บทที่ 603 : ซากไม้ตายเปลี่ยนไป!

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

บทที่ 603 : ซากไม้ตายเปลี่ยนไป!

สิ้นคำพูดของเหล่ากุ่ย.. ภายในห้องก็กลับเงียบงันจนสามารถได้ยินเสียงลมหายใจของหลิงหยุนได้อย่างชัดเจน

แต่สีหน้าท่าทางของหลิงหยุนกลับทำให้เหล่ากุ่ยประหลาดใจไม่น้อย เขาคิดไม่ถึงว่าหลังจากได้รับรู้ชาติกำเนิดที่แท้จริงของตนเองแล้ว หลิงหยุนจะยังคงสงบนิ่ง และไม่แสดงอาการตื่นเต้นออกมาให้เห็นแม้แต่น้อย มีเพียงคิ้วที่ขมวดและลิ้นที่ตวัดเลียริมฝีปากเท่านั้น..

ภายในใจของเหล่ากุ่ยนั้นรู้สึกกังวลใจ และเกรงว่าหลิงหยุนจะไม่ยอมรับชาติกำเนิดที่แท้จริงของตนเอง! แต่ระหว่างที่รอคอยอย่างใจจดใจจ่ออยู่ภายใต้ความเงียบงันนั้น เสียงของหลิงหยุนก็ดังขึ้น

“ข้าเป็นลูกชายของคุณชายสามแห่งตระกูลหลิงงั้นรึ..?!”

“เหล่ากุ่ย.. ใช่ว่าข้าจะระแวงสงสัยในคำพูดของท่าน!  แต่เรื่องใหญ่โตเช่นนี้ ท่านต้องมีหลักฐานน่าเชื่อถือเพียงพอที่จะทำให้ข้าเชื่อมั่นได้..”

ความจริงแล้วตอนนี้หลิงหยุนเองก็ตื่นเต้นอย่างมาก แต่ก็พยายามข่มใจให้สงบนิ่งที่สุดเพื่อให้สามารถตัดสินคำบอกเล่าของเหล่ากุ่ยด้วยใจที่เป็นกลางได้

เหล่ากุ่ยได้ฟังคำพูดของหลิงหยุน ก็ถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก และรู้สึกราวกับว่าภูเขาลูกใหญ่ได้ถูกยกออกไป!

จากนั้นจึงยกมือขึ้นชี้ไปที่ซากไม้แห้งในมือขวาของหลิงหยุน  แล้วพูดออกมาอย่างตื่นเต้น

“นายน้อย.. หลักฐานก็อยู่ในมือของท่านแล้ว!”

หลิงหยุนถึงกับงุนงง เขารีบยกมือขวาที่ถือซากไม้ขึ้นพร้อมกับร้องถามว่า “เหล่ากุ่ย.. ท่านหมายถึงท่อนไม้แห้งๆนี่น่ะรึ?! ..นี่มันกำลังดูดเลือดของข้า?!”

เหล่ากุ่ยได้แต่พยักหน้า และอธิบายต่อว่า “นายน้อย.. ที่ข้าขอให้ท่านหยดเลือดลงไปบนซากไม้นั่นก็เพื่อต้องการพิสูจน์เลือดของท่าน..”

“ท่านอย่าได้ประเมินซากไม้แห้งนี้ต่ำจนเกินไป ซากไม้ท่อนนี้เป็นมรดกตกทอดของตระกูลหลิง หากผู้ใดเป็นทายาทตระกูลหลิงจริง เลือดของคนผู้นั้นจะต้องถูกดูดซึมเข้าสู่ซากไม้ท่อนนี้ แต่นี่เป็นเพียงแค่การพิสูจน์เบื้องต้นเท่านั้น หากต้องการให้มั่นใจมากกว่านี้ก็ต้องใช้วิธีตรวจดีเอ็นเอ!”

“ซากไม้แห้งท่อนนี้จะดูดซับเฉพาะเลือดของชายตระกูลหลิงเท่านั้น! หากเป็นเลือดของผู้อื่นหยดลงไป หยดเลือดจจะไม่สามารถสัมผัสกับเนื้อไม้ได้!”

ในที่สุดหลิงหยุนก็ขยับเขยื้อนตัว เขาประหลาดใจอย่างมากที่ซากไม้แห้งนี้ยังคงดูดเลือดจากนิ้วของเขาไม่หยุด

“ช่างมหัศจรรย์จริงๆ!”

เหล่ากุ่ยยิ้มกว้าง “หากนายน้อยไม่เชื่อ.. ท่านลองนำมันไปตรวจเลือดของผู้อื่นดูก็ได้..”

หลิงหยุนถึงกับพูดอะไรไม่ออก และได้แต่คิดในใจว่ามีซากไม้ที่วิเศษเช่นนี้ด้วยหรือ..?

เหล่ากุ่ยพูดต่อ “นายน้อย.. ท่านเห็นดอกตูมสีเหลืองที่อยู่บนซากไม้นั่นหรือไม่? ชายตระกูลหลิงที่มีอายุสิบแปดปีขึ้นไป ต่างก็ต้องใช้เลือดของตนเองรดแทนน้ำให้กับมันเดือนละครั้ง ซากไม้แห้งท่อนนี้จึงได้ผลิดอกตูมขึ้นมา แต่ก็ต้องใช้เวลานานมากกว่าจะได้ดอกตูมขนาดนี้..”

หลิงหยุนถึงกับตกใจสุดขีด “ห๊ะ.. นี่ต้องใช้เลือดของชายตระกูลหลิงรดแทนน้ำ ซากไม้แห้งๆท่อนนี้จึงจะออกดอกงั้นรึ..?”

เมื่อได้ฟังเช่นนั้น.. หลิงหยุนก็เริ่มหวาดกลัว และแทบจะโยนซากไม้นั้นกลับลงไปในกล่องดังเดิม แต่จู่ๆ เขาก็ชะงักเพราะสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตภายในร่างกายตนเองเริ่มเปลี่ยนไป

เหล่ากุ่ยไม่ทันได้สังเกตเห็นสีหน้าท่าทางที่เปลี่ยนไปของหลิงหยุน เขาล้วงเอารูปถ่ายออกมาใบหนึ่งอย่างตื่นเต้น

และเพื่อให้หลิงหยุนได้รู้จักกับสายเลือดที่แท้จริงของตนเอง ครั้งนี้เหล่ากุ่ยจึงเตรียมตัวมาพร้อมมาก

“นายน้อย.. ท่านดูรูปถ่ายใบนี้สิ! นี่เป็นรูปของคุณชายสามตอนหนุ่มๆ ท่านดูสิว่าหน้าเหมือนท่านมากแค่ใหน..?”

หลิงหยุนหยิบรูปถ่ายในมือของเหล่ากุ่ยมาดู  มันเป็นรูปถ่ายของหลิงเสี่ยวเมื่อตอนที่เขาอายุสิบแปดปี

‘เหมือนข้ามากจริงๆ!’

จากรูปถ่ายนั้น.. หลิงหยุนเห็นหน้าผากที่กว้างของหลิงเสี่ยว คิ้วที่เป็นเส้นตรงคล้ายดาบ และจมูกที่โด่งราวกับแกะสลัก ริมฝีปากคมชัดได้รูป โดยเฉพาะอย่างยิ่งดวงตาที่บ่งบอกถึงความมั่นใจ และอารมณ์ที่สงบนิ่ง..

ส่วนอื่นๆ บนใบหน้าของหลิงเสี่ยวนั้น ล้วนดูเหมือนหลิงหยุนราวกับถอดแบบมา มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่โตกว่า และสวยกว่าดวงตาของหลิงเสี่ยว

หลิงหยุนได้แต่แอบถอนใจ และแทบจะไม่ต้องสอบถามอะไรอีก เขาเชื่อแล้วว่าตนเองคือทายาทตระกูลหลิงอย่างแน่นอน เรื่องนี้จริงเสียยิ่งกว่าจริงอีก!

หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่ารูปถ่ายของหลิงเสี่ยวดูเหมือนจะถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี จากนั้นเขาก็หายใจเข้ายาวอย่างสงบนิ่ง  ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเหล่ากุ่ยพร้อมกับพูดขึ้นว่า

“เหล่ากุ่ย.. ท่านไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว! ข้าเชื่อแล้วว่าข้าเป็นทายาทตระกูลหลิง ขอบคุณที่ท่านเปิดเผยเรื่องนี้ให้ข้ารู้!”

จากนั้นเหล่ากุ่ยก็หยิบภาพออกมาอีกหลายภาพ แล้วพูดกับหลิงหยุนยิ้มๆ “นายน้อย.. นี่เป็นภาพของปู่ท่าน! นายผู้เฒ่ามีชื่อว่าหลิงลี่ และเป็นเสาหลักของตระกูลหลิงเวลานี้ นายผู้เฒ่าเป็นคนส่งข้ามาพบท่านด้วยตัวเอง!”

“ส่วนท่านนี้คือผู้นำตระกูลคนปัจจุบัน เป็นลุงของท่านชื่อว่าหลิงเจิ้น..”

“และนี่คือลุงสอง.. เป็นคุณชายสองแห่งตระกูลหลิงชื่อว่าหลิงเย่ว..”

“ส่วนนี่คือ..”

เหล่ากุ่ยชี้ไปที่รูปภาพใหญ่บนโต๊ะ และเริ่มแนะนำให้หลิงหยุนรู้จักลูกหลานตระกูลหลิงอย่างตื่นเต้น หลิงหยุนเองก็พยักหน้าหงึกๆ แต่สายตากลับจับจ้องอยู่ที่รูปถ่ายของหลิงลี่กับหลิงเสี่ยวแทน

“เหล่ากุ่ย.. แล้วท่านแม่ของข้าล่ะ?”

หลิงหยุนถามเหล่ากุ่ยด้วยสีหน้าสงบนิ่ง แต่ภายในใจนั้นกลับสั่นสะเทือนราวกับถูกกระแทกด้วยคลื่นลูกใหญ่

และแน่นอนว่าท่านแม่ที่หลิงหยุนถามถึงเวลานี้ก็คือ แม่ผู้ให้กำเนิดเขานั่นเอง!

คนแรกที่ทำให้หลิงหยุนได้รู้จักกับตระกูลใหญ่ นิกายลับ และตระกูลเก่าแก่บนโลกใบนี้ก็คือเกาเฉินเฉิน  และในคืนนั้นก็เป็นครั้งแรกที่เขาไดยินชื่อตระกูลหลิงเป็นครั้งแรก..

หลิงหยุนจำได้แม่นยำว่า เกาเฉินเฉินยังได้เล่าว่าเมื่อสิบแปดปีก่อนเกิดเหตุการณ์ใหญ่ขึ้นกับตระกูลหลิง จนทำให้ตระกูลหลิงต้องตกต่ำลง และเผชิญกับความยากลำบากในเวลาเพียงแค่ชั่วข้ามคืน

ในเมื่อตอนนี้หลิงหยุนได้รู้ฐานะที่แท้จริงของตนเองแล้ว และจากคำบอกเล่าของเกาเฉินเฉิน ทำให้เขาพอจะคาดเดาสาเหตุที่ตนเองถูกทอดทิ้งได้ในทันที

เกิดเรื่องใหญ่โตอะไรขึ้นจนทำให้ผู้เป็นแม่ถึงกับต้องทอดทิ้งลูกของตนเองได้?

“เอ่อ..”

สีหน้าของเหล่ากุ่ยเปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้ยินหลิงหยุนถามถึงแม่ของตนเอง!

“ในเมื่อตระกูลหลิงรู้ว่าข้าเป็นทายาทของตระกูล แล้วเพราะเหตุใดท่านปู่จึงไม่มาที่นี่ด้วยตัวเอง? เหตุใดพ่อแม่ของข้าจึงไม่มาด้วย? และเหตุใดท่านปู่จึงต้องส่งท่านมาที่นี่เพียงคนเดียว?”

หลิงหยุนอยากรู้ว่าเหตุใดตนเองจึงถูกทอดทิ้ง? และเมื่อเขาถามเรื่องนี้ขึ้น คำถามอีกมากมายก็ตามมา และล้วนแล้วแต่เป็นคำถามสำคัญทั้งสิ้น

“นายน้อย.. อย่าเพิ่งร้อนใจไป ท่านค่อยๆฟังข้าเล่าก่อน..”

เหล่ากุ่ยมีท่าทางกระวนกระวายใจ และไม่รู้ว่าจะต้องตอบคำถามอย่างไร?

และในเวลานี้.. ซากไม้แห้งที่อยู่ในมือของหลิงหยุนก็ยิ่งดูดเลือดเข้าไปมากขึ้น แต่พลังชีวิตในร่างกายของเขากลับเพิ่มสูงขึ้น!

พลังชีวิตจำนวนมากในร่างกายของหลิงหยุนรวมถึงพลังหยินหยาง ได้พุ่งไปตามเส้นลมปราณของเขาผ่านฝ่ามือเข้าสู่ซากไม้แห้ง!

มัจฉาหยินและมัจฉาหยางในจุดตันเถียนของหลิงหยุนเริ่มหมุนอย่างรวดเร็ว พลังหยินและพลังหยางเพิ่มสูงขึ้นอย่างมหาศาล และเส้นโค้งรูปมังกรสีทองจางๆ ก็เริ่มเปล่งประกายอยู่ภายในจุดตันเถียน

‘แย่แล้ว!’

จู่ๆ หลิงหยุนก็เริ่มสัมผัสได้ว่าซากไม้แห้งนั้นติดหนึบอยู่กับฝ่ามือของเขาแน่น!

“เหล่ากุ่ย.. ช่วยออกไปด้านนอกคอยคุ้มครองความปลอดภัยให้ข้าด้วย!”

ทุกครั้งที่เกิดการเปลี่ยนแปลงกะทันหันเช่นนี้ หลิงหยุนจะไม่อธิบายอะไรมาก เขาจึงรีบสั่งให้เหล่ากุ่ยออกไปทำหน้าที่เป็นองค์รักษ์ให้กับเขาอยู่ด้านนอก จากนั้นก็นั่งลงขัดสมาธิ และเริ่มเดินพลังลับหยินหยางทันที!

“นี่มัน..?!”

เหล่ากุ่ยเห็นท่าทางของหลิงหยุนก็รู้สึกตกใจ แต่ไม่กล้าถามอะไรมาก จึงรีบเดินออกไปที่ลานหน้าบ้านทำหน้าที่เป็นองค์รักษ์ให้หลิงหยุนอย่างเต็มใจ

และในเวลานี้.. พลังชีวิตที่เต็มเปี่ยมของหลิงหยุน ก็ถูกซากไม้แห้งดูดซับเข้าไปจนไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว!

ตอนนี้พลังชีวิตในร่างกายของหลิงหยุนถูกซากไม้แห้งดูดเข้าไปจนหมด! เขารู้ดีว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้น แต่ก็ทำได้เพียงแค่เดินพลังลับหยินหยางเพื่อให้จุดตันเถียนของเขาสร้างพลังหยินและหยางจำนวนมากขึ้นมาให้ซากไม้ดูดซับเข้าไปแทน!

แต่ถึงกระนั้น.. พลังหยินและหยางที่จุดตันเถียนสร้างขึ้นมานั้น ก็ยังไม่เพียงพอให้กับซากไม้แห้งดูดซับเข้าไปอยู่ดี เขาจึงรู้สึกกระวนกระวายใจอย่างมาก

เหล่ากุ่ยยังคงอยู่ในอาการตกตะลึง..  เขาคิดไม่ถึงว่ามรดกตกทอดของตระกูลหลิงจะแสดงความผิดปกติออกมาเช่นนี้ เหตุใดมันจึงดูดเลือดของหลิงหยุนเข้าไปมากมายเช่นนั้น?!

เหล่ากุ่ยรู้ดีว่านอกเหนือจากเลือดของคนตระกูลหลิงแล้ว ยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่มันจะดูดซับเข้าไป นั่นก็คือปราณเสวียนหวงซึ่งจะมีเฉพาะในผู้ที่ฝึกกำลังภายในตามคัมภีร์เสวียนหวงเท่านั้น

คัมภีร์เสวียนหวงเป็นตำราฝึกบ่มเพาะที่เป็นสมบัติของตระกูลหลิง และมีเพียงสายเลือดตระกูลหลิงเท่านั้นที่จะสามารถฝึกได้  และมันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าวิชาสยบมังกรของตระกูลหลงเลยแม้แต่น้อย!

แต่ตอนนี้คัมภีร์เสวียนหวงยังคงวางนิ่งอยู่ หลิงหยุนเองก็ยังไม่ได้เปิดออกดูแม้แต่น้อย แล้วเขามีปราณเสวียนหวงให้ซากไม้แห้งนี้ดูดซับได้อย่างไรกัน?

เหล่ากุ่ยได้แต่แอบกระวนกระวายใจอยู่เงียบๆ ส่วนพลังหยินและหยางในร่างกายของหลิงหยุนก็ถูกซากไม้ดูดซับเข้าไปอย่างรวดเร็ว หากมันยังไม่ยอมหยุด หลิงหยุนคงต้องดื่มน้ำลายมังกรเข้าไปเพิ่ม..

ตูม!!

จุดตันเถียนที่น่าอัศจรรย์ของหลิงหยุนระเบิดขึ้นทันที และแสงสีทองภายในจุดตันเถียนก็เปล่งประกายขึ้นอีกครั้ง

และแล้วสมุดจักรพรรดิในตัวหลิงหยุนก็เริ่มเคลื่อนไหว..