บทที่ 214 ฉันกลัวอะไร

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

“ลงโทษคนชั่วและสนับสนุนคนดีความจริงจำเป็นไม่ต้องเข้าร่วมฝั่งตำรวจ”

จี้เยียนหรันได้ยิน ชั่วขณะนั้นอึมครึมลงมาแล้ว

ในความเป็นจริง เธอไม่ได้พิจารณาถึงปัญหาข้อนี้

ยิ่งคุ้นเคยกับเย่เทียน ยิ่งเข้าใจความสามารถของเขา สำหรับความหวังที่เย่เทียนจะเข้าร่วมฝั่งตำรวจของเธอก็ยิ่งเลือนราง

นอกจากนั้นแล้ว ด้วยนิสัยนั้นของเย่เทียน ถ้าเขาเข้าร่วมทางตำรวจเรียบร้อยมีกฎเกณฑ์ นี่จะเป็นไปได้เหรอ?

พิจารณามาถึงตรงนี้ จี้เยียนหรันจึงส่ายหน้าอย่างจำใจ “วันนี้นายเรียกฉันมาหา คงไม่ใช่อยากบอกฉันว่า นายไม่คิดจะเข้าร่วมฝั่งตำรวจหรอกมั้ง?”

“แน่นอน……ว่าไม่ใช่!”

เย่เทียนจงใจลากเสียงยาว หน้าทะเล้นหายไปเกือบหมด สิ่งที่เข้ามาแทนที่คือความจริงจังเคร่งเครียด มองจี้เยียนหรันไปตรงๆ

“วันนี้ที่เรียกเธอมาหา ประเด็นหลักคือคืนนี้อาจจะไม่สงบเท่าไร ฉันหวังว่าเธอช่วยสักหน่อยได้”

ชั่วขณะนั้นจี้เยียนหรันประหม่าขึ้นมา “นายอยากทำอะไร?”

งานมักแบ่งตามลำดับความสำคัญและเร่งด่วน ภายใต้สมมุติฐานที่ไม่แน่ใจว่าเย่เทียนอยากทำอะไร เธอจึงไม่กล้ารับรองมั่วซั่ว

เย่เทียนยิ้มกริ่มถามกลับว่า “วันนี้ตอนเช้าเรื่องลิฟต์ของบริษัทตระกูลเฉินตกเธอน่าจะได้ยินมามากแล้วมั้ง?”

“อืม”

จี้เยียนหรันพยักหน้า ถามอย่างงุนงง “ไม่ใช่ว่าลิฟต์ขัดข้องถึงเกิดปัญหาขึ้นเหรอ?”

ถึงจะบอกว่าเธอเพิ่งกลับมาถึงเจียงหนันได้ไม่กี่ชั่วโมง แต่ห้ามเพื่อนร่วมงานข้างกายถกเถียงกันไม่ได้ไม่ใช่เหรอ?

ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องที่บริษัทตระกูลเฉินและทางทหารร่วมงานกันศึกษาวิจัยยาชีวภาพในตอนนี้ปิดบังคนทั่วไปเอาไว้ ยังสามารถปิดบังเธอไว้ได้เหรอ? เธอไม่ติดตามได้เหรอ?

โดยเฉพาะ นอกจากเธอจะเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ที่ปกป้องประชาชนแล้ว ยังเป็นลูกสาวที่รักของตระกูลจี้!

“ความจริงลิฟต์ไม่ได้เกิดเหตุขัดข้องอะไร มีคนจงใจตัดสายเคเบิลของลิฟต์จนขาด อยากจะทำให้เฉินหวั่นชิงตาย!”

เย่เทียนพูดอย่างเอาจริงเอาจัง “ฉันเคยเผชิญหน้ากับคนร้ายคนนั้น จำได้คร่าวๆ ว่าเขาเป็นคนของแก๊งมังกร!”

“คนตัวเล็กๆ คนหนึ่งเกรงว่าคงไม่มีความกล้ามากขนาดนั้น ฉันคิดว่าลูกพี่ใหญ่ของแก๊งมังกรต่างหากที่เป็นตัวการเบื้องหลังของเรื่องนี้!”

ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ชัดเจนว่าคนร้ายผู้นั้นเป็นใครส่งมากันแน่ แต่ตอนนี้อยากหาข้ออ้างให้จี้เยียนหรันมาช่วยเหลือ จึงลิขิตมาให้มีคำอธิบายที่สมเหตุสมผล นี่ยังไม่พอดีเหรอ?

“ว่าตามความหมายที่นายพูดมานี้ นายอยากไปหาเรื่องวุ่นวายพี่ใหญ่แก๊งมังกร?”

สีหน้าจี้เยียนหรันยิ่งประหม่าขึ้นมา

ถึงแม้เธอจะเข้าใจว่าเย่เทียนไม่ธรรมดา แต่แก๊งมังกรจะเป็นพวกธรรมดาได้เหรอ?

พูดอย่างไรแก๊งมังกรต่างยึดครองพื้นที่หนึ่งในสามส่วนของเมืองเจียงหนันอย่างมั่นคง ในมือควบคุมลูกน้องหลายร้อยคนไว้ อยากจะไปหาเรื่องลูกพี่ใหญ่ของพวกเขาคงง่ายดายหรอก?

“นั่นก็ไม่ใช่”

เย่เทียนส่ายหน้า ยิ้มกริ่มบอกว่า “เพียงแต่เพื่อนสองคนที่ฉันรู้จักอยากจะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสังคมกลมเกลียว คิดว่าแก๊งมังกรอิทธิพลชั่วร้ายที่เป็นอันตรายต่อฝ่ายอื่นอันนี้ไม่ควรจะดำรงอยู่”

“สุภาษิตพูดได้ถูกต้อง ลูกพี่ใหญ่เป็นแบบไหนลูกน้องก็เป็นแบบนั้น ฉันเชื่อว่าลูกพี่ของแก๊งมังกรก็ไม่ใช่พวกคนดีอะไรเด็ดขาด”

เย่เทียนที่พูดฉอดๆ ไม่หยุดรู้สึกคอแห้งอยู่บ้าง จับน้ำเปล่าที่อยู่บนโต๊ะกรอกเข้าในปากไปอย่างเป็นธรรมชาติสุดๆ

จี้เยียนหรันสังเกตเห็นการกระทำของเย่เทียน มุมปากกระตุกนิดหนึ่ง

แต่ เธอพอจะเข้าใจว่าเย่เทียนอยากสื่อสารอะไรกันแน่ จึงปฏิเสธแบบคิดก็ไม่ต้องคิดเลยในทันใด

“นายอยากให้ฉันช่วยพวกนายกำจัดแก๊งมังกร? ไม่ได้! นี่คือปัญหาด้านหลักการ ฉันรับปากนายไม่ได้หรอก”

“ไม่ๆๆ เธออย่าเข้าใจผิดไป”

เย่เทียนส่ายหน้า สุดท้ายจึงบอกความต้องการออกมาแล้ว “ฉันเพียงแค่หวังว่าถึงตอนนั้นเธอจะสามารถช่วยควบคุมตำรวจโดยรอบไว้ อย่าให้พวกเขามารบกวนก็พอ”

“แน่นอนว่า ถ้าเธอสามารถจัดเตรียมคนบางส่วนไปตรวจเมาแล้วขับอะไรโดยรอบ ถ่วงเวลาผู้สนับสนุนของคนอื่นของแก๊งมังกรได้ก็ยิ่งดีเลย”

ชั่วขณะหนึ่งจี้เยียนหรันไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีขึ้นมาแล้ว

หลงเจี้ยนหัวลูกพี่ของแก๊งมังกรเป็นคนแบบไหนเธอย่อมรู้ชัดแจ้งดี นั่นเป็นนักโทษทำผิดมากมายหลายคดี เพียงคดีฆาตกรรมอย่างน้อยก็สามคดี!

เพียงแต่ คนด้านล่างของแก๊งมังกรมักจะลุกออกมารับโทษแทนเขา

นี่ทำให้ทางตำรวจไม่มีทางทำอะไรเช่นกัน ทั้งที่รู้ว่าคนทำผิดคือเขา กลับไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะเอาผิด

“ฉันรับรองกับเธอได้ว่า ถึงแม้เพื่อนสองคนนั้นของฉันจะอยู่ในเส้นทางนั้น แต่พวกนั้นล้วนเป็นพลเมืองดีที่ยึดหลักกฎหมายกัน”

ไม่รอให้จี้เยียนหรันคิดอย่างละเอียดลึกซึ้ง เย่เทียนเหมือนกลัวว่าเธอจะไม่รับปาก จึงพูดไกล่เกลี่ย “ฉันไม่กล้าบอกว่าพวกเขาไม่เคยทำเรื่องที่ผิดกฎหมาย โดยเฉพาะ ต้นปีนี้กล้ารับรองว่าคนที่ไม่ทำผิดสักนิดต้องไม่มีแน่นอน”

“แต่ ฉันรับประกันว่าขอเพียงเจียงหนันไม่มีแก๊งมังกรแล้ว อัตราการทำผิดคงลดไปไม่น้อยเป็นแน่!”

ไม่พูดไม่ได้ คำพูดพวกนี้ของเย่เทียนทำให้จี้เยียนหรันหวั่นไหวอยู่บ้างจริงๆ

ครุ่นคิดลึกซึ้งอยู่ตั้งนาน ในที่สุดเธอยังพยักหน้า “ฉันรับปากนายก็ได้ แต่ว่า……”

ถึงตอนนั้นฉันต้องอยู่ในเหตุการณ์ด้วย!”

พูดจบ จี้เยียนหรันไม่หยุดรออีก ลุกขึ้นออกไปจากร้านกาแฟแล้ว

มองภาพด้านหลังที่อรชรอ้อนแอ้นของจี้เยียนหรัน เย่เทียนพูดอย่างเสียดาย “ยัยผู้หญิงคนนี้……ไม่ไปเป็นนางแบบน่าเสียดายจริงๆ เลยนะ!”

……

บ้านพักตากอากาศจู๋วหลินเป็นหนึ่งในหมู่บ้านคฤหาสน์บนภูเขาที่ขึ้นชื่อของเมืองเจียงหนัน คนที่สามารถพักอาศัยได้ ไม่มีสักคนที่ไม่ใช่คนร่ำรวยสูงส่ง ล้วนสามารถพูดได้ว่าเป็นหนึ่งในพื้นที่รวมบุคคลชั้นสูงสุดของเมืองเจียงหนัน

ด้านในบรรดาคฤหาสน์ที่ตกแต่งหรูหราหลังหนึ่ง เกาหยุนเสียงซุกตัวในโซฟาอย่างหมดแรง บนโต๊ะและบนพื้นวางขวดเหล้าเปล่าสิบกว่าขวดไว้เต็ม

ที่เจอด้านในห้องประชุมของบริษัทตระกูลเฉิน เป็นเรื่องราวยากลำบากที่สุดในช่วงสองสามปีนี้ของเขาเลยทีเดียว ทำให้เขามีความรู้สึกจนปัญญาจะช่วยอะไรได้

การปรากฏตัวของเย่เทียนอยู่นอกเหนือการคาดการณ์ของเขาโดยสิ้นเชิง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการโจมตีกลับที่คมกริบสุดจะทนนั้นของเย่เทียน

สิ่งสำคัญยิ่งกว่านั้นคือ เรื่องที่เขากับจางเจี้ยถังสมคบคิดฮุบทรัพยากรของบริษัทตระกูลเฉินยังถูกจับได้แล้ว!

เขาไม่รู้ว่าเย่เทียนนำจางเจี้ยถังส่งให้ทางตำรวจหรือไม่ และไม่แน่ใจว่าจางเจี้ยถังสารภาพตนเองออกมาด้วยหรือไม่

แต่ ดูจากสถานการณ์ตอนที่จางเจี้ยถังออกไป การสารภาพถึงตนเองเป็นเพียงเรื่องของเวลา

“ทำไม? ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้!”

หน้าตาเกาหยุนเสียงเต็มไปด้วยความขมขื่นจำใจ

ถึงแม้ประวัติศาสตร์ของตระกูลเกาจะไม่ได้ยาวนานแบบตระกูลเฉิน แต่ดีเลวอย่างไรก็เป็นกิจการที่ยืนหยัดมาหลายสิบปี ถ้าเรื่องพวกนี้ที่เขาทำถูกเปิดโปงออกมา งั้นตระกูลเกาคงถือว่าจบเห่แล้ว!

ถึงตอนนั้นเข้าจริง อย่างนั้นเขาย่อมเป็นคนคนบาปตลอดกาลของตระกูลเกาแน่นอน

ถึงแม้เขาจะรู้เรื่องพวกนี้ แต่กลับไม่มีทางทำอะไรได้ ได้เพียงรอคอยการมาเยือนของโชคชะตาอย่างเชื่อฟัง

เกาหยุนเสียงถอนหายใจทีหนึ่ง จับขวดเหล้าในมือขึ้นและกรอกเข้าในปากอึกใหญ่เต็มๆ

ไม่รู้ว่าเพราะสาเหตุที่ดื่มเร็วเกินไป หรือสำลักเหล้าดีกรีสูงกันแน่ เขาอดไม่ได้ไอหนักอยู่สองสามที บนหน้าเผยสีแดงจัดนิดๆ

เพียงแต่ เสี้ยววินาทีที่เขาไอนั้น ผู้ชายคนหนึ่งกลับแวบผ่านมาจากหน้าต่างอย่างเงียบเชียบ มีดเล็กที่ประกายแสงคมกริบในมือเล่มนั้นจี้บนคอของเกาหยุนเสียงแล้ว!

เกาหยุนเสียงที่เดิมค่อนข้างมึนเมาชั่วพริบตาเดียวก็ได้สติตื่นตัวขึ้น พอตื่นตกใจเข้าแล้ว เขาไม่กล้าแม้กระทั่งหันหน้าไปมองว่าคนที่มาเป็นใครกันแน่

“น้อง น้องชาย ฆ่าคนมันผิดกฎหมายนะ พวกเรามีอะไรก็คุยกันดีๆ!”

“ในเมื่อฉันกล้าบุกเข้ามาคฤหาสน์ของแก งั้นแกคิดว่าฉันยังกังวลว่าจะผิดหรือไม่ผิดกฎหมายอยู่เหรอ?”

ชายหนุ่มหัวเราะเย็นชา แต่คนคนนี้นอกจากเย่เทียนแล้วยังมีใครได้อีก?