“ไม่ใช่คนของวิหารมารโลหิตเราแล้วยังไง? ข้าแค่ทนดูพวกเจ้ารังแกคนเช่นนี้ไม่ได้! จวินอู๋ไปล่วงเกินอะไรพวกเจ้า? พวกเจ้าก็แค่อิจฉาที่จวินอู๋ได้คำเชิญจากทั้งสิบสองวิหาร คิดว่าตัวเองเป็นใคร? พวกเจ้าแค่โชคดีพอจะได้รับเลือกจากวิหารแห่งเดียวและวิ่งไปเกาะขาพวกเขาเหมือนสุนัข แค่นั้นพวกเจ้าก็ดีใจกันแล้วหรือ? พวกเจ้ามีใครได้รับคำเชิญจากวิหารทั้ง 12 แห่งบ้าง? พวกเจ้ามีตัวเลือกอื่นกันไหมล่ะ? ถ้าสู้คนอื่นไม่ได้ ก็ไม่ควรเที่ยวรังแกคนแบบนี้ หรือนั่นคือความสามารถทั้งหมดของพวกเจ้าล่ะ?” หลินเฮ่าอวี่ด่าผู้เยาว์พวกนั้นเสียงดังฟังชัด ทำให้คนอื่นๆที่อยู่ในห้องบนชั้นนั้นพากันออกมา พวกคนที่อยากรู้อยากเห็นต่างโผล่หัวออกมาจากประตูและดูการแสดงต่อไป
ผู้เยาว์พวกนั้นโกรธจนหน้าเขียวหลังจากได้ยินคำพูดของหลินเฮ่าอวี่ แม้ว่าสิ่งที่หลินเฮ่าอวี่พูดจะระคายหูอย่างมาก แต่มันก็จี้ใจดำพวกเขาอย่างจัง เหตุผลที่พวกเขาทำตัวน่ารังเกียจกับจวินอู๋ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพวกเขาอิจฉาเจ้าหมอนี่จริงๆ
แต่ถึงแม้คำพูดนั้นจะเป็นความจริง มันก็ไม่ได้ช่วยหยุดความเกลียดชังที่พวกเขามีต่อจวินอู๋เสียเลย กลับทำให้พวกเขารู้สึกอัปยศอดสูที่ถูกเปิดโปงจนกลายเป็นความโกรธ!
“หลินเฮ่าอวี่! ระวังปากเจ้าไว้หน่อยจะดีกว่า! ใครจะอิจฉาเจ้าเศษขยะนี่กัน!? มันได้รับคำเชิญจากทั้งสิบสองวิหารแล้วยังไง? สุดท้ายก็จบลงที่วิหารหยกวิญญาณบัดซบนั่นไม่ใช่หรือ? แล้วก็ต้องกลายมาเป็นภารโรงไร้ประโยชน์ในสำนักธาราเมฆนี่ สำนักธาราเมฆยังไม่สนมันสักนิด แล้วเจ้าจะกระโจนออกมาทำตัวเป็นวีรบุรุษไปทำไม!?” ผู้เยาว์พวกนั้นโกรธจัดจนใบหน้าแดงก่ำ พวกเขาเถียงโดยไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย
“เจ้ารู้ได้ยังไงว่าสำนักธาราเมฆไม่สนใจเขา? ทางสำนักอาจจะเตรียมการพิเศษอะไรบางอย่างให้จวินอู๋ก็ได้ พวกเจ้าคิดจริงๆหรือว่าพวกเจ้ารู้ถึงการตัดสินใจของสำนัก? พวกเจ้ากำลังเทียบตัวเองกับจวินอู๋หรือ? พลังกระจอกๆอย่างเจ้าไม่ดีพอจะเอามาอวดใครที่นี่หรอก! จวินอู๋เป็นคนจากเผ่าจ้าววิญญาณเพียงคนเดียวของอาณาจักรกลาง พวกเจ้าเป็นใครถึงได้เอาตัวเองไปเทียบกับเขา!?” หลินเฮ่าอวี่เย้ยหยันด้วยลิ้นพิษของเขา
ทั้งสองฝ่ายยืนเถียงกันอยู่กลางทางเดิน หลินเฮ่าอวี่ปกป้องจวินอู๋เสียทุกคำ แต่คำพูดของเขาล้วนระคายหูอย่างมาก แม้แต่พวกผู้เยาว์ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ก็เริ่มไม่พอใจจวินอู๋เสียหลังจากได้ยินคำพูดยโสโอหังจนเกินรับของหลินเฮ่าอวี่
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนที่ไม่ชอบจวินอู๋เสียอยู่ก่อนแล้วเลย
“เจ้าพูดอะไร? เป็นคนเผ่าจ้าววิญญาณแล้วมันพิเศษมากนักหรือ? เป็นเผ่าหายากแล้วทำให้สูงส่งนักหรือไง? เขาเลือกวิหารหยกวิญญาณเอง แล้วตอนนี้พวกเราอยู่ในสำนักธาราเมฆ เขาก็เลยไปเกาะขาทองคำของวิหารมารโลหิตงั้นซิ ถุย!”
การโต้เถียงเกี่ยวกับจวินอู๋ได้มาถึงจุดที่เลวร้ายกว่าที่เคยเป็นแล้ว
คำโต้เถียงของหลินเฮ่าอวี่ไม่เพียงไม่ช่วยเปลี่ยนแปลงอะไรให้จวินอู๋เสีย แต่กลับทำให้นางตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายมากขึ้น
เมื่อการโต้เถียงสิ้นสุดลง หลินเฮ่าอวี่กับผู้เยาว์พวกนั้นแยกย้ายกันไป พวกผู้เยาว์ที่ดูเหตุการณ์อยู่ด้านข้างก็พากันหันหน้าไปมองจวินอู๋เสีย
ท่ามกลางเสียงทะเลาะดังลั่น จวินอู๋เสียกลับทำเหมือนคนที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับการโต้เถียงของพวกเขาเลย นางแค่ทำความสะอาดกองขยะที่หน้าห้องของนางอย่างเงียบๆโดยไม่สนอะไรทั้งนั้น
แต่สายตาที่จ้องมองจวินอู๋เสียเริ่มไม่เป็นมิตรมากขึ้น เป็นสายตามุ่งร้ายอย่างที่ไม่สามารถชัดเจนไปมากกว่านี้ได้แล้ว
จวินอู๋เสียไม่สนสายตาที่จ้องมองมาแม้แต่น้อย นางเปิดประตูและเดินเข้าไปในห้องอย่างเงียบๆ ปิดกั้นเสียงด่าทอสาปแช่งจากผู้คนข้างนอกนั่น
ในขณะเดียวกัน หลังจากเลี้ยวตรงมุมไปแล้ว ใบหน้าของหลินเฮ่าอวี่ที่แสร้งทำเป็นโกรธก็เผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมาทันที