SPH:บทที่ 70 ผู้วิเศษ
เย่หยูมองไปที่ผู้วิเศษหลิวซึ่งยอมถอดใจ แล้วหัวเราะเบาๆ พลางกล่าวว่า “ในเมื่อคุณทำนายไม่ได้ งั้นให้ผมทำเถอะนะ”
ผู้วิเศษหลิวสูดหายใจเข้าลึกๆ และฝืนให้กำลังใจตัวเอง เขามองเย่หยูแล้วกล่าวว่า “เอาเลย ฉันไม่เชื่อว่านายจะทำนายฉันได้”
เพราะเป็นศิษย์ของพรรคหกสวรรค์จันทรา ต่อให้ผู้วิเศษหลิวตบตาเขาได้ เขาก็ยังทำนายได้แน่นอน
หมอดูทั้งหลายนั้น พวกเขาไม่มีกฎเป็นลายลักษณ์อักษร เมื่อทำนายอีกฝ่าย พวกเขาจึงต้องปกปิดไอร่างเพื่อกันไม่ให้สวรรค์ที่กำลังตามหาตัวเขาอยู่ล่วงรู้ ดังนั้นผู้วิเศษหลิวจึงเชื่อว่าเด็กมัธยมปลายธรรมดา ๆ จะไม่สามารถทำนายดวงชะตาของเขาได้แน่
การประลองนี้อาจพูดได้ว่าเสมอ เทียบกับการพ่ายแพ้แล้ว การที่เย่หยูจะได้เปิดโปงว่าลู่ซิงซินถูกหลอกลวงนั้นดีกว่ามากนัก
“เจ้าหนู อยากให้ฉันเขียนอักษรหนึ่งตัวให้นายหรืออยากได้เงินสักสองสามเหรียญ”
ผู้วิเศษหลิวสงบใจลง ยกมือขึ้นลูบหนวดพลางกล่าวอย่างชิงชัง เย่หยูโบกมือและกล่าวเสียงเรียบว่า “ผมไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น มีแต่หมอดูชั้นต่ำที่ต้องอาศัยของแบบนี้”
ผู้วิเศษหลิวรู้สึกเจ็บแปลบตรงปลายค่าง เมื่อหนวดของเขาถูกดึงออกไปสองสามเส้น โอหังมากเกินไปแล้ว! ในโลกของการทำนายชะตา ผู้วิเศษหลิวไม่เคยได้ยินคำพูดแบบนี้มาก่อน เขามองไปที่เย่หยูพร้อมแสยะยิ้มกล่าวกับเย่หยูด้วยสายตาเกลียดชังว่า “นายนี่ปากกล้าจริงๆ ฉันอยากเห็นเหมือนกันว่าจะทำนายด้วยวิธีไหนถ้าไม่ใช้ของพวกนี้”
เย่หยูไม่ใส่ใจคำพูดไร้สาระของผู้วิเศษหลิว ดวงตาเป็นประกายจ้าและจ้องมองอีกฝ่ายตรงๆ ตั้งแต่ได้รับพรสวรรค์ด้านการทำนายมาก เย่หยูก็ไม่เคยได้ปลดปล่อยพลังไฟอย่างเต็มที่ วันนี้เขาจะพยายามใช้สิ่งนี้กับผู้วิเศษหลิว
วูบ!
เหมือนมีพายุพัดผ่านความคิดของเย่หยู และในสายตาของเขาทั้งโลกเปลี่ยนไป ท้องฟ้าที่เคยเป็นสีฟ้าสดใกลายเป็นสีแดงฉานแต่งแต้มด้วยจุดสีดำ มีสายฟ้าฟาดจกท้องฟ้าเป็นระยะ รูปแบบเปลี่ยนแปลงไปไม่หยุดยั้งและบางครั้งมันเปลี่ยนเป็นเหมือนลูกบอล ภายใต้ท้องฟ้าสีเลือด มันเหมือนดวงตาสวรรค์ เมื่อก้มลงมอง พื้นที่รอบๆ ดูราวกับมันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ รูปแบบต่างๆ พยายามเข้ามาอยู่ในสมองของเย่หยู
เย่หยูทำหน้านิ่วและหันไปมองผู้วิเศษหลิว ในยามนั้น อีกฝ่ายไม่ได้มีความลับใดๆ ในสายตาของเย่หยู เวลาผ่านไป และเย่หยูมองเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นในอดีต
วูบ!
หลังปรากฎการณ์แปลกประหลาดผ่านไป เย่หยูอดตัวสั่นไม่ได้ ความคิดของเขาว่างเปล่าเล็กน้อย และเขาต้องใช้เวลาพักใหญ่ในการกลับคืนดังเดิม เขารู้ว่าในใจเขาในครั้งนี้นั้น เขาจะต้องอยู่เงียบๆ พักใหญ่ก่อนจะใช้การคำนวนขั้นสุดยอด
โดยไม่เสียใจแม้สักนิด แต่ใจของเย่หยูก็ตระหนกมากขึ้น เขาตกใจในวิธีการคำนวนของการคำนวนขั้นสุดยอด และในแบบที่เขามองไปยังสิ่งต่างๆ ตอนนี้ เหมือนกับเซียน
สำหรับผู้วิเศษหลิวแล้ว เขาดูเหมือนเสียสติ ใบหน้าเผือดขาวราวคนตาย และทั้งร่างสั่นระริกไปหมด เขาเหมือนลูกแกะที่อยู่ในปากเสือ กำลังเผชิญกับความเป็นและความตาย
ก่อนหน้านี้ภายใต้สายตาของเย่หยู ผู้วิเศษหลิวก็ดูเหมือนจะเข้าใจจนได้ และความคิดของเขาว่างเปล่าในทันที
ราวกับวิญญาณของเขาหลุดลอยออกจากร่าง ทั้งร่างเย็นเฉียบดุจน้ำแข็ง ราวกับเขาตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง ความกลัวอย่างมหาศาลพลุ่งขึ้นมาในใจ ราวกับหิมะที่ต้องแสงอาทิตย์เจิดจ้า และต้องระเหยไปในอากาศ
ผ่านไปเนิ่นนาน ผู้วิเศษหลิวก็ถอนใจยาว มองไปที่เย่หยูด้วยสีหน้าพรั่นพรึงสุดขีด และกล่าวเสียงสั่นว่า “นาย นายทำอะไรลงไป”
ในยามนี้ เย่หยูกลับคืนมาเป็นดังเดิมได้มากแล้ว เขาข่มความตกใจลงไปและหัวเราะออกมาเบาๆ “ผมกำลังทำนายคุณอยู่ไง”
มุมปากของผู้วิเศษหลิวสั่นระริก เขาแอบก่นด่าในใจ เจ้ามันปีศาจร้ายชัดๆ ทำนายอะไรกัน นำฉันไปส่องดูจนทั่วเหมือนส่องด้วยกล้องจุลทรรศน์ ความรู้สึกนี้เป็นสิ่งที่ผู้วิเศษหลิวไม่อยากพบเจออีกต่อไป มันน่ากลัวเกินไปแล้ว
“งั้นนายทำนายอะไรได้บ้าง” ถึงจะกลัว แต่ผู้วิเศษหลิวก็ยังอยากรู้ เย่หยูรู้เรื่องอะไรของเขาบ้างนะ
ผู้วิเศษหลิวมองเย่ยูด้วยสายตาหวั่นเกรง ยามนี้เองที่เขารู้ตัวว่าประเมินค่าหนุ่มน้อยคนนี้ต่ำเกินไป เหล่าคนมุงทั้งหลายพากันเงียบเสียงลง และทุกคนหากันเมินมองไปทางอื่น เพราะก่อนหน้านี้ ถึงแม้เย่หยูจะไม่ได้ปรายตามองมาทางพวกเขา แต่ความสั่นสะเทือนจากการจ้องมองของเขา ก็ไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนจะต้านทานได้
การกระทำของเย่หยูกระทบใจของลู่ซิงซินมากที่สุด ในตอนแรก เธอหวาดกลัวอย่างที่สุด แต่ต่อมา สงบใจลงได้ภายใต้การปกป้องของเย่หยู หัวใจของลู่ซิงซินนั้นบรรยายได้ด้วยคำเพียงคำเดียวว่า “เหมือนนั่งรถไฟเหาะ”
ภายใต้สายตาที่มองอย่างอยากรู้อยากเห็นของผู้วิเศษหลิวและกลุ่มคน เย่หยูบอกสิ่งที่เขาทำนายไว้อย่างช้า
“หลิวหมิงเต๋อ วัย 67 ปี เสียพ่อแม่ไปตอนอายุสามขวบ ทำให้เขาต้องนอนข้างถนนและมีคนรับเอาไปเลี้ยง เขาอยู่ในที่ห่างไกลจนอายุสิบแปด เมื่อนักพรตเต๋าคนนั้นตายไป เขาก็ยึดกิจการของนักพรตเต๋าคนนั้นมา”
เมื่อเย่หยูได้ยินแบบนี้ เขาก็หยุดไปครู่ใหญ่และเหลือบมองผู้วิเศษหลิว ในยามนั้น ผู้วิเศษหลิวถึงกับอึ้งสนิท ดวงตาเบิกกว้างขณะมองเย่หยูด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ
มันไม่ใช่เพราะเย่หยูทำนายผิด แต่เพราะเขาแม่นยำจนเกินไป ในสายตาของผู้วิเศษหลิว ไม่เคยมีใครก้าวถึงระดับทำนายแบบเต๋าได้อย่างละเอียดแบบนี้มาก่อน ชายผู้นี้คือผู้หยั่งรู้อย่างแท้จริง
“ในอีกสิบปีข้างหน้า หลิวหมิงเต๋อท่องทั่วเมืองจีน โดยใช้การพยากรณ์เป็นเครื่องบังหน้าและทำการหลอกลวง เขาอยู่ในที่ซอมซ่อ กินไม่อิ่ม และปกปิดร่องรอยไม่ได้”
พอจบคำพูดของเย่หยู ทุกสายตาของกลุ่มคนดูก็เปลี่ยนไปเมื่อหันมามองผู้วิเศษหลิวอีกครั้ง จากการนับถืออย่างไม่ลืมหูลืมตาเริ่มกลายเป็นแววตาแห่งการโกรธแค้นที่ถูกหลอกลวง ผู้วิเศษหลิวได้ลิ้มรสชาติการตกจากสวรรค์สู่นรกแล้ว
“ถ้าเราทำตามเส้นโคจรนี้ หลิวหมิงเต๋อจะสร้างความวุ่นวายไม่ได้แน่ แต่เขากลับจ้างคนมาช่วยกันจัดฉาก”
หลังเย่หยูกล่าวคำนี้ เขาก็เหลือบมองผู้วิเศษหลิว ใบหน้าที่นิ่งสงบนั้นกลายเป็นแตกตื่นอย่างสุดชีวิต ราวกับประโยคเหล่านั้นแทงตรงเข้าสู่ก้นบึ้งหัวใจของเขา
เย่หยูยกยิ้มนิดนึง นั่นมาจากคัมภีร์อักษรสวรรค์ทั้งหก ไม่จำเป็นต้องวิตกเลยนี่นา
“หลังจากนั้น หลิวหมิงเต๋อก็ใช้คนมาจัดฉากเหล่านั้นสร้างชื่อและตั้งสมญาให้ตัวเองว่าผู้วิเศษหลิว แต่เขาไม่ได้ใช้โอกาสนั้นเดินไปในเส้นทางแห่งคุณธรรม”
เย่หยูมองหลิวหมิงเต๋ออย่างเย็นชาและตวาดเสียงแข็งว่า “หลิวหมิงเต๋อ อยากให้ผมบอกไหมว่าคุณหลอกลวงเงินทองมามากน้อยแค่ไหน ผู้หญิงกี่คนที่ถูกคุณเอาเปรียบ”
พอหลิวหมิงเต๋อได้ยินคำนี้ เขารู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าฟาดใส่ ใบหน้าซีดเผือดและผงะถอยหลังไปสองสามก้าวก่อนกล่าวอย่างขมขื่นว่า “ผมผิดพลาดไปแล้ว ผมยอมรับความพ่ายแพ้ ผมเป็นคนโกหก”
เมื่อคนที่มุงดูได้ยินคำนี้ ทุกคนก็ก่นด่าหลิวหมิงเต๋ออย่างโกรธจัด
“เจ้าคนโกหกสารเลว เราคิดว่าเขาเป็นเซียนเดินดินจริง”
“เจ้าคนโกหก คืนเงินมานะ”
“เอาบัตรเครดิตทองของฉันคืนมา”
“เจ้าคนนี้น่ารังเกียจนัก แกยังอยากฉวยโอกาสกับสาวงามคนนี้ด้วย น่าทุเรศเสียจริง ฉันอยากรู้ว่าแกอายุเท่าไหร่แล้ว”
++++++++++++++++++++
หลังก่นด่าหลิวหมิงเต๋อ ทุกคนหันมามองเย่หยูด้วยแววตาเลื่อมใส หนุ่มน้อยคนนี้เปิดโปงความชั่วของผู้วิเศษหลิวได้
“น้องชาย นายวิเศษจริง ๆ นายต่างหากที่เป็นเซียนเดินดิน”
“ใช่แล้วน้องชาย ไม่ ท่านเซียนเดินดิน ทำนายให้ผมด้วย ผมจะให้เงินคุณ”
“ท่านเทพน้อย ทำนายชะตาการแต่งงานห้ฉันได้ไหม จะตรวจกระดูกของฉันก็ได้นะ”
พอเห็นกลุ่มคนที่กระตือรือร้นแบบสุดๆ เย่หยูก็รู้สึกขนหัวลุกซู่ โดยเฉพาะกับสาวร่างสูงหนึ่งร้อยหกสิบเซนต์ที่มีน้ำหนักตัวมหาศาล กระดูกของเธอคงอยู่ลึกเกินไป เราหาไม่เจอแน่
“เย่หยู วิ่ง”
พอเห็นกลุ่มคนกำลังห้อมล้อมเย่หยู ลู่ซิงซินก็รีบจับมือของเย่หยูแล้วลากตัวเขาออกมา
“ท่านอาจารย์ อย่าเพิ่งไป”
“ท่านเซียนเดินดิน ช่วยเหลือผมด้วย ผมมีเงินจริงๆ นะ”
“ท่านเทพน้อย ถ้าท่านไม่อยากสัมผัสกระดูกของเขา ก็ทำแบบเดียวกับอย่างอื่นก็ได้”
พอออกห่างจากกลุ่มคนที่กำลังบ้าคลั่งได้ เย่หยูก็หยุดเดิน เขามองหน้าของลู่ซิงซินแล้วยิ้มออกมา
“บี๊ป! ยินดีด้วยสำหรับเจ้าของร่างที่เข้าถึงความลึกลับแห่งสวรรค์ จะได้รับรางวัลด้วยการจับสลากหนึ่งครั้ง”