บทที่ 1564+1565

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1564 เขาถึงตามเข้าไปอย่างไม่คำนึงถึงสิ่งใด

ระหว่างที่มึนงงอยู่เธอสามารถรับรู้ได้ว่าตี้ฝูอีพาเธอกลับไปที่เผ่าเงือกอีกครั้ง ระหว่างที่เดินทางไปยังเผ่าเงือก เขาใช้วิชาสร้างฟองอากาศนั้น พลางอุ้มเธอไว้ด้วย กอดไว้แน่นเช่นนั้น แน่นถึงเพียงนั้น ราวกับเธอเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดที่เขาอาจสูญเสียไปได้…

เธอไม่อยากให้เขาอุ้ม หากว่าเป็นไปได้ เธอถึงขั้นที่ไม่อยากให้เขาแตะต้องตนด้วยซ้ำ!

เพียงแต่เธอควบคุมร่างกายไม่ได้เลย

เธอรู้ว่าตี้ฝูอีกำลังร่ายอาคมลงบนร่างเธอ หมายให้เธอสลบไปอย่างสมบูรณ์ แต่เธอกลับไม่อยากสลบ! ถึงแม้เบื้องหน้าจะมีเหวลึกที่มองไม่เห็นก้นอยู่ เธอก็อยากลืมตาเผชิญหน้าตรงๆ!

เธอพยายามตั้งสติไว้อย่างยิ่งยวด ยามนี้พลังจิตของเธอกล้าแข็งยิ่งนัก จึงถูกเธอเหนี่ยวรั้งเอาไว้ได้

เธอก็เหมือนผู้ป่วยที่อยู่ในสภาวะไร้การตอบสนอง ดูเหมือนไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไรและไม่เคลื่อนไหว ท่าทางเหมือนหลับอยู่ ความจริงแล้วยังคงรักษาสติไว้ได้และตื่นตัวอยู่ตลอด ได้ยินเสียงจากภายนอกได้

ตี้ฝูอีพาเธอมาที่วังเงือก ใส่เธอเข้าไปในโลงแก้วผลึก ร่ายอาคมห่อหุ้มเธอ…

เธอสัมผัสได้ว่ามีลำแสงสายแล้วสายเล่าเข้าสู่สมองเธอ ต้องการลบเรื่องราวบางส่วนในสมองเธอ…คล้ายว่าต้องการลบทุกสิ่งที่เกี่ยวกับเธอในฐานะกู้ซีจิ่วทิ้งไป!

สติของเธอสร้างกำแพงมาสกัดกั้นไว้ตามสัญชาตญาณ สลายลำแสงที่เข้าสู่สมองเธอไป ไม่ให้มันมาสัมผัสกับความทรงจำของตน…

ไม่มีใครรู้ว่าหนก่อนที่หลงฟั่นสลับร่างเธอแล้วลบความทรงจำของเธอทิ้งทำให้เกิดเงามืดขึ้นในใจเธอ และไม่ยินยอมให้เกิดเรื่องเช่นเดียวกันขึ้นอีกต่อไป!

เนื่องจากเรื่องนี้ เธอจึงค่อยๆ คิดค้นอาคมชนิดหนึ่งขึ้น สามารถใช้งานภายในดวงวิญญาณได้ ขอเพียงดวงวิญญาณเธอไม่ดับสลาย ความทรงจำของเธอก็จะไม่หายไปอีก ไม่มีผู้ใดสามารถลบความทรงจำของเธอได้อีกแล้ว!

ครั้งนี้ก็เช่นกัน ถึงแม้เธอจะเคลื่อนไหวไม่ได้ พูดไม่ได้ ถึงขั้นที่ไม่อาจลืมตาได้ด้วยซ้ำ ทว่าในดวงวิญญาณของเธอมีปฏิกิริยาตอบสนองตามสัญชาตญาณอยู่แล้ว ขอเพียงมีคนพยายามลบความทรงจำของเธอ อาคมที่ซ่อนเร้นอยู่ในดวงวิญญาณของเธอก็เปิดใช้งาน ก่อกำแพงมาสกัดกั้น…

เมื่อตี้ฝูอีหยุดพิธี ในที่สุดแสงสีขาวที่เข้ามาในสมองเธอก็หายไป เธอลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เธอง่วงเหลือเกิน แต่ว่าสัญชาตญาณนักฆ่ากลับทำให้เธอไม่ต้องการจะหลับใหลไปอย่างสิ้นเชิง เธอฝืนตั้งสติไว้ตลอด ไม่ให้ตัวเองหลับไป

หลังจากนั้น เธอได้ยินบทสนทนาของตี้ฝูอีกับหลานเหยากวง ได้ยินทุกสิ่ง ในที่สุดก็เข้าใจทุกอย่างแล้ว!

ที่แท้ตนคือดวงจิตของหลานจิ้งเคออะไรนั่น ที่แท้เขาเข้าใกล้เธอ หยอกเย้าเธอ อ่อนโยนต่อเธอแต่งงานกับเธอล้วนเป็นเพราะหลานจิ้งเคอ…

มิน่าเล่าตอนที่เธอสละร่างเดิมหนีเข้าป่าทมิฬไป เขาถึงตามเข้าไปอย่างไม่คำนึงถึงสิ่งใด

ที่แท้เขาไม่ได้ต้องการเพียงร่างเดิมของเธอเท่านั้น ยังต้องการดวงวิญญาณของเธอด้วย!

มิน่าล่ะเขาถึงบังคับให้เธอฝึกฝนวรยุทธ์ตลอด ถึงขั้นที่แต่งงานเพื่อบำเพ็ญร่วมคู่กับเธอ ที่แท้เขาก็ต้องการให้ดวงวิญญาณนี้ของเธอแข็งแกร่งพอ เช่นนั้นถึงจะแบกรับร่างกายนี้ได้ ถึงจะคืนชีพให้หลานจิ้งเคออย่างสมบูรณ์ได้…

ที่แท้ตั้งแต่ต้นจนจบเขาล้วนหาประโยชน์จากตัวเธอกู้ซีจิ่ว ทุกอย่างที่เขาทำก็เพื่อคืนชีพให้หลานจิ้งเคอทั้งสิ้น…

ลิขิตสวรรค์ไม่อาจแพร่งพรายได้อันใด ความลำบากอันใด เขาเห็นหลานจิ้งเค่อเป็นเพียงสหายอันใด รักเพียงตัวเธอกู้ซีจิ่วอันใด…ทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องหลอกลวง! ล้วนเพื่อตอบสนองเป้าหมายสูงสุดนี้ของเขาทั้งนั้น

ฮ่าๆ กู้ซีจิ่ว ที่แท้ในสายตาเขาเธอก็เป็นแค่เสี้ยวดวงจิตเท่านั้น…

ตรงหัวใจคล้ายถูกคนเสียบมีดเข้าไป ค่อยๆ บิดคว้าน เจ็บเหลือเกิน! เจ็บปวดมากจริงๆ…

และไม่ทราบว่าผ่านไปนานเพียงใด ในที่สุดเธอก็ฟื้นจากอาการสะลึมสะลือง่วงงุน ค่อยๆ ลืมตาขึ้น สิ่งที่เข้าสู่ครรลองสายตาเธอคือดวงหน้างดงามล่มบ้านล่มเมืองของตี้ฝูอี

————————————————————————————-

บทที่ 1565 ท่านรู้หรือไม่ว่าตัวเองเป็นใคร?

เดิมทีเมื่อเห็นใบหน้านี้เธอจะรู้สึกสบายใจ ทว่าตอนนี้กลับเกลียดชัง

อีกทั้งเขายังจับมือเธอไว้ กุมนิ้วมือทั้งสิบเข้าด้วยกันอย่างแนบแน่น…

“ตื่นแล้วหรือ?” เขาถาม

เธอชักมือตัวเองออกโดยพลัน ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ท่านเป็นใคร?”

ตี้ฝูอีนิ่งอึ้ง

ใบหน้าเขาซีดขาว ทว่าริมฝีปากกลับหยักยิ้ม “จำข้าไม่ได้หรือ? ข้าคือหวงถู”

กู้ซีจิ่วหันหน้ามองเขา ดวงตาฉายความเกลียดชัง “หวงถู…ผู้ใดกัน? ข้าไม่รู้จักท่าน!”

ตี้ฝูอีหลุบตาลงมองฝ่ามือที่ว่างเปล่าของตัวเอง และมองนางอีกครั้ง “จำข้าไม่ได้แล้วจริงหรือ?”

กู้ซีจิ่วลุกขึ้นนั่งช้าๆ สายตาเต็มเปี่ยมด้วยความระแวดระวัง กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เหตุใดข้าถึงต้องจำท่านได้?” แล้วกวาดสายตาไปโดยรอบ “ที่นี่ที่ไหน? เหตุใดข้ามาอยู่ที่นี่?”

ตี้ฝูอีกล่าวอันใดไม่ออก เขาจ้องมองนัยน์ตานางโดยละเอียด

ว่ากันว่าดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ เขามองเห็นความรู้สึกผ่านดวงตานางได้ แต่ภายในแววตาที่นางมองเขาเต็มเปี่ยมด้วยความแปลกหน้าและหวาดระแวง ประหนึ่งมองคนแปลกหน้าจริงๆ…

นางลืมเขาแล้วจริงหรือ?

หรือว่า?

จู่ๆ เขาก็คว้าข้อมือนางเพื่อจะตรวจชีพจรของนาง…

ทว่ากู้ซีจิ่วต่อต้านเขาอย่างเห็นได้ชัด แทบจะออกกระบวนท่าทันทีที่เขาคว้าข้อมือ ฝ่ามืออีกข้างหนึ่งของนางรวดเร็วปานสายฟ้าฟาด ประทับลงบนหน้าอกเขาทันที! ด้วยฝ่ามือที่ออกแรงซัดเข้ามา ตี้ฝูอีถอยหลังไปหลายก้าวทันใด สีหน้าขาวซีดขึ้นไปอีก…

ฝ่ามือนี้ของกู้ซีจิ่วไม่ได้ออมมือแม้แต่น้อย ใช้พละกำลังทั้งหมดสิบส่วน!

ตอนนี้พลังวิญญาณของเธอบรรลุขั้นสิบแล้ว ต่อให้ใช้พละกำลังแค่แปดส่วนตำหนักแห่งนี้ก็ถูกทำลายได้ราบคาบแล้ว ยามนี้เธอกลับใช้พละกำลังสิบส่วนซัดไปบนร่างของตี้ฝูอี ต่อให้เป็นคนที่แข็งแกร่งอย่างเขา ร่างกายก็สั่นสะท้าน ล่าถอยไปสองก้าว

เขามองเธอ เธอก็มองเขากลับ

เธอไม่อยากให้เขาแตะเนื้อต้องตัว!

การเคลื่อนไหวภายในตำหนักทำให้หลานเหยากวงที่รออยู่ด้านนอกมาตลอดตื่นตระหนก เขาพุ่งเข้ามาทันที เมื่อเห็นกู้ซีจิ่วที่ลุกขึ้นนั่งก็ดีใจ จึงตะโกนเรียก “พี่หญิง ในที่สุดท่านก็ฟื้นแล้ว!”

ร้องเรียกออกไปแล้วเขาถึงได้รู้สึกว่าประโยคนี้ค่อนข้างคุ้นหู เหมือนตอน ‘พี่หญิง’ ของเขาฟื้นขึ้นมาครั้งแรก เขาก็พูดประโยคนี้

สายตากู้ซีจิ่วร่อนลงบนร่างของหลานเหยากวง “พี่หญิง? เจ้าคือ?”

หลานเหยากวงนิ่งงัน รีบร้อนแนะนำตัวเอง “พี่หญิง ข้าคือเหยากวง หลานเหยากวง น้องชายของท่าน”

กู้ซีจิ่วขมวดคิ้ว “หลานเหยากวง? น้องชายข้า?” แล้วมองหลานเหยากวงหัวจรดเท้า “เจ้าจำคนผิดแล้วหรือเปล่า?”

หลานเหยากวงนิ่งอึ้ง เขาทึ่มทื่อไปแล้ว!

เขาทึ่มทื่อไปครึ่งนาทีเต็มๆ ถึงจะอดไม่ได้เอ่ยถาม “ท่าน…ท่านรู้หรือไม่ว่าตัวเองเป็นใคร?”

กู้ซีจิ่วตอบอย่างตรงไปตรงมา “รู้แน่นอน! ข้าคือกู้ซีจิ่ว แต่เจ้าแซ่หลาน จะเป็นน้องชายของข้าได้อย่างไร? อีกอย่างข้าไม่เคยมีน้องชาย มีแต่พี่ชายคนหนึ่ง”

หลานเหยากวงตะลึงพรึงเพริด

สวรรค์ เทพศักดิ์สิทธิ์บอกว่าลบความทรงจำที่เกี่ยวกับกู้ซีจิ่วได้ แต่นึกไม่ถึงว่ากลับลบออกไปไม่หมด ทั้งยังลบความทรงจำทั้งหมดที่เกี่ยวกับหลานจิ้งเคอออกไปด้วยอีก!

สายตาราวกับร้องขอความช่วยเหลือของเขามองมาที่ตี้ฝูอี ส่งกระแสเสียงไปว่า ‘พี่หวง นาง…นางจำได้เพียงว่าตอนนี้ตัวเองคือกู้ซีจิ่ว ทำอย่างไรได้บ้าง?!’

ครั้งนี้พี่สาวของเขาฟื้นขึ้นมา สู้ครั้งที่แล้วไม่ได้เลย!

อย่างน้อยครั้งก่อนนางก็มีความทรงจำของทั้งสองคน ยังจำน้องชายอย่างเขาคนนี้ได้ ทว่ายามนี้นางกลายเป็นกู้ซีจิ่วโดยสมบูรณ์แล้ว!

เช่นนั้นนางยังเป็นพี่สาวของเขาหรือไม่?

สีหน้าของตี้ฝูอียังซีดเผือด ขบเม้มริมฝีปากบางไว้แน่น จ้องมองกู้ซีจิ่ว เหมือนคิดว่าจะมองเห็นบางอย่างจากการเคลื่อนไหวและการแสดงออกของนาง

————————————————————————————-