แม้ว่าแสงสีแดงที่พาตัวชายหนวดเฟิ้มไปจะเร็ว แต่มันจะเล็ดรอดสายตาของจ้าวเทวะได้ยังไง?
ลู่จือยี่คว้าทั้งสองและใช้ใบไม้ทองคำหนีได้ทันเวลา แต่แสงสีแดงบางๆนั้นก็ปะทะเข้ากับหลังของลู่จือยี่
ถ้าเป็นลู่จือยี่ในสภาพเดิม การโจมตีธรรมดาๆจากขอบเขตภูติคงทำอะไรกับร่างกายของนางในระดับจ้าวเทวะไม่ได้
แต่นางกำลังบาดเจ็บสาหัสและเข้าต่อสู้กับชายหนวดเฟิ้ม การที่ต้องถูกโจมตีจากขอบเขตภูติอีกครั้งถือว่ารุนแรงอย่างมาก นางจึงทำได้แค่เลือกวิธีหนีออกมาแทนที่จะขยับตัวหลบ
แสงสีแดงแล่นผ่านไหล่ทั้งสองของลู่จือยี่ ความร้อนมหาศาลทำให้ชุดของนางติดไฟ
ลู่จือยี่ปล่อยพลังชีวิตออกมาดับไฟ แต่ชุดของนางก็ถูกเผาไปบ้างทำให้เห็นผิวที่ถูกไหม้จนแดง ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงทำให้นางอ้าปากหอบ
“หึหึหึ จ้าวเทวะผู้แข็งแกร่งมาถึงกระโจมเทพสวรรค์ด้วยตัวเองเชียวรึ…”
เสียงหัวเราะที่ดูเหมือนไม่ใช่มนุษย์ดังมาจากบ่อลาวาทมิฬราวกับจะหัวเราะเยาะให้กับการจำกัดพลังที่ทำให้นางเสียเปรียบกับสัตว์อสูรขอบเขตภูติ
บ่อลาวาขยับไปมาโดยมีคนทั้งสามมองดู บางสิ่งขนาดร้อยศอกที่มีสีดำออกมาจากภายใน
ซือหยูคิดว่ามันเป็นหินก้อนใหญ่ แต่มองดูใกล้ๆจะพบกับลูกตาสีขาวที่ขนาดเท่าศีรษะมนุษย์ใต้ลาวาทมิฬ มันเล็กมากเมื่อเทียบกับขนาดร้อยศอกของมัน
“นั่นมันกบใช่ไหม?”
ซือหยูตกใจ สัตว์ประหลาดคล้ายก้อนหินตรงหน้าพวกเขาคือกบ!
“มันไม่ใช่กบธรรมดาๆ มันคือกบแก้วเพลิงเนตรขาว ราชาสัตว์อสูรที่มีพลังระดับแรกๆของขอบเขตภูติ!”
ลู่จือยี่ให้ข้อมูล สัตว์อสูรตัวนี้มีพลังอยู่มาก
“มันมีสายโลหิตอมตะและเกิดจากเพลิงที่ทรงพลัง มันคือสัตว์วิญญาณที่ปรมาจารย์ช่างในโลกภายนอกเลี้ยงดูและหายสาบสูญจากโลกไปนานแล้ว มันกลับมีอยู่หนึ่งตัวที่นี่!”
เนตรสีขาวของกบแก้วฉายแววเจ้าเล่ห์
“หึหึ เจ้ารู้จักข้ารึ! ดีกว่าพวกโจรองครักษ์เก้าคนนั่นนะ!”
เก้าคน…มีคนอื่นนอกจากชายหนวดเฟิ้มประจำอยู่ที่นี่อีกรึ? ดูเหมือนว่าพวกนั้นจะกลายเป็นอาหารที่น่าพึงพอใจสำหรับกบแก้วเพลิงเนตรขาวไปแล้ว
กบแก้วเพลิงเนตรขาวตวัดลิ้นใส่แผ่นศิลาที่กลางเพลิง แผ่นศิลานั้นเปล่งแสงสีดำและเผยรูปลักษณ์ที่แท้จริงออกมา มันคือกบสีเขียวตัวเล็กขนาดเท่าฝ่ามือ!
“ตัวอ่อนกบแก้วเพลิงเนตรขาว?”
ลู่จือยี่ใจหาย
“มันปลอมตัวเป็นคัมภีร์ลับของวิชาช่างลับสวรรค์หรอกรึ? เช่นนั้นที่นี่ก็ไม่มีสมบัติช่างฝีมือสินะ?”
ก่อนตาย ชายหนวดเฟิ้มบอกว่าที่นี่ไม่ใช่ที่เก็บสมบัติแต่เป็นการบูชายัญโลหิต!
“หึหึ ใช่แล้ว เจ้าผิดหวังรึ?”
กบแก้วเพลิงเนตรขาวยิ้มเยาะ
ลู่จือยี่ที่รู้ตัวว่าที่ทำมาทั้งหมดสูญเปล่าค่อยๆหลับตา นางลืมตาอีกครั้งและหายใจเข้าลึก นางแววตาเย็นชา
“เจ้าคิดจะขังพวกข้าไว้ที่นี่รึ?”
กบแก้วเพลิงเนตรขาวยิ้ม
“ถึงจะใช้โลหิตของเจ้าโง่เก้าคนนั้น ข้าก็อาจจะขาดพลัง แต่ถ้าข้าได้กินจ้าวเทวะสักคนล่ะก็…”
ลู่จือยี่เยือกเย็น
“หึ ฝันไปเถอะ!”
กบแก้วเพลิงเนตรขาวไม่ตอบอะไร มันหัวเราะอย่างเยือกเย็นก่อนจะป้าปากตวัดลิ้นยาวโดยหวังว่าจะกลืนกันทั้งสามในคราเดียว
“เอาเลย!”
ลู่จือยี่คำราม ไม่มีโอกาสที่พวกเขาจะได้หนีถ้ายังมีกบนี่อยู่ พวกเขาต้องเสี่ยงต่อสู้
ซือหยูหัวใจแทบหยุดเต้น นี่คือขอบเขตภูติของจริง!
ซือหยูมิอาจประมาทเมื่อต้องเจอกับสัตว์ประหลาดเช่นนี้ เขาหายใจเบาๆและใช้ลำดับห้าธาตุโอบล้อมพวกเขาทั้งหมดทันที
ซือหยูคลายใจขึ้นมาบ้างเมื่ออยู่ในลำดับห้าธาตุ ลำดับนั้นไม่เคยแตกเมื่อเขาใช้มันด้วยพลังสูงสุด อย่างมากที่สุดก็แค่สั่นสะเทือน
ที่อีกด้าน เว่ยกังถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาที่เห็นพลังของลำดับห้าธาตุมาก่อนนั้นรู้สึกปลอดภัย
มีแค่ลู่จือยี่ที่สีหน้าเคร่งเครียด
“จู่โจมด้วยทุกสิ่งที่เจ้ามี อย่าออมมืก!”
ไผ่ทองคำหล่นจากแขนเสื้อ มันคือไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์
กบแก้วเพลิงเนตรขาวตัวแข็งทื่อ มันมองไผ่ทองคำด้วยความตกใจ
“เป็นไปได้ยังไง? ไผ่เทวะจากจิวโจว ไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์รึ? มันถูกทำลายไปหมดเมื่อหลายปีมาแล้วไม่ใช่รึไงกัน? เจ้ายังมีเหลืออยู่อีก…วิเศษจริงๆ!”
ลู่จือยี่ไม่สนใจ นางใช้พลังชีวิตในร่างเพื่อฝืนใช้ไผ่เทวะ ซือหยูเป็นห่วงนาง นางฝืนใช้ไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์ไปแล้วหลายครั้ง ถ้านางยังใช้ต่อไปอีก บาดแผลของนางก็จะยิ่งซ้ำร้าย
แต่เมื่อถึงความเป็นความตาย นางนั้นต้องเสี่ยงด้วยทุกอย่างที่มือ ซือหยูมิอาจออมมือได้
ซือหยูนั่งสมาธิลงกับพื้น แสงพลังวิญญาณแล่นออกมา ดวงวิญญาณออกจากกายหยาบ
เว่ยกังไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดซือหยูจึงนั่งลงไปและหลับตาในสถานการณ์อันตรายเช่นนี้ แต่ลู่จือยี่นั้นเหลือบมองด้วยความตกตะลึง วิญญาณของเขาออกจากร่าง!
นางยังคงไร้อารมณ์แม้ในใจจะตกตะลึงอย่างมาก มีแค่จ้าวเทวะเท่านั้นที่จะสำเร็จระดับนั้นได้! นั่นก็เพราะว่าวิชาที่เกี่ยวข้องกับวิญญาณ จ้าวเทวะจะต้องใช้มันในการป้องกันหลายชั้นเท่านั้น และพวกจ้าวเทวะก็ใช้วิชาวิญญาณได้ไม่นานด้วย
แต่ซือหยูกลับใช้มันออกมาอย่างเรียบเฉย ดูเมหือนเขาจะคุ้นเคยกับวิชานี้มาก
นางมิอาจหยุดตกตะลึง นางไม่เคยได้ยินวิชาที่ทำให้วิญญาณของคนที่ระดับต่ำกว่าจ้าวเทวะออกมาจากร่างได้ ลู่จือยี่รู้สึกได้ว่าซือหยูนั้นแปลกไปอย่างมาก เขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าที่นางคิดว่าเขาเป็น
นี่มันน่าขันยิ่งนัก นางเนป็นจ้าวเทวะผู้ยิ่งใหญ่ มีพลังเหนือกว่าซือหยูหลายขั้น ในอดีต นางแทบไม่ต้องเหลือบตามองเด็กน้อยอย่างซือหยูตรงๆ แต่ในตอนนี้นางได้พบกับสิ่งใหม่
นางข่มใจและเพิ่มพลังชีวิตในร่าง นางใช้ไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์ นางสะบัดข้อมือพร้อมกับแสงสีทองที่ซัดไปข้างหน้า
พลังมหาศาลของมันดูเหนือกว่าทุกสิ่ง
วิญญาณของซือหยูอยู่ห่างจากกบสามสิบศอก เขาจู่โจมวิญญาณของศัตรูอย่างไร้ปรานี!
แต่กบแก้วเพลิงเนตรขาวก็หัวเราะเยาะ
“ด้วยการจำกัดพลัง การโจมตีของพวกเจ้ามันไร้ค่า!”