1006 จบเรื่อง (บทสุดท้าย)
“น่าสนใจจริงๆ” หวังเย้าพูด“เราน่าจะไปดูกันสักหน่อยคิดว่ายังไง จื้อจาย?”
“เป็นความคิดที่ดีครับ” เจี๋ยจื้อจายยิ้มกริ่ม
หวังเย้ากับเจี๋ยจื้อจายมุ่งหน้าลงใต้เพื่อดูสถานการณ์ด้วยตัวเอง
ขณะเดียวกันนั้น ปลายักษ์ขนาด 10 เมตรก็ได้กลืนแพะและต่อด้วยหมู “คิดว่ายังไง?”ถั่วเจิ้งเหอถาม
“เราไม่มีข้อมูลของปลาชนิดนี้อยู่ในฐานข้อมูลของเราเลยครับ บางทีมันอาจจะเป็นสายพันธ์พิเศษก็ได้” เสวี่ยซินหยวนพูด “เท่าที่เห็น มันน่าจะจับได้ไม่ยากแต่อาจจะต้องใช้ยาสลบจํานวนมาก”
“ถ้าอย่างนั้นก็เตรียมจัดการได้เลยลุงเสวี่ย”กั๋วเจิ้งเหอพูด“และช่วยรีบหน่อย!”
“ไม่มีปัญหาครับ” เสวี่ยซินหยวนพยักหน้า
นี่เป็นครั้งแรกของเขากับการจับสัตว์น้ำขนาดใหญ่เขาไม่รู้ว่าจะมีโอกาสจับได้สูงแค่ไหนปัญหาหลักก็คือพวกเขาไม่มีเรือที่ใหญ่พอสําหรับการนี้เพราะมันจะช่วยให้งานง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก
ถั่วเจิ้งเหอไออีกครั้ง
“ดูเหมือนว่าอาการของฉันจะแย่ลง” เขาหยิบดอกกล้วยไม่ใส่เข้าไปในปากอีกหนึ่งดอกแต่ประสิทธิภาพของมันกลับลดลงเรื่อยๆ
“ดอกไม้นี่ยิ่งกินก็ยิ่งมีประสิทธิภาพลดลง” ตอนนี้ ร่างกายของเขาอ่อนแอและเปราะบางอย่างมากเขาหายใจหอบทุกครั้งที่ก้าวเดิน เขารู้สึกว่าร่างกายเฉื่อยชาและเจ็บปวดไปทุกส่วนราวกับมีบางอย่างกําลังบดร่างกายของเขาอยู่เขาหายใจหอบ
เหล่านักตกปลามืออาชีพทําการทดสอบเป็นเวลาสามวัน
บนยอดเขาลูกหนึ่งที่อยู่ใกล้กับหุบเขา…
“โอ้ ปลาตัวใหญ่มากจริงๆ!” หวังเย้าตกตะลึงกับขนาดของปลาที่อยู่ในทะเลสาบ “มันใหญ่มากจริงๆ”เจี๋ยจื้อจายพูด“ลองดูหัวของมันสิครับหรือมันจะเป็นปลาวาฬ?” “ปลาวาฬชอบอาศัยอยู่ในทะเลไม่ใช่เหรอ?”หวังเย้าถาม“แล้วที่ที่เราอยู่กันตอนนี้ก็ห่างจากทะเลไปตั้ง 300 ไมล์”
“นั่นอะไรน่ะ?” เจี๋ยจื้อจายถาม
“รออยู่ตรงนี้นะ” หวังเย้าพูด “ผมจะลองไปดูสักหน่อย”
“ได้ครับ เชียนเชิงระวังตัวด้วย”เจี๋ยจื้อจายตอบ
หวังเย้ากระโดดลงไปจากทางหน้าผาสูงประมาณ 3 เมตรด้วยความเร็วสูง
“จุ๊ๆๆ เขียนเชิงสุดยอดจริงๆ!”เจี๋ยจื้อจายพูดอย่างชื่นชมกับภาพที่เห็น
หลังลงมาจากยอดเขาแล้วหวังเย้าก็ไปถึงข้างทะเลสาบในเวลาไม่นานเขาเฝ้ามองหลายคนที่กําลังพยายามจับปลาอยู่ไม่ไกล
ทะเลสาบนั้นกว้างมาก และมีคนจํานวนไม่น้อยยืนอยู่รอบๆหวังเย้ายืนอยู่ในระยะที่คนอื่นไม่สามารถสังเกตเห็นเขาได้
เมื่อยืนอยู่ในระยะไกลทําให้เขาเห็นแค่ภาพรวมของปลาเท่านั้น มันเป็นปลาสีดําสนิทและมีเกล็ดทั่วทั้งตัวมันดูคล้ายกับปลาบาราคูด้าที่มีฟันแหลมคม
“พร้อมไหม?”
“พร้อมแล้วยาขนาดนี้มากพอที่จะจัดการช้างได้เป็น 10 ตัวเลยล่ะ”
หลังจากที่ทดสอบไปหลายครั้งแล้วในที่สุดพวกเขาก็ตัดสินใจที่จะลงมือพวกเขาใช้ยาสลบแบบเข้มข้นเพื่อจัดการกับปลาแต่ก็ไม่สามารถใช้ยาที่แรงจนเกินไปได้เพราะมันจะส่งผลเสียกับอวัยวะภายในของปลาได้
“มาเริ่มกันเลย คุณชายกั๋วรอนานกว่านี้ไม่ได้แล้ว”เสวี่ยซินหยวนพูดไม่ว่าใครที่มีตาก็จะเห็นว่า สภาพร่างกายของกั๋วเจิ้งเหอในหลายวันที่ผ่านมาเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากใบหน้าของเขาซีดขาวและร่างกายส่วนอื่นของเขานั้นกลับแย่ยิ่งกว่า
“ดี”
หมูกับแพะถูกมัดไว้กับไม้ไผ่และปล่อยให้ลอยอยู่ในทะเลสาบ
แล้วปลายักษ์ก็โผล่ออกมาอย่างที่คาดการณ์เอาไว้
เกิดเสียงดังกร๊วม แล้วเลือดก็สาดกระจายไปทั่วทะเลสาบ
ปลายักษ์กลืนแพะทั้งตัวในคําเดียว
จากนั้น มันก็หันไปกินหมูทั้งตัว
บนผืนน้ำในทะเลสาบถูกย้อมไปด้วยสีของเลือด
ปลาว่ายวนเป็นวงกลมรอบหนึ่ง ก่อนที่มันจะว่ายหายไปและไม่โผล่ออกมาให้เห็นอีก
“มันไปแล้วเหรอ?”
ทุกคนต่างเฝ้ามองทะเลสาบด้วยความกังวล
“หวังว่ามันจะไม่ไปไหนไกลนะ”
“การรอคอยมันทรมานจริงๆ”
หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นตลอดทั้งเช้า
“ดูเหมือนว่ายาที่เราใช้จะยังน้อยไป”
ในตอนที่พวกเขากําลังจะกลับกันนั้น อยู่ๆก็เกิดบางอย่างขึ้นในทะเลสาบปลายักษ์กําลังลอยขึ้นมาบนผืนนา
“มันขึ้นมาแล้ว! มันขึ้นมาแล้ว!”
พวกเขาเข้าไปใกล้ตัวปลาอย่างระมัดระวังเมื่อยืนยันได้ว่ามันสงบลงแล้วพวกเขาก็ฉีดยาสลบผ่านทางเกล็ดหนาหนักของมันอีกหลายโดสจากนั้นพวกเขาก็ใช้เชือกที่ทําขึ้นมาจากเหล็กมัดตัวปลาเอาไว้และดึงลากมันขึ้นมาบนฝั่งด้วยเครื่องปั่นน้ำมันมันเป็นครั้งแรกที่ทุกคนได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของปลาอย่างใกล้ชิดแบบนี้
มันเป็นปลาที่ใหญ่มาก และยาวเกือบ 15 เมตร
“ในที่สุด เราก็จับมันขึ้นมาได้” เสวี่ยซินหยวนถอนหายใจอย่างโล่งอก
ชาวบ้านหลายคนได้เป็นพยานในเหตุการณ์นี้ พวกเขาส่วนใหญ่รู้สึกเกรงกลัวมัน แต่บางคนก็รู้สึกเกลียดชัง เพราะมันทําให้พวกเขาต้องสูญเสียสมาชิกในครอบครัวไปเอง
เมี่ยวจ้าวชิ่งเดินเข้าไปไล่ทุกคนที่ถอยออกไป คนที่มาดูจึงแยกย้ายกันกลับไปทํางานของตัวถั่วเจิ้งเหอลากร่างที่เปราะบางของตัวเองไปที่ริมทะเลสาบ เขามองดูปลายักษ์ใกล้ๆ
“รีบเข้า” เขาพูด
คนที่อยู่รอบตัวปลาต่างเริ่มลงมือเฉือนเนื้อของมัน พวกเขาใช้เลื่อยไฟฟ้าในการตัดและแยกชิ้นส่วนปลาในตอนที่พวกเขากําลังตัดอยู่นั้น อยู่ๆปลาก็ตื่นขึ้นมามันเกือบจะสลัดตัวหลุดออกจากเชือกเหล็กได้แล้วหนึ่งในคนของพวกเขาตายไปหนึ่งและได้รับบาดเจ็บอีกหนึ่ง
พวกเขาใช้เวลาทั้งวันในการจัดการกับปลาที่ว่ากันว่ามีอายุหลายร้อยปีแต่สุดท้ายแล้วมันก็ถูกฆ่าและแยกชิ้นส่วน
หวังเย้ากับเจี๋ยจื้อจายเฝ้ามองการทํางานอยู่บนเขาที่ห่างออกไปไม่ไกล
“พวกเขากําลังทําอะไรอยู่กันแน่ครับ เชียนเชิง?” เจี๋ยจื้อจายถาม “อย่าบอกนะว่าพวกเขากําลังจะเอามันไปท่าซุปปลาน่ะ”
“พวกเขาอาจจะใช้เนื้อปลารักษาอาการป่วยของกั๋วเจิ้งเหอก็ได้” หวังเย้าพูด
“จุ๊ๆๆ นั่นเป็นความคิดที่บ้ามาก” เจี๋ยจื้อจายพูด
ในความเป็นจริงคือ เมี่ยวจ้าวชิ่งได้เรียนรู้จากในตําราแพทย์ของเมี่ยวซีเหอมาว่า ปลายักษ์ที่พวกเขาทําการบูชาอยู่ทุกปีนั้นอาจมีสิ่งที่เรียกว่า “แก่นปราณ”อยู่ภายในตัวมันตามตํานานบอก
ไว้ว่า หากกินเข้าไปแล้วมันจะให้ผลลัพธ์ที่น่าอัศจรรย์อย่างมาก เมี่ยวซีเหอมีความคิดที่จะจับมันขึ้นมาเพราะสิ่งนั้นเขาเคยคิดที่จะจับมันอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่เคยลงมือเลยสักครั้งนั่นเป็นเพราะเขายังไม่ถึงกับจนมุมและปลายักษ์ก็เป็นหนึ่งในวิธีการที่เขาใช้ลงโทษคนในหุบเขาซึ่งต่างจาก
สถานการณ์ของกั๋วเจิ้งเหอในเวลานี้ที่หากไม่สําเร็จเขาก็มีแต่ต้องตายเท่านั้น
หัวใจของปลายักษ์มีขนาดพอๆกับแพะหนึ่งตัว
ว่ากันว่า หัวใจของวาฬสีน้ำเงินนั้นมีน้ำหนักกว่า 50 กิโลกรัมและมีขนาดพอๆกับรถคันเล็กหนึ่งคันเมื่อเอามาเทียบกันแล้วหัวใจของปลายักษ์ก็ถือได้ว่าใหญ่มาก
“เราต้องผ่าออกมาใช่ไหม?” เสวี่ยซินหยวนถาม
“เก็บเลือดจากหัวใจของมันมาด้วย” เมี่ยวจ้าวชิ่งพูด
คนที่เสวี่ยซินหยวนพามานั้นนอกจากเรื่องการตกปลาแล้วพวกเขาก็ไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องอื่นพวกเขาจําเป็นต้องมีคนคอยให้คําแนะนําในเรื่องนี้
“หาช้าๆล่ะ”
เมื่อหัวใจถูกผ่าออก เลือดก็สาดกระจายออกมาพร้อมกับกลิ่นเหม็นคาวปลา
“น่าขยะแขยง” พวกเขาหลายคนถูกย้อมไปด้วยเลือด
พวกเขาผ่าหัวใจออกทีละส่วนด้วยความระมัดระวังเมี่ยวจ้าวชิ่งคอยจับตาดูการทํางานของพวกเขาอย่างใกล้ชิด
“รอก่อน นั่นอะไรน่ะ?”
พวกเขาพบบางอย่างที่มีลักษณะทรงกลมอยู่ภายในหัวใจปลาซึ่งมันมีขนาดพอๆกับกําปั้นของผู้ใหญ่
“ผ่าเอามันออกมา”
พวกเขาเฉือนเนื้อด้านนอกออกและได้เห็นลูกแก้วกลมเกลี้ยงที่ดูเรียบลื่นคล้ายหยก
“นี่แหละ!”เมี่ยวจ้าวชิ่งอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้น
นี่คือสิ่งที่เมี่ยวซีเหอคาดเดาว่ามันคือสมบัติที่อยู่ในตัวปลายักษ์ ซึ่งเขาได้เขียนเอาไว้ในตํารา
แพทย์ของตัวเอง
“เจอแล้วเหรอ?”
“เจอแล้ว”
กั่วเจิ้งเหอรับลูกแก้วที่มีขนาดพอๆกับไข่ไก่มาไว้ในมือ
“แล้วผมต้องหายังไงกับมัน?”เขาถาม
“จากที่เมี่ยวซีเหอเขียนเอาไว้แค่กลืนมันลงไปก็พอ”เมี่ยวจ้าวชิ่งพูด
“กลืนลงไป? แน่ใจนะว่าผมจะไม่สําลักตายซะก่อนน่ะ?”
“ไม่หรอก” เมี่ยวจ้าวชิ่งพูด“ฉันมียาที่จะช่วยเรื่องนี้ได้ มันจะทําให้หลอดอาหารขยายใหญ่ขึ้นกว่าปกติ”
“ดี ถ้าอย่างนั้นก็ลงมือเลย”
ถั่วเจิ้งเหอกินยาของเมี่ยวจ้าวชิ่งจากนั้นเขาก็หยิบแก่นปราณใส่เข้าไปในปากทันที
“รู้สึกเป็นยังไงบ้าง?”
“จั๊ก!?” ถั่วเจิ้งเหอเริ่มสั่นไปทั้งตัว
เขารู้สึกว่าภายในท้องของเขากําลังถูกแผดเผาเปลวไฟเริ่มลามเลียไปทั่วทุกส่วนในร่างกายของเขา
เขาตัวสั่นเทาด้วยความเจ็บปวดแล้วเขาก็ทรุดลงไปนอนกองอยู่ที่พื้น
“เกิดอะไรขึ้น?” เสวี่ยซินหยวนที่อยู่ข้างๆเขารีบถามขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนก“นี่อาจจะเป็นปฏิกิริยาปกติก็ได้”เมี่ยวจ้าวชิ่งพูด “นั่นเป็นแก่นปราณของปลายักษ์ที่เก็บกักพลังของมันเอาไว้มานานหลายร้อยปี การกินแก่นปราณทั้งหมดในครั้งเดียวก็หมายถึงการที่ต้องแบกรับความเจ็บปวดนับร้อยเท่า
“แล้วเขาจะเป็นอะไรรึเปล่า?”
“ทุกอย่างมาพร้อมกับความเสี่ยงเสมอ” เมี่ยวจ๊าวชิ่งตอบ
จะระเบิดขึ้นมาเมื่อไหร่
การกินของแบบนั้นเข้าไปเป็นความเสี่ยงที่สูงมาก ก็เหมือนกับการสูบลมลูกโป่งและไม่รู้ว่ามัน
อยู่ๆกั๋วเจิ้งเหอก็กรีดร้องออกมาก่อนที่เขาจะหมดสติไปร่างกายของเขาร้อนเป็นอย่างมากเส้นเลือดปูดโปนขึ้นเต็มใบหน้าของเขา เสื้อผ้าของเขาตึงเปรี๊ยะจากการขยายตัวมีเส้นเลือดปูด
โปนออกมาแทบทุกส่วนของร่างกายเขา
“รีบหาอะไรเข้าสิ!” เสวี่ยซินหยวนสั่งการ
“เอาเขาแช่ไว้ในน้ำเย็นและคอยวัดอุณหภูมิตลอดเวลา” เมี่ยวจ้าวชิ่งรีบพูด “จับหัวของเขาเอาไว้อย่าให้จมล่ะ”
คนที่อยู่รอบๆต่างหาน้ำเย็นมาและเอาตัวกั๋วเจิ้งเหอจุ่มลงไปในน้ำด้วยความระมัดระวังไม่นานน้ำก็เปลี่ยนจากน้ำเย็นกลายเป็นน้ำร้อน แล้วน้ำก็เริ่มเดือด
“เปลี่ยนน้ำ” เมี่ยวจ้าวชิ่งรีบพูด
พวกเขาท่าอยู่แบบนั้นไปเรื่อยๆจนกระทั่งถึงตอนกลางคืน แล้วอุณหภูมิร่างกายของกั๋วเจิ้งเหอก็ค่อยๆกลับมาเป็นปกติ
“มันมีแก่นปราณอยู่ในนั้นด้วยล่ะเชียนเชิง!” เจี๋ยจื้อจายตกตะลึงกับสิ่งที่เขาได้เห็นจากในกล้องวงจรปิดที่เขาแอบติดไว้
หวังเย้าเข้าไปในหุบเขาในวันนั้นและแอบติดกล้องวงจรปิดเอาไว้ในจุดที่พวกของกั๋วเจิ้งเหอรวมตัวกันอยู่ไม่มีใครจับเขาได้หรือรู้ตัวว่าเขาได้ทําอะไรลงไป มันจึงทําให้พวกเขาสามารถเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่นั่นได้
“บอกตามตรง นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นของแบบนี้”หวังเย้ายิ้ม เขาเพียงตกใจกับเรื่องราวที่ดําเนินไปเรื่อยๆแต่เขารู้สึกสงสัยมากกว่าว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่กั๋วเจิ้งเหอกลืนแก่นปราณลงไปแล้ว
“เขาจะได้รับพลังบ่มเพาะร้อยปีและหลายเป็นเซียนหรืออะไรแบบนั้นรึเปล่าครับ?” เจี๋ยจื้อจา
ยถาม
“คุณอ่านนิยายมากเกินไปแล้ว” หวังเย้าพูดกลั้วหัวเราะ “การบ่มเพาะต้องไปทีละขั้นทีละตอนและข้ามขั้นเป็นเรื่องที่เสี่ยงมาก”
หลังจากไม่ได้สติมาได้สองวัน ในที่สุด กั๋วเจิ้งเหอก็ฟื้นขึ้นมา ดวงตาของเขาแดงก่ำ
“คุณชาย”
“เชือก” ถั่วเจิ้งเหอส่งเสียงตอบรับและสูดลมหายใจเข้าปอด
อยู่ๆเขาก็ลุกขึ้นและเดินออกไปด้านนอก
“คุณชาย?” เสวี่ยซินหยวนรีบไล่ตามกั๋วเจิ้งเหอไป แต่เขาก็ตามอีกฝ่ายไม่ทัน กั๋วเจิ้งเหอวิ่งเร็วเกินไป
“เขาไปที่ไหนกัน?”
อยู่ๆก็มีเสียงกรีดร้องของผู้หญิงดังขึ้น
“แย่แล้ว!” เสวี่ยซินหยวนหัวใจเต้นระ
เมื่อเขาหาที่ที่กั๋วเจิ้งเหออยู่เจอเขาก็ได้เห็นกําแพงบ้านที่มีรูขนาดใหญ่สมาชิกทั้งสามคนที่อยู่ภายในบ้านล้วนนอนจมกองเลือด ส่วนผู้หญิงก็ถูกฉีกทิ้งเสื้อผ้าจนไม่เหลือชิ้นดี
“พระเจ้า!”
เกิดเสียงกรีดร้องของผู้หญิงขึ้นอีกครั้ง
“คะ-คุณชายของคุณเป็นบ้าไปแล้ว!”เมี่ยวจ้าวชิ่งตามไปพบเสวี่ยซินหยวน และพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าสะพรึงกลัว
กั๋วเจิ้งเหอมองหาสิ่งที่เขาจะสามารถใช้ปลดปล่อยตัวเองได้
เสวี่ยซินหยวนคว้าตัวเมี่ยวจ้าวชิ่งเอาไว้และถามว่า “ทําไม ทําไมมันถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้?”
“มันต้องเป็นเพราะแก่นปราณของปลายักษ์ที่เข้าไปกระตุ้นด้านมืดที่สุดของเขาให้เผยออกมา”
ฉันต้องการปลดปล่อย! ฉันต้องการเลือด! ฉันต้องการผู้หญิง!
กั๋วเจิ้งเหอวิ่งไปทั่วหุบเขาเขากําลังมองหาเหยื่ออยู่ชาวบ้านเริ่มมารวมตัวกันเพื่อไล่ล่าปีศาจ
ร้ายตนนี้ สองวันที่ผ่านมาร่างกายของเขาเปลี่ยนแปลงไปมาก เขาแข็งแกร่งขึ้นและสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว“เชียนเชิง เขาเป็นบ้าไปแล้ว!”เจี๋ยจื้อจายที่ยืนอยู่บนเขาตื่นตะลึงกับภาพที่เห็น“รออยู่ที่นี่ก่อนนะ”หวังเย้าพูด“ผมจะลงไปดูสักหน่อย”
หวังเย้ากระโดดลงไปจากภูเขา
เขาจําเป็นต้องฆ่าถั่วเจิ้งเหอทิ้งซะ
เสียงกรีดร้องโหยหวนฟังดูน่าสยดสยองดังมาจากหุบเขาอีกครั้ง หวังเย้าปรากฏตัวอยู่ใกล้ๆกั่วเจิ้งเหอที่ท่อนบนเปลือยเปล่า ร่างกายของเขาชุ่มโชกไปด้วยเลือดและร้อนผ่าว ดวงตาของเขาแดงก่ำ
อ้ากกกก!
เขาเปิดปากที่เต็มไปด้วยเลือดและเศษชิ้นเนื้อมนุษย์
เขากลายเป็นปีศาจที่บ้าคลั่งไปแล้ว
เขาไปถึงจุดที่หวังเย้าอยู่ในเวลาอันสั้น
เมื่อการต่อสู้เริ่มต้นขึ้น หวังเย้าก็ต้องตกตะลึงแข็งแกร่งจริงๆ! แข็งแกร่งยิ่งกว่าเมี่ยวซีเหอเสียด้วยซ๊ำ!
หมัดโพคง!
หวังเย้าใช้วิชาที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาออกไปโดยไม่ยั้งมือ
เขาเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงและชกหมัดออกไปนับร้อยครั้งในชั่วพริบตากั๋วเจิ้งเหอทรุดลงไปกองอยู่ที่พื้นกระดูกแตกหักทั่วร่าง อวัยวะภายในถูกทําลายจนสิ้นแต่แทนที่เขาจะสิ้นใจการฟื้นตัวของเขากลับรวดเร็วอย่างน่าใจหาย
“น่าอัศจรรย์มากแบบนี้มันไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปแล้ว”หวังเย้าที่ยืนมองอยู่พูดขึ้นมาอยู่ๆก็มีคนโผล่ออกมาจากฝูงชนพวกเขาแทงทะลุหัวใจของกั๋วเจิ้งเหอและตัดศีรษะของเขา
ร่างกายและศีรษะของกั๋วเจิ้งเหอถูกแยกออกจากกันอย่างรวดเร็ว แล้วคนที่ลงมือก็รีบหายเข้าไปในฝูงชนอย่างรวดเร็ว
กว่าที่พวกเขาจะทันได้ตั้งตัว ชาวบ้านก็หาตัวคนลงมือที่อยู่ๆก็โผล่ออกมาไม่พบแล้วเหลือไว้เพียงร่างไร้วิญญาณอยู่ที่พื้นถั่วเจิ้งเหอตายไปทั้งๆแบบนั้น
เขากลายเป็นปีศาจได้ไม่นานก็ต้องจบชีวิตลงแล้ว
“พี่ ผมฆ่าเขาแล้วเราไปกันเถอะ”“ใครบอกว่านายเป็นคนฆ่า?” เมี่ยวชิงเฟิงถาม“มีชาวบ้านตายไปตั้ง 16 คนนายก็ให้หนึ่งใน พวกเขาเป็นแพะซะสิ”
“นายบอกว่า อยู่ๆก็มีคนโผล่มาจากที่ไหนก็ไม่รู้ แล้วก็หายตัวไปทันทีพร้อมกับแก่นปราณ“ใช่ผมไม่เห็นหน้าของคนที่ลงมือแต่มันก็ทําให้ผมนึกถึงคนคนหนึ่ง”จ้าวหยิงหาวพูด“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ อย่าไปเสียเวลาพูดถึงเรื่องนี้และไม่ต้องคิดถึงมันอีก”เมี่ยวชิงเฟิงพูด“ไม่ว่าเขาจะเป็นใครมันก็ไม่เกี่ยวกับพวกเราทุกอย่างจบลงแล้ว ถึงเวลาที่เราจะเริ่มต้นใหม่ได้สักที”
เขารู้ว่า เมื่อยุคสมัยนี้จบลงมันก็ถือเป็นการเริ่มต้นยุคสมัยใหม่ของหุบเขาแห่งนี้มันอาจจะเป็นอนาคตที่สดใสสําหรับพวกเขาไม่สิ มันต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว
“ไปกันเถอะ”
“ครับ เชียนเชิงนี่คือแก่นปราณสินะ”เจี๋ยจื้อจายมองดูลูกแก้วสีแดงขนาดพอๆกับไข่ใบหนึ่งใน
มือ มันให้ความรู้สึกคล้ายกับกําลังถือหยกเอาไว้
“อืม ถ้าชอบอยากจะเก็บไว้ก็ได้นะ” หวังเย้าพูด
“เอ่อไม่ดีกว่าผมกลัวว่าจะต้านทานความเย้ายวนของมันไม่ไหว แล้วกลืนมันลงไปเข้าสักวัน”เจี๋ยจื้อจายพูด“มันอาจจะกลายเป็นภัยพิบัติใหญ่หลวงในอนาคตก็ได้ดังนั้นให้เชียนเชิงเก็บไว้
น่าจะดีที่สุดครับ”
ถึงแม้การเสียชีวิตของชาวบ้านทั้งหมด 17 คนจะเป็นเรื่องใหญ่แต่ก็มีคนจงใจปิดข่าวเอาไว้ไม่ให้เล็ดลอดออกไป
พ่อของกั๋วเจิ้งเหอลาออกจากตําแหน่งเดิมและย้ายไปทํางานในอีกเขตหนึ่งแม้มันจะดูเหมือนว่าเขาสามารถรักษาสถานะเดิมของตนเองเอาไว้ได้แต่เขาก็เสียโอกาสในการก้าวหน้าไปไม่มี
ใครบอกได้ว่า โอกาสครั้งใหม่จะมาถึงมือของเขาอีกเมื่อไหร่
การตรวจสอบบริษัทหนานชานเภสัชถูกทิ้งไว้แบบนั้นสินค้าของบริษัทได้รับความนิยมสูงขึ้นภายในระยะเวลาแค่หนึ่งปีไม่ว่าจะเป็นซุปเสี่ยวเผยหยวน,ยาขับพิษร้อน,ยาล้างพิษ,ยาบํารุงหัวใจ,และยาอีกหลายชนิดล้วนแล้วแต่มีประสิทธิภาพสูงยาชั้นดีจากหนานชานคลินิกนับได้ว่าเป็นยามหัศจรรย์โดยเฉพาะสําหรับคนที่มีอาการป่วยเกี่ยวกับโรคหัวใจมันจึงกลายเป็นยาชั้นยอดสําหรับโรงพยาบาลขนาดใหญ่หลายแห่งยิ่งไปกว่านั้นมันยังไม่มีผลข้างเคียงตามมาหลังจากที่ทานไปแล้วปัญหา
เดียวก็คือการสั่งซื้อเป็นเรื่องยากมากหวังเย้ายังคงทํางานอยู่ที่คลินิกของเขาเนินเขาหนานชานยังคงเขียวขจีและงดงามเหมือน
เช่นเคย
ในที่สุด ซูเสี่ยวซวีก็เรียนจบงานแต่งถูกจัดขึ้นที่ปักกิ่งมันเป็นงานที่เรียบง่ายอบอุ่นและอบอวลไปด้วยความสุขหวังเย้ากับซูเสี่ยวซวีเป็นเหมือนคู่สวรรค์สร้างในสายตาของผู้คนรอบข้าง
พวกเขาออกเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วประเทศในฐานะของสามีภรรยา
พวกเขาได้เดินทางไปที่หุบเขาพันโอสถในยูนนานใต้
“ที่นี่สินะคะ ทะเลสาบอันซิน”ซูเสี่ยวซวีมองทะเลสาบที่งดงามตรงหน้า
“มันสวยมาก”
“ใช่”
ชายหนุ่มคนหนึ่งกําลังเดินอยู่บนถนนที่ปูด้วยแผ่นไม้บนใบหน้าของเขามีรอยยิ้มที่ดูอบอุ่นหวังเย้ารู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด
“สวัสดี แขกผู้มาเยี่ยมเยือน” ชายหนุ่มทักทายพวกเขา
“สวัสดี ผมขอทราบชื่อของคุณได้ไหมครับ?” ชายหนุ่มนิ่งไป แล้วเขาก็ยิ้มและตอบกลับไปว่า “ผมเหรอ?ผมชื่อว่าเดี๋ยวเสี่ยวเหอ” “เสี่ยวเหอเป็นชื่อที่ดี”หวังเย้าพยักหน้าหลังจากที่ได้ยินชายหนุ่มอึ้งไปแล้วเขาก็เดินจากไปด้วยรอยยิ้ม
“เชียนเชิงรู้จักเขาเหรอคะ?” ซูเสี่ยวซวีถาม
“เขาดูคล้ายกับคนที่ผมรู้จักน่ะ”หวังเย้ายิ้ม“เราจะไปที่ไหนกันต่อดีคะ?”
“เรากลับไปที่เนินเขาหนานชานกันดีไหม?”
“ดีค่ะ”
“เราจะมีลูกกันสักหลายคน”
“ได้สิคะ แล้วหลังจากนั้นล่ะคะ?” “หลังจากนั้นเราก็จะกระจายชื่อเสียงยารักษาและให้การรักษาผู้คนทั่วโลก!”
* รีดหลายท่านอาจจะรู้สึกผิดหวังกับตอนจบผู้แปลก็เหมือนกันค่ะ ร่ําๆอยากจะปาคอมพ์ทิ้งอยู่หลายรอบแต่ก็ขอบคุณรีดทุกท่านที่ติดตามอ่านมาจนถึงตอนจบนะคะ
ตอนต่อไป →