ้อนกว่าที่คิด ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาสามารถจัดการได้ 

 

 

 

 

 

ฝ่ายหนึ่งเป็นนายพล อีกฝ่ายหนึ่งเป็นผู้การรัฐ ทั้งสองล้วนเป็นสมาชิกระดับบริหารของพันธมิตรมนุษย์ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่อาจทำความเข้าใจได้ เลเวล B สามคนปิดล้อมเลเวล C เพียงคนเดียว แต่สุดท้ายกลับเป็นสามคนที่เสียชีวิต 

 

 

 

 

 

เด็กหนุ่มคนนี้ ใช่มีความลับอะไรอยู่กับตัวหรือไม่? 

 

 

 

 

 

ผู้คนขบคิดอย่างไรก็ไม่คิดไม่ออก สุดท้ายทำได้เพียงเอ่ย “ขออภัย เกรงว่าฉันคงเข้าใจผู้การฉินผิดไป” 

 

 

 

 

 

“เช่นกัน สำหรับเรื่องนี้ ผู้การฉินคือหยื่อ เป็นผู้ได้รับความเสียหาย” 

 

 

 

 

 

“นายพลกวงเว่ย … เป็นไปได้ยังไงกัน” 

 

 

 

 

 

แม้ปากของทุกคนจะเอ่ยออกมา แต่ในหัวใจมีความคิดอื่นอยู่แล้ว 

 

 

 

 

 

กระทั่งในบรรดาฝูงชนในที่แห่งนี้ มีบางคนเริ่มเข้าไปหารือกันในโลกแห่งจิตสำนึก แต่คนเหล่านี้ล้วนเป็นเลเวล C ดังนั้นมีสิทธิ์มีเสียงเพียงเล็กน้อย ไม่กล้าเอ่ยคำใด 

 

 

 

 

 

อย่างไรก็ตาม ต้นเหตุของเรื่องจะเป็นอย่างไร มันไม่สำคัญอีกต่อไป เพราะที่สำคัญคือผลลัพธ์ 

 

 

 

 

 

ฉินเฟิงยังมีชีวิตอยู่ แต่กวงเว่ยตายไปแล้ว 

 

 

 

 

 

“ในเมื่อไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ทุกคนก็แยกย้ายกันไปก่อนเถอะ” หลิวเยว่ต้องการให้เรื่องใหญ่เล็กลง ปัญหาจะได้ไม่ตามมา 

 

 

 

 

 

คนอื่นๆแม้ยังเต็มไปด้วยความสงสัย แต่ปัจจุบันไม่มีใครที่เป็นคนของกวงเว่ยจริงๆ ดังนั้นทั้งหมดจากไป 

 

 

 

 

 

สุดท้าย เหลือเพียงฉินเฟิงกับหลิวเยว่แค่สองคน 

 

 

 

 

 

หลิวเยว่รู้สึกลำคอแห้งผาก ทั้งตัวเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น ทำไมเขาต้องอยู่ลำพังกับฉินเฟิงด้วย เขาก็อยากจะหนีไปพร้อมกับคนอื่นๆเหมือนกัน! 

 

 

 

 

 

“มิสเตอร์หลิว ทำได้ดีมาก แต่จำไว้ให้ดี ว่าหลังจากนี้ จะมีคนของทางพันธมิตรมนุษย์มาสอบปากคำคุณเช่นกัน โปรดพูดให้เหมือนกันด้วย!” 

 

 

 

 

 

ในน้ำเสียงของฉินเฟิง เผยถึงการข่มขู่คุกคามเล็กน้อย 

 

 

 

 

 

อันที่จริงใช่ว่าฉินเฟิงไม่คิดฆ่าปิดปาก แต่หลิวเยว่กับเขาไม่ได้มีความเกลียดชังใดๆต่อกัน ดังนั้นฉินเฟิงไม่คิดโหดร้ายเกินไป 

 

 

 

 

 

หลิวเยว่พอได้ยินคำฉินเฟิง ก็ผ่อนคลายลงทันที 

 

 

 

 

 

“ข-ขอบคุณผู้การฉิน วางใจเถอะ ฉันรู้ตัวดีว่าต้องทำอย่างไร” 

 

 

 

 

 

“อืม” ฉินเฟิงพยักหน้า 

 

 

 

 

 

แต่หลิวเยว่ยังคงไม่สบายใจอยู่ดี เขาอธิบายเพิ่มเติมว่า “ครั้งนี้ฉันถูกกวงเว่ยหลอกมาจริงๆ ฉันไม่รู้เลยว่าเขากำลังจะฆ่าคุณ ไม่อย่างนั้น ฉันคงไม่กล้ามาถึงนี่หรอก ผู้การฉิน โปรดเชื่อฉัน” 

 

 

 

 

 

ฉินเฟิงหัวเราะเบาๆและกล่าว “เรื่องนั้นไม่สำคัญ แค่รู้ไว้ว่าผมจะไม่ฆ่าคุณตอนนี้ และภายหลัง ก็จะไม่ฆ่าคุณเช่นกันก็พอ” 

 

 

 

 

 

“ขอบพระคุณผู้การฉิน!” หลิวเยว่แม้ปากขอบคุณ แต่ในหัวใจกลับหวาดกลัวฉินเฟิงยิ่งกว่าเดิม 

 

 

 

 

 

คนๆนี้ ยามเอ่ยปากฆ่ากลับยังคงสงบ ราวกับว่ามิได้สนใจชีวิตของผู้คนเลย!! 

 

 

 

 

 

ก่อนหน้านี้หลิวเยว่คิดว่าฉินเฟิงแข็งแกร่งอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจถึงขนาดนั้น ทว่าจากนี้ไป เขาสมควรกลับไปแล้วตรวจสอบประวัติของฉินเฟิงอย่างจริงๆจังๆ  

 

 

 

 

 

“คุณไปเถอะ” 

 

 

 

 

 

“รับทราบ รับทราบ” 

 

 

 

 

 

หลิวเยว่รีบแยกตัวออกมาอย่างรวดเร็ว กลับมาก็ตรวจสอบประวัติของฉินเฟิง ในหัวใจของเขาหวาดผวายิ่งกว่าเดิม 

 

 

 

 

 

“เมืองลอยฟ้าที่ฆ่านายท่านก่อนหน้านี้ อยู่ในมือของฉินเฟิง เรื่องนี้มัน … ” 

 

 

 

 

 

หลิวเยว่ฟุ้งไปด้วยความกังวล เขาบังเกิดความไม่สบายใจ ติดต่อหาชุ่ยหยาง 

 

 

 

 

 

“นายน้อย ฉันได้ตรวจสอบข้อมูลมาแล้ว ผู้ใช้พลังที่พวกเราพบก่อนหน้านี้ เรียกว่าฉินเฟิง นายน้อย พวกเราห้ามไม่ยุ่งกับเขาเด็ดขาด เพราะเขา .. วันนี้เขา … เพิ่งลงมือสังหารกวงเว่ยไป!” 

 

 

 

 

 

และข่าวนี้ ก่อนที่หลิวเยว่จะเอ่ยปากออกไป มันได้มาถึงสำนักงานของซางฮันแล้ว 

 

 

 

 

 

ขณะเดียวกัน ฉินเฟิงในฐานะบุคคลต้องสงสัย ยังคงอยู่ในหุบเหวตอนเหนือ ออกสำรวจต่อไป ลึกลงไปเรื่อยๆ 

 

 

 

 

 

ยิ่งลึก สัตว์ร้ายระดับสูงก็ปรากฏขึ้นเป็นเงาตามตัว เริ่มมีระดับราชันย์มาให้เห็นบ่อยขึ้น ไม่เว้นกระทั่งระดับจักรพรรดิ!