แต่ยอมรับก็ส่วนยอมรับ ตอนนี้เธอกำลังอารมณ์ไม่ดี!

ลุงหัวล้านเป็นใครน่ะหรือ เขาเป็นคนตระกูลเซียวซึ่งอาศัยอยู่ตรงปากทางเข้าหมู่บ้าน เธอควรเรียกเขาว่าลุงใหญ่ คุณลุงคนนี้ชอบสูบยาสูบ สวมรองเท้าแตะ วันๆ ชอบไปนอนอยู่ใต้ต้นหลิวแล้วคุยโม้กับคนนั้นทีคนนี้ที

ลูกดันไปเหมือนกับเขา? คิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาทีไรเธอก็ทั้งอารมณ์ไม่ดีทั้งแค้นใจนัก ลูกหลานรุ่นหลังเอ๊ยลูกหลานรุ่นหลัง เห็นชัดๆ ว่าฉันกับบรรพบุรุษฝ่ายชายของพวกเจ้าหน้าตาไม่เลว ทำไมพวกเจ้าถึงกลายเป็นแบบนั้นไปได้นะ?

เรื่องนี้ทำให้เธอไม่มีความสุขสักนิด นอนก็ไม่สบายตัว ลุกขึ้นนั่ง มองไปเห็นลุงหัวล้านกำลังส่งยิ้มสดใสมาให้ เธอก็ไม่สบายใจอีก

กู้จิ้งพร่ำบอกตัวเองอยู่ในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่านี่เป็นลูกแท้ๆ ลูกแท้ๆ… แต่ทำไมลูกแท้ๆ ถึงไม่เหมือนเธอ แต่ดันไปเหมือนลุงหัวล้านได้ล่ะ ตาโตๆ คิ้วเข้มๆ ของเซียวเถี่ยเฟิงก็ไม่เลว ส่วนเธอเองถึงจะไม่ได้สวยสะคราญหยาดฟ้ามาดิน แต่อย่างน้อยก็นับได้ว่าหน้าตาหมดจด!

หรือตอนที่เธอคลอด ยีนจะเกิดการกลายพันธุ์ ทำให้เกิดลุงหัวล้านในอีกหนึ่งพันปีข้างหน้าขึ้นมา?

“ลูกเราน่ารักจะตาย เจ้าดูขาอวบอ้วนนี่สิ จะอุ้มบ้างไหม” เซียวเถี่ยเฟิงซึ่งกำลังอารมณ์ดีสุดขีดหันมาพูดกับกู้จิ้ง

“ไม่อุ้ม” กู้จิ้งแค่นเสียงฮึคำหนึ่ง อุ้มลุงหัวล้าน มิเท่ากับยอมให้เขาเอาเปรียบหรอกหรือ? เธอจะไม่ยอมเสียเปรียบเด็ดขาด

เห็นกู้จิ้งทำท่าไม่สนใจเหมือนเคย เซียวเถี่ยเฟิงก็อดนึกขันไม่ได้ นับแต่คลอดลูกคนนี้ เธอก็เอาแต่บ่นพึมพำถึงลุงหัวล้านอะไรนั่น เขาเดาว่ามีความเป็นไปได้มากว่าลุงหัวล้านคนนั้นจะเป็นลูกหลานรุ่นหลังของเขากับกู้จิ้ง ซึ่งก็หมายความว่าเป็นลูกหลานของเด็กน้อยในอ้อมกอดของเขาเช่นกัน

บรรพบุรุษหน้าตาเหมือนลูกหลานไม่ใช่เรื่องปกติหรอกหรือ มีอะไรต้องเสียใจกัน? เอ๋ ดูเหมือนจะไม่ถูกต้องนัก ต้องบอกว่าลูกหลานเหมือนบรรพบุรุษต่างหาก

ส่วนเรื่องหัวล้าน เซียวเถี่ยเฟิงลูบหัวกลมๆ ไร้เส้นผมของบุตรชาย เด็กๆ ไม่มีผมกันทั้งนั้นไม่ใช่หรือ? ช้าเร็วก็ต้องมีผมงอกออกมาเองนั่นล่ะ

เซียวเถี่ยเฟิงมั่นใจในตัวบุตรชายมาก!

เซียวเถี่ยเฟิงรู้จักคนอย่างกู้จิ้งดี รู้ว่าเธองอนก็ปล่อยให้งอนไป อย่าไปสนใจเดี๋ยวก็หายเอง คิดแล้วเขาก็อุ้มทารกน้อยเดินไปเดินมาอยู่ในห้องต่อ เด็กน้อยน่ารักแบบนี้ดูอย่างไรก็ไม่พอเลยจริงๆ

“เฮ้อ… เจ้าดูสิว่าลูกของเราหน้าตาดีแค่ไหน ตานี่เหมือนเจ้ามาก เรียกได้ว่า…เรียกได้ว่าคิ้วโก่งดุจขุนเขา ดวงตาคมกริบราวจะตัดสายน้ำได้” เซียวเถี่ยเฟิงพยายามเค้นสมองครุ่นคิดอยู่นานกว่าจะสรรหาถ้อยคำที่สามารถบรรยายถึงความหน้าตาดีของลูกตัวเองออกมาได้ เขารู้สึกพอใจมาก ดังนั้นจึงหันไปโอ้อวดกับกู้จิ้งด้วยความภาคภูมิใจ

กู้จิ้งพยายามบังคับตัวเองไม่ให้หันไปมอง ในใจอดโมโหไม่ได้ “นายอยากตายรึไง ฉันเหมือนกับลุงหัวล้านตรงไหนกัน?”

ความเคียดแค้นในใจเธอแปรสภาพเป็นกรรไกร ตัดคำพูดของเซียวเถี่ยเฟิงจนขาดกระจุยเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

เซียวเถี่ยเฟิงเห็นกู้จิ้งนอนหลับตาอยู่บนเตียงแถมยังมีสีหน้าไม่ดีนักก็คิดว่าเธอเหนื่อย เขาจึงก้มลงพูดกับทารกน้อยเบาๆ ว่า “ลูกพ่อน่ารักที่สุดเลย ท่านแม่เหนื่อยแล้ว เจ้าก็เป็นเด็กดี เล่นกับพ่อ อย่าร้องไห้งอแงนะ”

ทารกน้อยเหมือนจะเข้าใจคำพูดของเซียวเถี่ยเฟิง เมื่อครู่แกยังส่งเสียงสะอึกสะอื้น แต่ยามนี้กลับเอาแต่เบิกตามองเขาเงียบๆ ด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็น

เห็นลูกทั้งว่าง่ายทั้งฉลาด อายุยังน้อยก็เข้าอกเข้าใจผู้อื่นเช่นนี้ เซียวเถี่ยเฟิงก็ดีใจนัก “สมเป็นสายเลือดตระกูลเซียวเรา อายุน้อยแค่นี้ก็รู้ความ โตขึ้นต้องไม่ธรรมดาแน่”

ทารกน้อยในอ้อมแขนขย่มตัวเบาๆ เซียวเถี่ยเฟิงยิ่งมองก็ยิ่งปลาบปลื้ม เขาก้มลงหอมแก้มทารกน้อยอย่างอดไม่ได้ บางทีอาจเป็นเพราะถูกตอหนวดแข็งๆ ทิ่มผิว เด็กน้อยก็เลยเบะปาก คิ้วเล็กๆ ขมวดแน่น ตั้งท่าจะร้องไห้

เซียวเถี่ยเฟิงเห็นเช่นนี้ก็ปวดใจนัก เขารีบเป่าแก้มให้แกเบาๆ พลางพูดปลอบว่า “เด็กดี เด็กดี พ่อไม่ดีเอง ทำให้เจ้าเจ็บใช่ไหม”

แต่เด็กน้อยยังคงขมวดคิ้วแน่น ริมฝีปากเบะ ท่าทางเหมือนอารมณ์ไม่ดีเอามากๆ เซียวเถี่ยเฟิงรีบพาแกเดินวนไปรอบๆ ด้วยความร้อนใจ ในใจก็แอบคิดว่าดูท่าคงจะเจ็บจริงๆ ต่อไปคงต้องโกนหนวดให้เกลี้ยงกว่านี้แล้ว

เซียวเถี่ยเฟิงเดินย่องไปที่ข้างเตียงแล้ววางทารกน้อยลงเบาๆ บนหน้าผากมีเหงื่อซึมออกมา “ไปล่าสัตว์ยังไม่เหนื่อยขนาดนี้เลย ไม่น่าเชื่อเลยว่าการอุ้มเด็กทารกคนหนึ่งต้องใช้แรงมากขนาดนี้”

เซียวเถี่ยเฟิงส่ายหน้าพลางยิ้มแหย เป็นพ่อคนไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ต่อให้ต้องเหนื่อยตายเขาก็เต็มใจ!

เด็กน้อยถูกเซียวเถี่ยเฟิงอุ้มเอาไว้นาน พอถูกวางลงบนเตียง แกก็เริ่มเตะเท้าน้อยๆ ไปมา มือทั้งสองถูกยกขึ้นเหนือศีรษะ ปากส่งเสียงอ้อแอ้ๆ

เห็นลูกอารมณ์ดีขึ้น เซียวเถี่ยเฟิงค่อยถอนใจโล่งอก ความรักของพ่อท่วมท้นหัวใจของเขา ชายหนุ่มเอื้อมมือไปเขี่ยฝ่าเท้าของลูกเบาๆ พลางพูดเสียงเบา “ลูกพ่อ ยิ้มหน่อย”

กู้จิ้งซึ่งนอนหันหลังให้เซียวเถี่ยเฟิงได้ยินเช่นนี้ จู่ๆ คำพูดประโยคหนึ่งก็ผุดขึ้นในสมอง ‘แม่หนู ยิ้มให้ป๋าหน่อย’

หยอกลูกแบบนี้ก็ได้ด้วยหรือ? ทำไมฟังเหมือนพวกจิ๊กโก๋ที่กำลังแซวสาวๆ ไม่มีผิด? ใช่แล้ว ประโยคต่อไปคืออะไรนะ รู้สึกจะเป็น ‘ถ้าไม่ยิ้ม ป๋าจะทำให้เธอยิ้มเองนะ’

ไม่ผิดจากที่คาด กู้จิ้งได้ยินเสียงทุ้มต่ำของเซียวเถี่ยเฟิงพูดต่อด้วยน้ำเสียงแสร้งโมโห “ลูกรัก ถ้าเจ้าไม่ยิ้ม พ่อจะทำให้เจ้ายิ้มเองนะ”

ทำไมจู่ๆ อะไรๆ ถึงได้แปลกไปนะ? กู้จิ้งตะลึงงัน หรือว่าจะเริ่มต้นจากลุงหัวล้านนี่?

“ฮะๆๆๆ…” เสียงหัวเราะสดใสของทารกน้อยทำให้หัวใจของกู้จิ้งกระตุกวูบ เสียงหัวเราะนี้กระแทกเข้าสู่ส่วนที่อ่อนไหวที่สุดในหัวใจของเธอ ถึงจะไม่พอใจ แต่แกก็เป็นลูกในไส้ของเธอ เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเธอ

กู้จิ้งฉวยโอกาสที่พลิกตัวแอบหรี่ตามองทารกน้อยแวบหนึ่ง เด็กน้อยก็บังเอิญหันมามองเธอพอดีเหมือนมีใจตรงกัน

ดวงตาดำขลับกับผิวขาวอมชมพูทำให้หัวใจของกู้จิ้งอ่อนยวบ ถึงจะมีใบหน้าเหมือนลุงหัวล้าน แต่ก็ดูดีกว่ามาก!

ความหวังผุดขึ้นในหัวใจของกู้จิ้ง เธออยากขยับไปดูใกล้ๆ แต่ก็กลัวเสียหน้า ดังนั้นจึงได้แต่แอบมองอยู่ห่างๆ

เซียวเถี่ยเฟิงซึ่งแอบสังเกตสีหน้าของกู้จิ้งอยู่แอบหัวเราะอยู่ในใจ จากนั้นเขาก็แสร้งหันไปพูดกับทารกน้อยว่า “เด็กดี น้ำแกงไก่ใกล้จะเคี่ยวเสร็จแล้ว พ่อจะไปดูหน่อย เดี๋ยวค่อยกลับมาเล่นกับเจ้านะ”

พูดจบเขาก็เดินออกไปที่ห้องครัว แต่ปากยังจงใจพูดเสียงดังให้กู้จิ้งได้ยินว่า “ออกไปเดี๋ยวเดียวคงไม่เป็นไร เจ้าหนูยังพลิกตัวไม่ได้ คงไม่ตกเตียงหรอก”

เห็นเซียวเถี่ยเฟิงออกไป กู้จิ้งก็รีบขยับไปแอบดูตรงหน้าต่าง เห็นเงาหลังของเขาลับหายเข้าไปในห้องครัว เธอก็รีบเดินไปหาลูกแล้วพิจารณาดูใบหน้าของแกอย่างละเอียด

ดวงตาเล็กๆ สันจมูกโด่ง ริมฝีปากแสนน่ารัก… ที่แท้ลุงหัวล้านก็ดูดีขนาดนี้!

เด็กน้อยเบิกตามองกู้จิ้งด้วยความอยากรู้อยากเห็น กู้จิ้งดีใจมาก เธอรีบก้มลงไปจูบศีรษะของแกเบาๆ “ที่แท้เวลาเบิกตาโตก็ไม่ค่อยเหมือนลุงหัวล้านสักเท่าไหร่”

ลุงหัวล้านเป็นคนตาหยี

บางทีเด็กน้อยอาจจะอยากรู้อยากเห็น หรือไม่ก็ได้กลิ่นนม แกจึงหันมามองกู้จิ้งตาไม่กะพริบ

ดวงตาสุกใสคู่นั้นทำให้หัวใจของกู้จิ้งละลายเป็นน้ำ ความรู้สึกอบอุ่นแผ่ซ่านอยู่ในอก เธออุ้มเด็กน้อยขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ร่างเล็กๆ นุ่มๆ ซบหน้าแนบอกเธอด้วยความไว้วางใจ นี่เป็นลูกของเธอกับเซียวเถี่ยเฟิง… ความรู้สึกที่แสนอัศจรรย์บางอย่างผุดขึ้นในใจของกู้จิ้ง

บางทีอาจเป็นเพราะได้กลิ่นหอมของนมจากอกของมารดา เด็กน้อยก็เลยโก่งตัวเข้าซุกอกเธอเหมือนลูกหมู

กู้จิ้งหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ เธอตบก้นกลมๆ ของแกเบาๆ “ใจร้อนจริงๆ ไม่เหมือนกับพ่อสักนิด!”

เธอวางทารกน้อยลงบนเตียงแล้วขยับตัวลงนอนตะแคง ป้อนนมให้แกด้วยท่วงท่าที่ทำให้แกรู้สึกสบายที่สุด กู้จิ้งใช้มือข้างหนึ่งประคองศีรษะของลูกเอาไว้ แววตาของเธออ่อนโยนลง ปากเผลอร้องเพลงกล่อมเด็กออกมาเบาๆ โดยไม่รู้ตัว เราไม่เหมือนกัน… ไม่เหมือนกัน… ไม่เหมือนกัน…

ใบหน้าของกู้จิ้งเปล่งประกายอ่อนโยน ช่วงที่อยู่เดือนเธอฟื้นตัวได้ดี ใบหน้าจึงเป็นสีชมพูเปล่งปลั่ง ร่างทั้งร่างยิ่งดูน่าหลงใหล ทารกน้อยกินนมเสร็จก็กำมือน้อยๆ เป็นกำปั้นแล้วยืดตัวบิดขี้เกียจ กู้จิ้งอุ้มแกขึ้นมา จับศีรษะน้อยๆ พาดไว้บนบ่าแล้วลูบหลังให้

เด็กน้อยเรอออกมาครั้งหนึ่ง แล้วก็อีกครั้งหนึ่ง ดูสบายเอามากๆ

“ลูกแม่ เจ้าต้องกินเยอะๆ โตเร็วๆ บำรุงร่างกายให้ตาโตๆ แบบนี้ถึงจะดูไม่เหมือนลุงหัวล้าน ลูกหลานก็จะมีพื้นฐานยีนที่ดี!”

กู้จิ้งตบหลังให้แกไปพลางพึมพำไปพลาง

รอจนเด็กน้อยเรอเสร็จ กู้จิ้งค่อยวางแกลงบนเตียง มองดูแกนอนหลับอย่างมีความสุข เธอก็อดยิ้มไม่ได้

มองออกไปนอกหน้าต่าง เธอรู้ว่าเวลานี้ผู้ชายคนนั้นคงกำลังยุ่งอยู่กับการเคี่ยวน้ำแกงให้เธอ เขาเป็นคนเก่งมาก เรียกได้ว่าอยู่บนหลังม้าก็รบเป็น ลงจากหลังม้าก็เลี้ยงลูกได้ เข้าครัวก็รู้จักต้มโจ๊กเคี่ยวน้ำแกง แถมยังเป็นยอดฝีมือในการล่าสัตว์! ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ว่าจะประสบพบเจอกับเรื่องแปลกประหลาดอะไร เขาก็สามารถทำความเข้าใจได้อย่างรวดเร็วเสมอ!