ณ ภายในห้องทำงานของวิกเตอร์
หลังจากทั้งสองคนสงบสติอารมณ์ลงได้ ทั้งคู่ก็เริ่มแลกเปลี่ยนเรื่องราวที่ได้พบเห็นและประสบมาระหว่างการเดินทางของตน ซึ่งรวมถึงสภาพบ้านเมืองและวัฒนธรรมท้องถิ่นมากมายของผู้คนทั้งทวีป และแน่นอน ดนตรีพื้นเมืองและท้องถิ่นประเภท บทสนทนาอันอบอุ่นเต็มไปด้วยความสุข
“ดี ดี! เจ้าโตขึ้นมากจากการเดินทาง ลูเซียน!” วิกเตอร์พยักหน้ายอมรับ เขาบอกได้ว่าตอนนี้ลูเซียนมีความรู้ความเข้าใจต่อดนตรีประเภทต่างๆ เป็นอย่างดี
เนื่องจากตัววิกเตอร์เองก็ตระเวนจัดแสดงดนตรีไปทั่วทวีป แทนที่จะโกหกว่าเพิ่งกลับมาจาก ‘จักรวรรดิไฮลซ์ศักดิ์สิทธิ์’ และ ‘อาณาจักรซีราคิวส์’ ที่ลูเซียนไม่เคยไปมาจริงๆ ลูเซียนกับบอกวิกเตอร์เขาเดินทางมาจากตอนกลางทางใต้ของทวีปไปยัง ‘ช่องแคบสตอร์ม’ แล้วก็เดินทางกลับมาด้วยเส้นทางเดิม เนื่องจากเขาชื่นชอบดนตรีพื้นเมืองในภูมิภาคนั้นเป็นอันมาก เขายังอยู่ที่นั่นเป็นเวลานาน
เมื่อได้ยินคำชมออกมาจากปากอาจารย์ ลูเซียนก็ยิ้มกว้าง “ข้าได้พบเห็นดนตรีประเภทต่างๆ ที่ยอดเยี่ยมและมีเอกลักษณ์มากมายระหว่างการเดินทาง ข้าอยากนำมาใส่เป็นส่วนหนึ่งในดนตรีของข้าขอรับ”
“เพราะอย่างนี้ ข้าเชื่อเสมอมาว่านักดนตรีควรออกเดินทางจากถิ่นที่อยู่บ้าง เพื่อพบเห็นและเผชิญกับประสบการณ์ใหม่ๆ” วิกเตอร์แบ่งปันความคิดของเขาให้ลูเซียนฟัง “ข้ารู้ว่าเจ้าก็ยังคงฝึกดนตรีตลอดสามปีที่ผ่านมา ตอนมาหาข้าเจอครั้งแรก เจ้าไม่มีพื้นฐานดนตรีมากพอ แต่ตอนนี้ เจ้าถมช่องว่างนั้นเต็มแล้ว”
สามปีที่แล้ว แม้ลูเซียนจะมีความทรงจำเป็นเลิศและสามารถแยกประสาทสัมผัสของร่างกายได้อย่างยอดเยี่ยม แต่การทำความเข้าใจองค์ประกอบพื้นฐานทั้งหมดของดนตรีก็ยังเป็นเรื่องยาก แม้ตอนสนทนากับนักดนตรีและนักเต้นเครื่องดนตรีทั่วไป ลูเซียนจะเอาตัวรอดได้ แต่เมื่อต้องสนทนากับนักดนตรีระดับปรมาจารย์ เช่น คริสโตเฟอร์ และวิกเตอร์ เขาก็มีข้อผิดพลาดมากมายให้เห็น แต่นับว่าโชคดี ปรมาจารย์ทั้งสองต่างมีความอดทนสูง และพวกเขาก็รู้ว่าลูเซียนยังเป็นมือใหม่ จึงไม่ได้กดดันลูเซียนมากเกินไปและยังช่วยสอนเขาให้เข้าใจเป็นอย่างดี
ระหว่างช่วงเวลาว่างในเมืองอัลลินและช่วงพักจากการเดินทาง นอกจากการศึกษาอาร์คานาศาสตร์และการสอนนักเวทฝึกหัด ลูเซียนก็มักจะหาโอกาสพักผ่อนด้วยการเล่นดนตรีเสมอ
นักเวทส่วนใหญ่ต่างมีความสนใจและงานอดิเรกของตัวเองในช่วงเวลาว่าง แม้ความทุ่มเทจะเป็นหนึ่งในเงื่อนไขสำคัญต่อความสำเร็จของนักเวท แต่นักเวทก็ต้องหาจุดสมดุลระหว่างเวทมนตร์กับชีวิต ตัวอย่างเช่น ธานาทอส ‘หัตถ์ทำลายล้าง’ ก็เป็นศิลปินเขียนภาพตัวยง และก็ยังเป็นเสือผู้หญิงด้วยเช่นกัน
ตอนนั้นเอง มีเสียงเคาะประตูอย่างสุภาพดังขึ้น
ในฐานะลูกศิษย์ ลูเซียนลุกขึ้นเดินไปเปิดประตู
“ท่านคริสโตเฟอร์?” ลูเซียนถึงจะประหลาดใจ
แม้ว่าอายุจะแก่ขึ้นอีกเล็กน้อย แต่คริสโตเฟอร์ก็ยังคงตัดเล็มหนวดเคราเป็นอย่างดี ไม่ต่างกับเมื่อสามปีที่แล้ว
เมื่อเห็นหน้าลูเซียน คริสโตเฟอร์ก็ยิ้มออกมา “ลูเซียน ยินดีต้อนรับกลับมา”
“ขอบคุณมากขอรับ ท่านประธาน” ลูเซียนยังคงเรียกคริสโตเฟอร์ด้วยตำแหน่งประธานสมาคม แม้ว่าประธานคนปัจจุบันคือ โอเทลโล่
คริสโตเฟอร์กล่าวติดตลก “ตาเฒ่าคนนี้รอสหายหนุ่มกลับมาเยี่ยมเขา เขาเฝ้ารอมานานจนตัดสินใจเดินออกมาแล้วก็พบเจ้า ข้าอยากรู้ใจแทบขาดว่าเจ้าเจออะไรมาบ้างระหว่างเดินทาง รวมถึงเพลงใหม่ๆ ของเจ้า”
ผ่านมาสามปี คริสโตเฟอร์ดันกลายเป็นคนขี้เล่นอย่างนั้น
“ข้ากำลังจะไป…” ลูเซียนรู้สึกละอายใจเล็กน้อย
“ข้าล้อเล่น” คริสโตเฟอร์ยิ้มกว้าง “จริงๆ แล้ว ข้ามาชวนเจ้าทั้งสองคนไปชมการแสดงเล็กๆ ของหนุ่มคนหนึ่ง เขามาจากเมืองกัสตา ทางตอนใต้ ชายหนุ่มผู้โชกโชนคนนี้ผ่านความยากลำบากมากมาย แต่ก็ยังไล่ตามความฝันในด้านดนตรี จนตอนนี้ เขามาถึงอัลโต้ ข้าได้ยินเพลงของเขาจากริมถนน น่าสนใจทีเดียว ข้าเลยชวนเขามาที่สมาคมและจัดการแสดงเล็กๆ”
“บนถนน?” วิกเตอร์ถามขณะเดินเข้ามาหาทั้งสอง
วิกเตอร์ค่อนข้างประหลาดใจ หากเพลงของชายหนุ่มจากริมถนนผู้นี้น่าประทับใจขนาดนั้น เขาน่าจะได้ยินชื่อของเขามาบ้าง อย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย
คริสโตเฟอร์พยักหน้าอย่างจริงจัง “เขาไม่มีเงินเช่าสถานที่ เขาเลยต้องเล่นเปียโนและขับร้องอยู่ริมถนน รูปแบบดนตรีของเขาได้รับความนิยมในเทศกาลดนตรี แต่พวกนักดนตรีส่วนใหญ่ในสมาคมคอยแต่จะดูถูก ด้วยอคติ ช่างเถอะ เขาชื่อ ฟรานซ์”
“ขอรับ” วิกเตอร์ยิ้ม “กำลังเริ่มแล้วใช่ไหม?”
คริสโตเฟอร์ขึ้นไปด้านบนและพยักหน้า “ใช่แล้ว ไปกันเถอะ มีคนรอเราอยู่”
ลูเซียนและวิกเตอร์เดินขนาบข้างคริสโตเฟอร์ ขณะทั้งสามกำลังเดินขึ้นบันได คริสโตเฟอร์ก็ยิ้มออกมา “ฟรานซ์บอกข้าว่าเพลงของเจ้าทำให้เขามีพลังและฮึกเหิม ถ้าไม่มีเพลงของเจ้า เขาบอกว่าคงไม่ได้มาไกลถึงเพียงนี้”
“อ่า?” ลูเซียนรู้สึกประหลาดใจทีเดียว
“ฟรานซ์ไม่ได้มาจากตระกูลร่ำรวย พ่อของเขาเป็นชาวบ้านธรรมดา ทำงานในสมาคมธุรกิจ แม้ครอบครัวจะไม่มีเงินส่งเสียเขาเรียนดนตรี แต่เขาได้รับเลือกเข้าคณะประสานเสียงของโบสถ์เพราะมีน้ำเสียงอันไพเราะ แล้วเขาก็ได้เรียนทักษะการขับร้องและการประพันธ์เพลงพื้นฐาน แต่ต่อมาเขาถูกขับออกจากคณะประสานเสียง เพราะไม่ยอมเป็นคาสตราโต้ แล้วเขาก็เริ่มศึกษาดนตรีอย่างหนักตั้งแต่นั้นมา” คริสโตเฟอร์แนะนำ “แต่โชคร้าย เสียงเพลงของเขาไม่อาจชนะใจพวกขุนนางหรือคนดูได้ หลังจากพ่อเขาเสีย ชีวิตของเขาก็ลำบากมากขึ้น เขาต้องทำงานที่ท่าเรือ คอยดูแลโกดังสินค้า บาร์เทนเดอร์ และกวีข้างถนน… ชีวิตช่างหนักหนาสำหรับคนอายุยี่สิบกว่าๆ ทั้งต่อร่างกายและจิตใจ จนกระทั่งเขาได้ยินเพลง ‘ซิมโฟนีแห่งชะตาชีวิต’ และเริ่มทำเงินได้จากการยึดมั่นในรูปแบบดนตรีของตัวเอง ตอนนี้ เขาอยู่ในอัลโต้”
วิกเตอร์ยิ้ม “ช่างเป็นชายหนุ่มที่แข็งแกร่ง เรื่องแบบนี้ทำให้ข้าสะเทือนใจทุกครั้ง”
“ข้าดีใจจริงๆ ขอรับที่ได้ช่วยเขา” ลูเซียนกล่าวอย่างจริงใจ เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกผิดน้อยลง
…
ไม่นาน ทั้งสามก็ขึ้นมาถึงโรงละครบนชั้นห้า
ภายในโรงละคร มีนักดนตรี นักเล่นเครื่องดนตรี และลูกศิษย์ผู้ศึกษาดนตรีต่างมารวมตัวกันที่นี่ด้วยความอยากรู้ ทุกคนต่างสงสัยว่าชายหนุ่มแบบไหนกันที่สามารถชนะใจของท่านคริสโตเฟอร์
แม้ที่นั่งในโรงละครจะเกือบเต็ม แต่ที่นั่งแถวแรกสุดยังคงว่างอยู่ ที่นั่งตรงนี้สำรองไว้สำหรับนักดนตรีชั้นนำเท่านั้น
“ท่านประธาน”
“ท่านวิกเตอร์”
“ท่านอีวานส์”
เมื่อทั้งสามเดินเข้าไปในโรงละคร นักดนตรีทุกคนต่างลุกขึ้นแสดงการทักทายพวกเขา และมองดูทั้งสามเดินไปยังแถวหน้าสุด
ไม่นาน การแสดงดนตรีเล็กๆ ทางนี้ก็เริ่มขึ้น ฟรานซ์อยู่ในชุดสูทสีดำเดินออกมาหน้าเวทีด้วยความตื่นเต้น เขาโค้งคำนับให้กับผู้ฟังหลายต่อหลายครั้ง
เขาอายุประมาณยี่สิบสี่หรือยี่สิบห้า ด้วยใบหน้าผอมเกร็งและผมหยักศกสีดำ หน้าตาของเขาดูจริงจังมาก ราวกับว่ากำลังสวดภาวนาอยู่ในโบสถ์
เขามองมายังนักดนตรีชั้นนำที่นั่งอยู่แถวหน้า ฟรานซ์รู้ว่ามีคริสโตเฟอร์และวิกเตอร์ แต่ชายหนุ่มอีกคนเป็นใครกัน?
ไม่นาน เขาก็นึกขึ้นได้ว่าชายหนุ่มคนนี้คือใคร มือของเขาเริ่มสั่นจนเขาต้องสูดลมหายใจลึกเข้าปอดอยู่สองสามรอบเพื่อสงบสติอารมณ์ จากนั้น เขาก็นั่งลงตรงหน้าเปียโน นักร้องคาสตราโต้คนหนึ่งก็เดินออกมากลางเวที
ทำนองเพลงจากท่อนของเปียโนไหลลื่นราวกับสายน้ำ เนื้อร้องที่คล้องจองดั่งบทกวีที่ขับร้องโดยนักร้องคาสตราโต้ก็เพราะจับใจ
โครงสร้างดนตรีของท่อนเปียโนสมบูรณ์แบบและหลากหลาย อารมณ์ที่ลุ่มลึกในบทเพลงประกอบเข้ากันด้วยเปียโนอย่างลงตัว
ผู้ฟังในโรงละครต่างๆ ตกอยู่ในภวังค์ของท่วงทำนอง บางคนก็พยักหน้าเบาๆ ตามเสียงเพลง
เพลงที่บรรเลงโดยรูปแบบต่างกันไพเราะจับใจทุกคนที่ได้รับฟัง ทั้งโรงละครเงียบสงัด ไม่มีนักดนตรีคนไหนคิดว่าชายหนุ่มคนหนึ่งจะทำให้บทกวีข้างถนนมีชีวิตใหม่และยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้
เมื่อส่วนแรกของการแสดงดนตรีจบลง ฟรานซ์ยืนอยู่บนเวที เฝ้ารอความเห็นจากนักดนตรีอย่างกระวนกระวาย
นี่เป็นส่วนหนึ่งของการแสดงดนตรีขนาดเล็ก
คริสโตเฟอร์ยิ้ม “อีวานส์เพิ่งกลับมาถึง ให้เขาพูดก่อนเถอะ”
มือของฟรานซ์กุมมือกันแน่น เขาก็วนกระวายอย่างที่ไม่เคยเป็น
ลูเซียนพยายามจะถ่อมตัวต่อหน้าคริสโตเฟอร์ แต่ท่านประธานก็ยืนยันให้เขาพูดก่อน ฉะนั้น ลูเซียนจึงยิ้มและแสดงความเห็น “บทเพลงได้นำเราไปสู่โลกใหม่โดยทำให้เราลืมรูปแบบพื้นๆ ของเพลงธรรมดาๆ พวกนี้”
นี่เป็นความเห็นที่ทรงคุณค่าอย่างยิ่ง และเป็นความเห็นจากบุคคลที่เขาชื่นชอบ ฟรานซ์โบกมือขวาเบาๆ ด้วยความปิติ มีน้ำตาคลอเบ้าของเขา
ลูเซียนยังกล่าวต่อ “เจ้าได้สำรวจเพลงรูปแบบใหม่ที่อาจเกิดขึ้นอย่างยอดเยี่ยม ซึ่งเป็นเส้นทางใหม่ที่อยู่ตรงหน้าพวกเรา ข้าเคยมีความคิดที่จะเอาบทพรรณนาความรักใส่ไว้ในเพลง หวังว่าเราจะได้คุยกันหลังการแสดงจบ”
ลูเซียนได้รับแรงบันดาลใจจากเพลงของฟรานซ์
“แน่นอนขอรับ… ขอบคุณท่านมาก ท่านอีวานส์ ท่านอาจไม่รู้ แต่ข้าต้องบอกว่าในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในชีวิต ตอนที่ข้าเกือบจะยุติชีวิตดนตรี ก็ได้ ‘เพลงซิมโฟนีแห่งชะตาชีวิต’ ของท่านช่วยข้าไว้… ท่านอาจไม่รู้ว่าข้ารู้สึกตื่นตะลึงและฮึกเหิมขนาดไหนตอนที่ได้ฟังเพลงของท่าน…”
………………………