ตอนที่ 345 พลังศักดิ์สิทธิ์
ร่างของไป๋ไห่ชินหงายหลังล้มลงไป
ผิวหนังของเขาปรากฏรอยปูดนูนผิดปกติ เหมือนกับว่ามีตัวอะไรบางอย่างกำลังเลื้อยอยู่ใต้ผิวหนัง ดูน่าขนลุกเป็นอย่างยิ่ง
“อ๊าก…”
ไป๋ไห่ชินพยายามโคจรพลังลมปราณขับไล่สิ่งแปลกปลอมออกจากร่างกาย
แต่ในพริบตาต่อมา แม้เขาจะมีพลังระดับยอดปรมาจารย์ก็ไม่สามารถทนทานความเจ็บปวดระดับนี้ได้อีกแล้ว ไป๋ไห่ชินไม่สามารถทำสิ่งใดได้นอกจากส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน
“หลินเป่ยเฉิน เจ้าใช้พลังปีศาจอันใดกัน…”
ไป๋ไห่ชินเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้นดิ้นทุรนทุราย
ชายชราไม่เหลือภาพลักษณ์ของความเป็นเซียนกระบี่อีกแล้ว
บัดนี้ ไป๋ไห่ชินมีสภาพเหมือนอันธพาลข้างถนน เสื้อผ้าของเขาเปียกโชกด้วยหยาดเหงื่อ เปรอะเปื้อนด้วยเศษฝุ่นและคราบดินโคลนจากพื้นดิน
“อ๊าก…หลินเป่ยเฉิน…เจ้า…”
“ย๊าก…ถ้าจะทรมานกันขนาดนี้…เจ้าฆ่าข้าเลยเสียดีกว่า”
“หลิน…ยังไม่รีบ…ฆ่า…ข้าอีก…”
ไป๋ไห่ชินนอนเกลือกกลิ้งส่งเสียงร้องโหยหวนแหบแห้ง ไม่สนใจภาพลักษณ์อื่นใด นอกจากขอร้องให้หลินเป่ยเฉินรีบสังหารตนเองทิ้งไปโดยเร็ว
“ฆ่าให้ตายเลยมันก็ไม่สนุกน่ะสิ” หลินเป่ยเฉินหัวเราะเยาะ
ไป๋ไห่ชินชักกระตุกด้วยความทรมาน ไม่สามารถเปล่งเสียงพูดได้อีกแล้ว
ต้องเป็นความเจ็บปวดระดับไหนกันนะ ถึงทำให้ผู้มีพลังระดับยอดปรมาจารย์ตกอยู่ในสภาพนี้ได้?
บรรดาผู้คนที่อยู่โดยรอบอดรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาไม่ได้
ไป๋ไห่ชินเป็นเซียนกระบี่จากเมืองไป๋หยุนที่มีชื่อเสียงโด่งดังยาวนานหลายสิบปี
แต่ถูกโจมตีเพียงกระบวนท่าเดียวเท่านั้น ก็ถึงกับต้องร้องขอชีวิตออกมาแล้ว
หลินเป่ยเฉิน
เขาใช้พลังใดกันแน่?
เหล่าเจ้าหน้าที่มือปราบที่ปิดล้อมอยู่โดยรอบเวทีมอบรางวัล ต่างก็ตะลึงลานทำอะไรไม่ถูก
พวกเขามองไม่ออกเลยว่าหลินเป่ยเฉินเป็นวีรบุรุษผู้กล้าหรือว่าเป็นสาวกปีศาจกันแน่
“ให้ตายสิ!” ฉู่เหินที่ยังคงถูกผูกมัดอยู่กับเสาไม้อุทานออกมาพร้อมกับขยับตัวเล็กน้อย หาตำแหน่งให้ตัวเองยืนสบายที่สุด
พานเว่ยหมินและหลิวฉีไห่ที่ถูกจับมัดอยู่รวมกันก็ไม่เข้าใจสิ่งใดอีกแล้ว
หลินเป่ยเฉินมีระดับพลังสูงล้ำมากขึ้นเกินกว่าที่พวกเขาคาดคิด
นี่ไม่มีทางเป็นพลังของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นปรมาจารย์ระดับที่ 2 เด็ดขาด มันเป็นระดับพลังที่ก้าวไกลไปมากกว่านั้นหลายเท่า… แต่ต่อให้หลินเป่ยเฉินสามารถบรรลุพลังเหล่านั้นได้จริง มันก็เป็นไปไม่ได้อยู่ดีที่เด็กหนุ่มจะสามารถทำได้ในเวลาเพียงชั่วข้ามคืน
อู๋เฟิ่งกูกระพริบตาปริบๆ
“บัดซบ ดูเหมือนข้าจะรอดชีวิตแล้วสินะ…”
“มิผิด แต่ก่อนหน้านี้ ท่านพูดอะไรออกมา จำได้หรือไม่?”
เมื่อได้ยินประโยคนั้นจากภรรยา เถ้าแก่สวนแตงโมก็ต้องร้องไห้ออกมาแล้ว
ทำไมสถานการณ์ถึงพลิกผันรวดเร็วขนาดนี้
เสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดทรมานของไป๋ไห่ชินดังกังวานทั่วลานจัตุรัส ไม่ต่างไปจากเสียงกรีดร้องของวิญญาณร้ายที่ทุกข์ทรมานอยู่ในขุมนรก
แต่แทนที่ถังกู่จินจะรู้สึกตื่นกลัว เขากลับระเบิดเสียงหัวเราะชอบใจ
“สังหารเจ้าหน้าที่บ้านเมืองยังไม่พอ นี่เจ้ายังคิดฆ่าเซียนกระบี่จากเมืองไป๋หยุนด้วยหรือ!”
เขามองหน้าหลินเป่ยเฉินและหัวเราะในลำคอ “การกระทำอันอุกอาจของเจ้า มีพยานรู้เห็นเป็นชาวเมืองร่วมหมื่นคน มิหนำซ้ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมายังมีการถ่ายทอดสดไปทั่วทั้งเมือง… ฮ่าฮ่า หลินเป่ยเฉิน วันนี้ต่อให้เจ้าไม่ใช่สาวกปีศาจ แต่ความผิดที่เจ้าได้กระทำลงไป ก็ควรค่าต่อโทษประหารแล้ว ไม่มีผู้ใดจะสามารถช่วยเหลือเจ้าได้อีก”
หลินเป่ยเฉินยิ้มมุมปาก “ยังยิ้มหน้าระรื่นได้อย่างนี้ แสดงว่าไม่เป็นห่วงมิตรสหายเลยสินะ”
ถังกู่จินยิ้มกว้าง
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นชี้หน้าผู้ตรวจการมณฑล แล้วพูดว่า “ถ้าไม่มีใครจะสามารถช่วยเหลือข้าได้จริงๆ อย่างนั้นข้าก็จะฆ่าเจ้าก่อนเป็นคนแรก!”
กระบี่ปราณวารีตวัดตัดอากาศอีกครั้ง
ถังกู่จินเงยหน้าระเบิดเสียงหัวเราะ
“ในโลกนี้มีใครบ้างสามารถต่อกรกับแผ่นยันต์ของเซียนกระบี่โจว?”
นี่คือสาเหตุที่ทำให้ผู้ตรวจการมณฑลหนุ่มมีความมั่นใจ
เขาโคจรพลังลมปราณออกไปอีกครั้ง
วูบ!
ตัวอักษรบนแผ่นยันต์ที่เหลืออยู่ครึ่งหนึ่งระเบิดแสงเป็นประกายเจิดจ้า แล้วลำแสงเหล่านั้นก็เปลี่ยนสภาพกลายเป็นกระบี่สีเงินยวงพุ่งเข้ามาหาหลินเป่ยเฉิน
ควับ!
เด็กหนุ่มยกกระบี่ปราณวารีขึ้นปัดป้อง
เขาประหลาดใจเล็กน้อย
กระบี่ลำแสงจากแผ่นยันต์มีพลังรุนแรงเกินคาดคิด
เห็นอยู่ชัดๆ ว่ามันออกมาจากแผ่นยันต์เก่าครึนั่น เหตุไฉนถึงได้มีพลังน่ากลัวเพียงนี้?
เมื่อเห็นสีหน้าประหลาดใจของหลินเป่ยเฉิน ถังกู่จินก็ยิ้มร่า “เจ้าคงแปลกใจล่ะสิ? นี่คือกระบี่สังหารจากแผ่นยันต์ของเซียนกระบี่โจว และวันนี้ มันจะเป็นสิ่งที่จบชีวิตเด็กโอหังเช่นเจ้า”
กระบี่ลำแสงโจมตีใส่หลินเป่ยเฉินด้วยความหนักหน่วงอีกครั้ง
ลำแสงสว่างวูบวาบ!
มีความน่ากลัวมากกว่าการโจมตีครั้งที่แล้วเสียอีก
หลินเป่ยเฉินยกกระบี่ปราณวารีขึ้นปัดป้องหลายกระบวนท่า แต่ท้ายที่สุดทุกคนก็เห็นว่ากระบี่ลำแสงกำลังจะฟันลงมาที่ศีรษะของเขาแล้ว
“ระวัง!”
หลิงจุนเซวียนกับหลิงอู๋ตะโกนออกมาพร้อมกัน
หลิงไท่ซวีหรี่ตาลงเล็กน้อย
ในเวลาเดียวกันนั้น พวกเขาทั้งสามคนก็แผ่พลังลมปราณออกมาจากร่างกายด้วยความตึงเครียด
“กระบี่ลำแสงอย่างนั้นหรือ? มันจะแข็งแกร่งสักแค่ไหนกันเชียว?”
หลินเป่ยเฉินเงยหน้าขึ้นเผชิญหน้ากับกระบี่ลำแสงโดยไม่หวาดกลัว
เขายกมือขึ้นไปคว้าจับกระบี่ลำแสงหน้าตาเฉย
กระบี่ลำแสงที่ฟันลงมาหยุดชะงักอยู่ในกำมือของเด็กหนุ่ม
ถังกู่จินถึงกับชะงักกึก ดวงตาเบิกโตด้วยความเหลือเชื่อ
ทุกคนที่อยู่รอบบริเวณได้แต่อุทานออกมาโดยไม่รู้ตัวว่า
“เป็นไปได้อย่างไรกัน!”
หลินเป่ยเฉินกระชากกระบี่ลำแสงลงมาจากกลางอากาศ ก่อนที่เขาจะขว้างปามันกลับไปหาถังกู่จิน
วูบ!
กระบี่ลำแสงพุ่งแหวกอากาศ
มันพุ่งตรงเข้าไปหาถังกู่จินด้วยความแม่นยำ
ระดับพลังที่แผ่ออกมาจากตัวกระบี่รุนแรงมากกว่าเดิม
“เป็นไปได้อย่างไร?” ถังกู่จินอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง
เขาไม่กล้าประมาท ถังกู่จินกัดฟันกรอด โคจรพลังลมปราณใส่แผ่นยันต์เก่าแก่อีกครั้ง แล้วตัวอักษรที่ยังเหลืออยู่เพียงน้อยนิดที่ด้านหลังแผ่นยันต์ก็ระเบิดลำแสงเป็นประกายเจิดจ้า ปรากฏกระบี่ลำแสงอีกสามเล่มพุ่งออกมาจากแผ่นยันต์ และแสงสว่างของพวกมันก็เจิดจ้ายิ่งกว่าแสงดวงตะวันเสียอีก!
ครืน!
พลังที่แผ่ออกมาจากกระบี่ลำแสงทำให้มวลอากาศปั่นป่วน
กระบี่ที่พุ่งกลับไปหาผู้ตรวจการมณฑลพลันสลายหายไปในอากาศ
ในเวลาเดียวกันนี้ กระบี่เล่มที่หนึ่งฟันลงมาที่ศีรษะของหลินเป่ยเฉิน
ส่วนกระบี่ลำแสงอีกสองเล่มก็แยกย้ายโจมตีหลินเป่ยเฉินทางซ้ายและทางขวา
“ตายเสียเถิด”
ถังกู่จินคำรามออกมาด้วยความสะใจ
“ฮ่าฮ่า!” หลินเป่ยเฉินหัวเราะเยาะ ใช้ศีรษะโหม่งกระบี่เล่มแรกทิ้งไป ส่วนมืออีกสองข้างก็ยกขึ้นคว้าจับกระบี่ทั้งสองเล่มที่โอบล้อมเข้ามาซ้ายและขวา
ถังกู่จินเบิกตาโตจนดวงตาแทบถลนหลุดจากเบ้า
หลินเป่ยเฉินสามารถใช้เพียงมือเปล่าหยิบจับกระบี่สังหารจากแผ่นยันต์ของเซียนกระบี่โจวได้ไม่ต่างจากการเด็ดดอกไม้ชมสวน
นี่ล้อกันเล่นหรือไร?
ต่อให้หลินเป่ยเฉินจะสามารถเลื่อนระดับพลังขึ้นมาได้ในชั่วข้ามคืน แต่ไม่มีทางที่เด็กหนุ่มจะมีพลังสูงส่งถึงขนาดนี้
“ไงล่ะ ยังหัวเราะออกอยู่อีกหรือไม่?” หลินเป่ยเฉินมีกระบี่ลำแสงถืออยู่ในมือซ้ายและมือขวา เขามองดูตัวเองแล้วก็เหมือนถือดาบเลเซอร์อยู่สองเล่ม แสงสว่างของมันเจิดจ้าในขณะที่ย่างสามขุมเข้าไปหาถังกู่จิน
แน่นอนว่าบัดนี้ถังกู่จินหัวเราะไม่ออกอีกแล้ว
ผู้ตรวจการมณฑลกำลังหวาดกลัว
เขารู้ดีว่าตนเองเจอปัญหาใหญ่เข้าให้แล้ว
มีแต่ต้องสู้ตายเท่านั้น
ถังกู่จินส่งเสียงคำรามจากในลำคอ ก่อนที่จะกัดปลายลิ้นของตนเอง
แล้วเลือดจากปลายลิ้นของเขาก็สาดกระเซ็นใส่แผ่นยันต์เก่าแก่ที่ไม่มีตัวอักษรหลงเหลืออยู่อีกแล้ว
วูบ!
แผ่นยันต์ในอากาศเผาไหม้ทันที
เปลวไฟสว่างไสวโชติช่วง อุณหภูมิความร้อนแผ่กระจาย เปลวไฟที่กำลังเผาไหม้แผ่นยันต์นั้นเปลี่ยนรูปทรงกลายเป็นเหมือนมนุษย์คนหนึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ในอากาศ ใบหน้าของเขาไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน แต่สิ่งที่ทุกคนรู้สึกได้ก็คือเงาร่างและเปลวไฟนั้นกำลังก้มมองลงมาด้วยดวงตาที่สว่างไสวราวกับพระอาทิตย์และพระจันทร์
วูบ!
บรรดากระบี่ที่ปักล้อมกักขังอยู่รอบตัวพ่อลูกตระกูลหลิงพลันลอยกลับขึ้นไปในอากาศ มวลอากาศปั่นป่วนอย่างรุนแรง สามารถสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังแม้จะอยู่ห่างไกลออกไปหลายสิบลี้ และสิ่งที่ทุกคนกำลังพบเจออยู่ในขณะนี้ ก็คือความน่ากลัวในขั้นสุดท้ายของแผ่นยันต์จากเซียนกระบี่โจว!
นี่คือพลังที่ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่สามารถหยุดยั้งได้!!!!