ทหารซากศพทั้งสี่พุ่งเข้าไปยืนอยู่ตรงหน้าผังเซี่ยงหมิง พวกมันทุกตัวต่างปลดปล่อยกลิ่นอายความชั่วร้ายออกมาราวกับปีศาจที่ปีนป่ายขึ้นมาจากขุมนรก
“ก็แค่ซากศพไม่กี่ตัว คิดว่าพวกมันจะคุกคามข้าได้?” ผังเซี่ยงหมิงแสยะยิ้ม สัญลักษณ์พระจันทร์บนหน้าผากของเขาส่องสว่างพร้อมกับฝ่ามือที่เคลื่อนไหวราวกับเริงระบำ ทันใดนั้นทหารซากศพทั้งสี่ก็ถูกตรึงร่างเอาไว้อีกครั้ง
“จงแตกสลาย!” ผังเซี่ยงหมิงคำราม ทันใดนั้นมือและแขนของทหารซากศพก็ถูกตัดขาด
แข็งแกร่ง!
ต้องรู้ก่อนว่าร่างของทหารซากศพนั้นถูกหลอมกลั่นจนมีความทนทานเทียบได้กันแร่เหล็กในระดับเดียวกัน มันไม่อาจถูกทำลายได้ง่ายๆ
แม้ทหารซากศพของผังเซี่ยงหมิงจะไม่ใช่ทหารซากศพที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่ทหารซากศพระดับบุปผาผลิบาน แต่การที่ผังเซี่ยงหมิงสามารถฉีกกระชากมือและเท้าของมันให้หลุดได้ในทันทีก็นับว่าไม่ใช่เรื่องปกติ
“บัดซบ!” ซือทู่ย่าวคำรามและสั่งให้ทหารซากศพโจมตีอีกครั้ง อีกอย่างทหารซากศพก็ไม่มีความเจ็บปวดอยู่แล้ว แค่สูญเสียแขนหรือขาไปไม่ได้ส่งผลกระทบใดๆต่อพลังต่อสู้ของมัน
ซือทู่ย่าวเองก็เข้าร่วมต่อสู้เพื่อจัดการกับผังเซี่ยงหมิง
“ผังเซี่ยงหมิงสมควรจะเป็นฝ่ายชนะใช่ไหม?” จูเสวียนเอ๋อถามหลิงฮัน
หลิงฮันพยักหน้าและพูด “ถ้าซือทู่ย่าวไม่มีไพ่ลับอื่น ผังเซี่ยงหมิงต้องเป็นฝ่ายชนะอย่างไม่ต้องสงสัย”
หลังจากปะทะกันไปหลายสิบกระบวนท่า ทหารซากศพทั้งสี่ก็ถูกตรึงร่างเอาไว้อีกครั้งทำให้ซือทู่ย่าวต้องรับศึกหนัก แต่ผังเซี่ยงหมิงยังไม่ทันจะลงมือสังหาร ซือทู่ย่าวก็ล่าถอยกลับไปรวมตัวกับศิษย์นิกายพันศพคนอื่นๆและกระอักเลือดออกมา
“ฮ่าๆ ศิษย์น้องสิบเจ็ด ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่มีโอกาสได้รับร่างของหมอนั่นเป็นผู้ติดตามเสียแล้ว” ชายหนุ่มชุดดำหัวเราะลั่นและเดินออกมา “ข้าเปียนฮ่าว ศิษย์ลำดับที่สิบสี่”
ผังเซี่ยงหมิงมองไปยังชายหนุ่มชุดดำและพูด “ข้าจะต่อให้เจ้าสามกระบวนท่า!”
“เจ้าหนู เจ้าไม่ต้องการตำแหน่งออกจากเมืองสิบคนรึไง?” ไป๋หยวนพูดแทรก
“ไม่!” ผังเซี่ยงหมิงปฏิเสธอย่างไม่ลังเล
‘บัดซบ นี่เจ้าบ้าไปแล้วรึไง!’
ผู้คนมากมายอุทานในใจ เจ้าอยากจะสู้ต่อก็อย่าลากพวกข้าเข้าไปเกี่ยวด้วยสิ! มีแต่พวกสมองเพี้ยนเท่านั้นแหละที่จะสู้กันจนตกตายกันที่นี่!
หลิงฮันยิ้ม ผังเซี่ยงหมิงผู้นี้คุณสมบัติเพียงพอที่เขาจะทำให้เขายอมยื่นมือเข้าไปช่วย
“โอ้ในเมื่อเจ้าเลือกรับตำแหน่งสิบคนก็แล้วแต่เจ้า” ไป๋หยวนยิ้ม
ผังเซี่ยงหมิงยังไม่ลงมือ เขาชี้นิ้วไปยังเปียนฮ่าวและพูด “ข้าจะจัดการเจ้า!”
“สังหารข้า? เจ้าไม่มีคุณสมบัติเพียงพอ!” เปียนฮ่าวหัวเราะ มันมีพลังบ่มเพาะอยู่ที่ระดับบุปผาผลิบานขั้นสี่ ซึ่งสูงกว่าซือทู่ย่าว แต่ประเด็นสำคัญไม่ใช่ตรงนั้น สำหรับนิกายพันศพ สิ่งสำคัญคือจำนวนของทหารซากศพและความแข็งแกร่งของทหารซากศพเหล่านั้นต่างหาก
‘ปัง’ เกิดเสียงเสียดสีบางอย่างขึ้นพร้อมกับปรากฏโลงศพที่กำลังเคลื่อนที่เข้ามา ‘ปัง’ ภายในโลงเหล่านั้น ทหารซากศพสี่ตัวกระโดดออกมา แน่นอนว่าพวกมันทั้งหมดคือทหารซากศพระดับเงิน หากไม่มีโลงศพสามชีวิต ทหารซากศพก็ไม่อาจมีพลังต่อสู้เกินกว่าเจ้าของได้
เรื่องนี้ทำให้เห็นว่าโลงศพสามชีวิตนั้นน่ากลัวขนาดไหน
ผังเซี่ยงหมิงไม่หวาดหวั่นและพุ่งโจมตีใส่เปียนฮ่าว แต่ทันใดนั้นทหารซากศพสี่ตัวก็พุ่งมารับการโจมตีแทน มือขนาดใหญ่ของพวกมันทำให้เกิดคลื่นลมที่รุนแรง
เห็นได้ชัดว่าซากศพทั้งสี่นี้แข็งแกร่งกว่าของซือทู่ย่าว
“บางทีพลังต่อสู้ของพวกมันจะเป็นสิบสามดาว” หลิงฮันพยักหน้า
“ไม่น่าเชื่อ!” จูเสวียนเอ๋ออุทานออกมา
หลังจากจอมยุทธตกตายแล้ว สิ่งที่เหลืออยู่ก็จะมีแค่ซากศพ แม้ว่าจะนำซากศพเหล่านั้นไปหลอมกลั่นพลังต่อสู้ของทหารซากศพก็จะขึ้นอยู่กับพลังต่อสู้ของเจ้าของเดิม ดูเหมือนว่าเจ้าของร่างของทหารซากศพเหล่านี้ตอนมีชีวิตอยู่จะเป็นจอมยุทธที่แข็งแกร่งไม่น้อย
และด้วยการร่วมมือกันของทหารซากศพทั้งสี่ ทำให้ผังเซี่ยงหมิงถูกกดดันจนไม่สามารถหาโอกาสโจมตีเปียนฮ่าวได้
‘ฉัวะ!’
ข้อมือของผังเซี่ยงหมิงปรากฏโลหิตไหลทะลักในขณะที่เปียนฮ่าวยืนถือมีดที่ถูกเคลือบด้วยโลหิตอยู่ มันแลบลิ้นเลียโลหิตบนใบมีดและแสดงท่าทางกระหายเลือดออกมา
เป็นเปียนฮ่าวที่สร้างบาดแผลให้กับผังเซี่ยงหมิง แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นการลอบโจมตี เพราะสำหรับนิกายพันศพ ทหารซากกับนับว่าเป็นพลังอย่างหนึ่งของผู้ใช้ ซึ่งทหารซากศพจะทำหน้าที่กดดันผังเซี่ยงหมิงและสร้างโอกาสให้เปียนฮ่าวโจมตี
“ฮ่าๆๆๆ!” เปียนฮ่าวหัวเราะ “เจ้าถูกพิษซากศพของข้าแล้ว มีเพียงแค่ยอมศิโรราบเท่านั้นถึงจะทำให้เจ้ารอดชีวิต ไม่เช่นนั้นแล้วพิษซากศพจะค่อยๆกัดเซาะร่างของเจ้าอย่างช้าๆและเปลี่ยนเจ้าเจ้าให้กลายเป็นซากศพที่รู้จักเพียงแต่การฆ่าฟัน”
“ฮึ่ม!” ผังเซี่ยงหมิงเมินเฉยคำพูดของเปียนฮ่าวและทะยานร่างกลับไปในเมือง เขานั่งลงและนำขวดเม็ดยาออกมาจากแหวนมิติ จากนั้นเมื่อดลืนเม็ดยาขนาดเท่าถั่วเหลืองเข้าไป ผังเซี่ยงหมิงก็โคจรปราณก่อเกิดชักนำให้ฤทธิ์ยาขับไล่พิษซากศพออกไป
“โง่งม!” เปียนฮ่าวแสยะยิ้มดูถูกในขณะที่มองไปยังประตูเมือง “ยังมีใครต้องการสู้กับข้าอีกบ้าง?”
ทุกคนจ้องมองไปยังซวนหยวนจื่อกวง รุ่นเยาว์ผู้นี้คือสุดยอดอัจฉริยะที่มีศักยะภาพเหนือว่าย่าวหุยเยว่และอัจฉริยะคนอื่นๆ รวมทั้งยังมีพลังบ่มเพาะสูงถึงระดับบุปผาผลิบานขั้นเก้า
ถ้าซวนหยวนจื่อกวง ลงมือ ชัยชนะจะต้องเป็นของเขาแน่นอน
ซวนหยวนจื่อกวงแสดงท่าทีองอาจออกมา เขาไม่ต้องการให้เรื่องนี้จบไวนักถึงได้รอโอกาสลงมืออย่างเฉิดฉายที่สุด ในเมื่อตอนนี้ในเมืองหมื่นสมบัติไม่มีรุ่นเยาว์คนใดที่แข็งแกร่งไปกว่าเขาแล้ว งั้นก็ถึงเวลาที่จะได้ลงมือให้มันจบๆไปเสียที
ซวนหยวนจื่อกวงยิ้มให้กับเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนและพูด “การต่อสู้ครั้งนี้เพื่อเจ้า!”