บทที่ 344 หลินเป่ยเฉินแข็งแกร่งมากขึ้น

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 344 หลินเป่ยเฉินแข็งแกร่งมากขึ้น

 

 

ถังกู่จินรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมาชอบกล

 

 

ต่อให้เขาจะมีกำลังทหารปิดล้อมจัตุรัสอยู่ถึง 2,000 นาย แต่ลึกๆ ในใจแล้ว ถังกู่จินกลับรู้สึกว่ากำลังจะมีบางอย่างเลวร้ายเกิดขึ้น

 

 

“ปล่อยให้เขาเข้ามา” ถังกู่จินออกคำสั่ง

 

 

โมเสี่ยวเซียงรีบหอบสมุดบัญชีของตระกูลกวนวิ่งเข้ามาคุกเข่าข้างหนึ่งอยู่หน้าเวทีรับรางวัล “กราบเรียนใต้เท้า พวกเราตรวจค้นจวนสกุลกวนเรียบร้อยแล้ว และคาดว่าเงินของกลางจำนวน 94,000 เหรียญทองคำ ได้ถูกองครักษ์อู๋แอบยักยอกเอาไปทั้งหมดขอรับ…”

 

 

ระหว่างที่รายงานอยู่นี้ สายตาของเขาก็กวาดมาพบเจอหลินเป่ยเฉินที่ยืนอยู่โดยบังเอิญ

 

 

โมเสี่ยวเซียงตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว

 

 

นั่นมันคนตายไม่ใช่หรือ?

 

 

โมเสี่ยวเซียงก็อยู่ที่นั่นด้วยตอนที่หลินอี้นำหัวของหลินเป่ยเฉินมาส่งมอบ

 

 

เมื่อได้เผชิญหน้ากับหลินเป่ยเฉินอีกครั้ง โมเสี่ยวเซียงก็รู้สึกเย็นเฉียบไปทั่วร่างกาย ไม่ต่างจากเห็นผีตอนกลางวันแสกๆ

 

 

ในเวลาเดียวกันนี้ อู๋ซางหยานก้าวออกมาข้างหน้า ใบหน้ากระตุกเหมือนแมวป่าถูกเหยียบหาง “บังอาจนัก โมเสี่ยวเซียง เจ้ากำลังพูดเรื่องอะไรอยู่ ข้าไปขโมยเงินของกลางตอนไหนกัน?”

 

 

ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา อู๋ซางหยานอุตส่าห์ดูแลโมเสี่ยวเซียงเป็นอย่างดี คิดไม่ถึงเลยว่าในสถานการณ์เช่นนี้ อีกฝ่ายจะมาใส่ร้ายเขาได้หน้าตาเฉย

 

 

“คือว่าองครักษ์อู๋ ขะ…ข้า…”

 

 

เมื่อได้ยินคำพูดของอู๋ซางหยาน โมเสี่ยวเซียงก็หัวใจกระตุกวูบ คำพูดที่กำลังจะกล่าวออกมาติดค้างอยู่ในลำคอ และไม่แน่ใจอีกแล้วว่าสมควรพูดออกมาดีหรือไม่

 

 

อู๋ซางหยานหันกลับไปคุกเข่าข้างหนึ่งลงเบื้องหน้าถังกู่จินและพยายามจะอธิบายตนเอง “กราบเรียนใต้เท้า ข้า…”

 

 

“เจ้าไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น”

 

 

ถังกู่จินหันมามองหน้าหลินเป่ยเฉิน “นอกจากเจ้าจะฆ่ากวนเฟยตู้กับหลินอี้และนำหัวของพวกเขามาขึ้นเงินรางวัลแล้ว เจ้ายังปลอมตัวเป็นองครักษ์อู๋ไปขโมยเงินของกลางมาจากจวนตระกูลกวนด้วยใช่หรือไม่?”

 

 

เด็กหนุ่มพยักหน้าตอบรับอย่างมีความสุข “ยอมรับตามตรงก็ได้… ฮ่าฮ่า ถูกต้องแล้ว คนผู้นั้นเป็นข้าเอง”

 

 

โมเสี่ยวเซียงถึงกับตกตะลึงไปแล้ว

 

 

องครักษ์อู๋ตัวปลอมอย่างนั้นหรือ?

 

 

มิน่าเล่าทำไมถึงได้รู้สึกว่าองครักษ์อู๋ทำตัวแปลกประหลาดนัก

 

 

“พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ข้าต้องขอบคุณพวกเจ้าจริงๆ นะ ถ้าไม่มีพวกเจ้า ข้าก็คงหาเงินก้อนใหญ่ถึง 300,000 เหรียญทองคำไม่ได้ในวันเดียว หลายครั้งที่ข้าปฏิเสธ แต่เจ้าก็ไม่ยอมฟัง เฮ้อ ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป เดี๋ยวชาวเมืองก็เข้าใจผิดคิดว่าข้าเป็นคนหน้าเงินกันพอดี”

 

 

หลินเป่ยเฉินบ่นด้วยความไม่พอใจถังกู่จิน

 

 

ถังกู่จินตัวสั่นเทาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า

 

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า ถังกู่จิน ข้ายังจำได้ดีว่าเจ้าคิดจะรับข้าเป็นบุตรบุญธรรมไม่ใช่หรือ แล้วเจ้าก็จะฝากข้าเข้าศึกษาต่อที่หนึ่งในห้าสำนักกระบี่ชื่อดังด้วยใช่ไหม?”

 

 

หลินเป่ยเฉินทบทวนความจำฝ่ายตรงข้ามเล็กน้อย

 

 

ผู้ตรวจการมณฑลโกรธแค้นจนแทบจะกระอักเลือดออกมา

 

 

ให้ตายเถอะ

 

 

ภาพความทรงจำที่ตนเองส่งมอบบัตรเก็บเงินให้แก่หลินเป่ยเฉินผุดขึ้นมาในสายตา และแน่นอนว่าเขาถึงกับจะรับหลินเป่ยเฉินเป็นบุตรบุญธรรมด้วยซ้ำ เมื่อรู้ตัวว่าตนเองถูกเด็กหนุ่มหลอกปั่นหัวโดยสมบูรณ์ ถังกู่จินก็แทบจะบ้าคลั่งแล้ว

 

 

“หุบปากเดี๋ยวนี้… พวกเราฆ่ามันให้ได้”

 

 

ถังกู่จินคำรามออกคำสั่ง ยกมือส่งสัญญาณโจมตี

 

 

อู๋ซางหยานเป็นคนแรกที่บุกเข้าไปจัดการหลินเป่ยเฉิน

 

 

เขาเป็นองครักษ์ฝีมือแข็งแกร่ง กระบี่ในมือเต็มไปด้วยพลังแห่งความโกรธแค้น อู๋ซางหยานโจมตีหลินเป่ยเฉินเต็มรูปแบบ ไม่มีการยั้งมือไว้ไมตรีอีกแล้ว

 

 

ประกายไฟสาดกระจาย

 

 

วูบ!

 

 

คมกระบี่ตวัดวูบพุ่งตรงไปที่กลางหว่างคิ้วของหลินเป่ยเฉิน

 

 

เกิดเสียงร้องอุทานดังขึ้นรอบบริเวณ

 

 

ฉู่เหิน เยว่หงเซียงและคนอื่นๆ ตกตะลึงมากกว่าใคร

 

 

จบเพียงเท่านี้แล้วสินะ

 

 

หัวใจของพวกเขาแตกสลาย

 

 

แต่อึดใจต่อมานั้นเอง ใบหน้าของอู๋ซางหยานก็แสดงออกถึงความตกตะลึงสุดขีด

 

 

“เจ้า…” เขากระซิบเสียงแหบแห้ง

 

 

เสียงพูดยังไม่ทันจางหาย

 

 

เขาเห็นเพียงหลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นมาดีดนิ้วเล็กน้อย

 

 

เคล้ง!

 

 

เสียงโลหะปะทะกันดังขึ้น

 

 

แล้วกระบี่ชื่อดังในมือของอู๋ซางหยานที่มีราคาหลายพันเหรียญทองคำ ก็แตกหักกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

 

 

เศษกระบี่ปลิวไปในอากาศ

 

 

มันพร่างพรมลงมาราวกับเป็นผีเสื้อโลหะ

 

 

หลินเป่ยเฉินเพียงยิ้มเล็กน้อย ไม่มีริ้วรอยบาดแผลปรากฏขึ้นบนผิวหนังขาวสะอาดของเขาเลย

 

 

ทุกคนเบิกตาโตด้วยความตกตะลึง

 

 

เขาใช้สิ่งใดกันทำลายกระบี่ของอู๋ซางหยาน?

 

 

ในมือของเด็กหนุ่มปรากฏพลังลมปราณรูปทรงกระบี่สีฟ้าหนึ่งเล่ม

 

 

แต่ความน่าเหลือเชื่อยังไม่จบ

 

 

“อ๊าก…”

 

 

พลัน อู๋ซางหยานส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความสยองขวัญ

 

 

องครักษ์ผู้มีระดับพลังสูงส่ง บัดนี้กลับมีสภาพกลายเป็นเพียงกระต่ายน้อยผู้ตื่นกลัวตัวหนึ่งไปเสียแล้ว

 

 

ทุกสายตาเฝ้ามองด้วยความตื่นตะลึง

 

 

แล้วสิ่งที่เห็นก็คือมือขวาที่ใช้จับกระบี่ของอู๋ซางหยานบังเกิดเสียงกระดูกแตกหักดังออกมาชัดเจน!

 

 

“เกิดอะไรขึ้น?” อู๋ซางหยานมองหน้าหลินเป่ยเฉินด้วยความโกรธแค้น “เจ้าปีศาจ… เจ้าทำอะไรกับข้า?”

 

 

แต่เขาไม่มีโอกาสได้รู้คำตอบ

 

 

เพราะพริบตาต่อมา เสียงกระดูกแตกหักก็ดังขึ้นทั่วร่างกายของอู๋ซางหยาน ไม่ว่าจะเป็นที่ข้อมือ ที่หน้าแขน ที่ข้อศอก ที่หัวไหล่…

 

 

บาดแผลเริ่มปรากฏขึ้นบนผิวหนัง

 

 

วูบ!

 

 

ก่อนที่ทุกคนจะตั้งสติได้ทัน ร่างกายของอู๋ซางหยานก็แตกหักเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เหมือนตัวต่อเลโก้ที่ถูกเด็กน้อยใช้มือทุบทำลายง่ายดาย

 

 

แล้วเลือดสีแดงสดก็ไหลทะลักเต็มพื้น

 

 

อู๋ซางหยานผู้ดำรงตำแหน่งองครักษ์ข้างกายถังกู่จิน บัดนี้กลับต้องพบจุดจบในสภาพน่าอนาถเกินจินตนาการ

 

 

บรรดาผู้ฝึกยุทธ์ที่เห็นเหตุการณ์นี้ ต่างก็ตกตะลึงจนลืมหายใจ

 

 

ต้องมีพลังแข็งแกร่งระดับไหนกันนะถึงจะทำเรื่องเช่นนี้ได้?

 

 

ฉู่เหินและพรรคพวกก็ตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว

 

 

“แย่แล้ว” โมเสี่ยวเซียงร้องเสียงหลง “หลินเป่ยเฉินเป็นสาวกปีศาจจริงๆ ด้วย…”

 

 

วูบ!

 

 

หลินเป่ยเฉินยกมือโบกสะบัด

 

 

แล้วคมกระบี่ก็สาดประกาย

 

 

บริเวณหว่างคิ้วของโมเสี่ยวเซียงปรากฏจุดเลือดสีแดงขึ้นมาจุดหนึ่ง

 

 

แล้วเขาก็เสียชีวิตไปโดยที่ไม่ทันตั้งตัว

 

 

ถังกู่จินกับไป๋ไห่ชินหันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก พวกเขาต่างพบเห็นความตกตะลึงในดวงตาของกันและกัน

 

 

ไม่สงสัยอีกแล้วว่าทำไมหลินเป่ยเฉินถึงได้กล้ามาปรากฏตัวที่นี่

 

 

ดูเหมือนว่าเจ้าเด็กนรกคนนี้จะมีพลังสูงขึ้นสินะ?

 

 

เวลาเพียงวันเดียว หลินเป่ยเฉินทำได้อย่างไร?

 

 

ทว่า… ถึงจะมีระดับพลังสูงขึ้น แต่ก็เปลี่ยนแปลงจุดจบไม่ได้อีกแล้ว

 

 

“หลินเป่ยเฉิน เจ้าบังอาจสังหารเจ้าหน้าที่ต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก ต่อให้เจ้าหลบหนีไปสุดหล้าฟ้าเขียว ก็หนีความตายไม่พ้นเด็ดขาด วันนี้ถ้าข้าไม่สามารถกุดหัวเจ้าได้ ข้าคงไม่มีหน้าไปสู้ใครได้อีกแล้ว” กระบี่ที่ไป๋ไห่ชินถืออยู่ในมือพลันเปล่งลำแสงสีฟ้า แล้วภาพมายาของมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ก็ปรากฏขึ้นเบื้องหลังชายชรา

 

 

ตวัดกระบี่หนึ่งครั้ง

 

 

จะได้ยินเสียงคลื่นทะเลหนึ่งลูก

 

 

คมกระบี่ที่รุนแรงพุ่งเข้าหาหลินเป่ยเฉิน

 

 

พลังลมปราณหนาแน่นหนักหน่วง

 

 

นี่คือการโจมตีด้วยกระบี่ที่เอาถึงตาย

 

 

นี่คือการโจมตีของเซียนกระบี่ตัวจริง

 

 

มันเป็นคมกระบี่ที่สามารถทำลายล้างได้ทั้งร่างกายและจิตวิญญาณ

 

 

นี่คือความน่ากลัวของมือกระบี่ระดับยอดปรมาจารย์

 

 

หลินเป่ยเฉินไม่สามารถหลบหนีได้เลย

 

 

แต่สิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้นอีกครั้ง

 

 

หลินเป่ยเฉินเพียงยกมือขึ้นมา

 

 

แล้วพลังลมปราณรูปทรงกระบี่ที่อยู่ในมือของเขา ก็เปลี่ยนสภาพกลายเป็นก้อนพลังงานทรงกลม ก่อนที่มันจะลอยตัวขึ้นและหมุนวนในอากาศเหมือนลูกโป่งที่ถูกปล่อยลม

 

 

พลังการโจมตีจากไป๋ไห่ชินสูญสลายหายไปทันที

 

 

“นี่มันอะไรกัน?” เซียนกระบี่จากเมืองไป๋หยุนอุทานออกมาด้วยความไม่อยากเชื่อ

 

 

ต่อให้นี่ไม่ใช่ท่าไม้ตายของเขา แต่มันก็เป็นกระบวนท่าระดับสูงที่สามารถเผด็จศึกยอดมือกระบี่มาแล้วมากมาย เหตุไฉนหลินเป่ยเฉินจึงสามารถสลายมันลงไปได้อย่างง่ายดายถึงเพียงนี้?

 

 

“คิดว่าเป็นฝ่ายเปิดก่อนแล้วจะได้เปรียบหรือไง” หลินเป่ยเฉินหัวเราะออกมาเสียงดัง ก่อนที่จะรวบรวมพลังลมปราณและสร้างลูกบอลสีฟ้าขึ้นมาอีกหนึ่งลูกบนฝ่ามือ

 

 

วูบ!

 

 

พลัน ลูกบอลสีฟ้าเปลี่ยนสภาพกลายเป็นกระบี่พุ่งตัดอากาศไปด้วยความรวดเร็ว

 

 

ไป๋ไห่ชินรู้ตัวอีกที คมกระบี่ก็มาอยู่ตรงหน้าแล้ว

 

 

เงาแห่งความตายคืบคลานเข้ามาโดยไม่ส่งสัญญาณเตือน

 

 

ชายชราโคจรพลังลมปราณและเบี่ยงกายหลบ

 

 

สวบ!

 

 

ได้ยินเสียงคมกระบี่ทะลุเนื้อดังขึ้น

 

 

แล้วกระบี่ปราณวารีก็ปักเข้าไปที่หน้าอกข้างซ้ายของไป๋ไห่ชิน

 

 

มันไม่ได้ทะลุเข้าไปลึก

 

 

แต่ที่น่ากลัวก็คือกระบี่ปราณวารีเหมือนกับมีชีวิต มันค่อยๆ ขยับตัวและมุดหายเข้าไปในร่างกายของชายชราในอีกไม่กี่อึดใจต่อมา

 

 

“อ๊าก!”

 

 

ไป๋ไห่ชินได้แต่ส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด ตัวคนหงายหลังล้มตึงลงไปนอนดิ้นทุรนทุราย