ทว่าหลังจากนั้นหนึ่งวัน ผู้อาวุโสของนิกายหยวนหมิง นิกายประตูจันทราโบราณและนิกายอื่นๆต่างก็แทบจะเสียสติ

“ออกมาเจ้าอู๋ตี่ โผล่หัวออกมาซะ!”

ผู้อาวุโสของนิกายหยวนหมิงคำรามออกมา “เจ้าบัดซบนี่เป็นเหมือนหนอนตามก้น ไม่ว่าพวกเราจะไปที่ไหน ก็จะติดตามไปที่นั่น เห็นพวกเราเป็นแสงไฟชี้นำทาง เป็นโล่กำบังของเจ้าหรือ? จับจ้องแต่สายแร่ที่พวกเราค้นพบและแอบขุดออกไป นี่เจ้ายังมีความละอายใจอีกหรือไม่? ไม่เคยเห็นใครที่น่ารังเกียจและไร้ยางอายเช่นเจ้ามาก่อน เจ้าคือความอับอายของจักรวาล!”

พวกเขาต่างก็โมโหกันอย่างแท้จริง

เดิมทีพวกเขาไม่ต้องการที่จะสนใจเรื่องของอู๋ตี่และตามหาสายแร่ต่อไป เพราะถึงอย่างไรสถานที่แห่งนี้ก็เต็มไปด้วยหินห้วงมิติมากมาย มีที่ไหนที่จะหาสายแร่ขุดไม่ได้

ทว่ามีที่ไหนที่เป็นอย่างที่พวกเขาคิด เจ้าอู๋ตี่ไร้ยางอายอย่างมาก ไม่มีความละอายใจแม้แต่น้อย แอบตามตูดของพวกเขา เมื่อพวกเขาปะทะเข้ากับกลุ่มของอสูรเวิ้งว้าง เจ้าชายคนนี้ก็จะแอบลักลอบเข้าไปใต้ดิน ขุดหินห้วงมิติออกไปทั้งหมด ไม่มีแม้กระทั่งเส้นขนหลงเหลือให้พวกเขา

นี่มันไม่ได้แตกต่างไปจากการที่พวกเขาทำงานอย่างหนักเพื่อเจ้าอู๋ตี่เลย ช่วยกำจัดอสูรเวิ้งว้างและให้โอกาสเจ้าบัดซบที่ไร้ยางอายนั่นได้ลักลอบเข้าไปใต้ดิน ขุดสายแร่ออกมาทั้งหมด ปล้นชิงความมั่งคั่งทั้งหมดของพวกเขาไป

หากเรื่องนี้เกิดขึ้นครั้งสองครั้ง พวกเขาก็คงจะคิดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญได้ ทว่ามันก็ไม่ใช่เช่นนั้น เพราะมันเกิดขึ้นแบบนี้ในทุกครั้ง เห็นพวกเขาเป็นดั่งลูกน้องของตนเอง ใช้ประโยชน์พวกเขาในการรับมือกับกลุ่มของอสูรเวิ้งว้าง

เรื่องเช่นนี้ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ต่อให้จะเป็นรูปปั้นก็ต้องมีอารมณ์ฉุนเฉียวขึ้นมาเช่นกัน

นอกจากนี้เจ้าบัดซบนั่นก็ได้ทิ้งข้อความไว้ในสายแร่ บอกว่ารู้สึกขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของพวกเขา อีกทั้งก็ยังยินดีที่ได้ร่วมมือกัน

ร่วมมือตูดข้าสิ นี่บิดาของเจ้าบัดซบนั่นสอนว่านี่คือการร่วมมืออย่างนั้นหรือ?!

มันคือการร่วมมืออย่างไรหากพวกเขาไม่ได้ผลประโยชน์ใดๆเลย หนำซ้ำยังทำงานอย่างหนัก แตกต่างจากฝ่ายตรงข้ามอย่างสิ้นเชิงที่แทบจะไม่ได้ทำอะไร เพียงแค่ขุดหินห้วงมิติอย่างเดียว ไม่ว่าใครเห็นเช่นนี้ก็ต้องคิดว่าหุ้นส่วนเอาเปรียบ พวกเขาปรารถนาที่จะจับเจ้าบัดซบอู๋ตี่มาและฉีกร่างกายให้กลายเป็นพันๆชิ้นทันที

“เจ้าบัดซบอู๋ตี่ หากเป็นลูกผู้ชายที่แท้จริง ก็โผล่หัวออกมาซะ ออกมาต่อสู้กับพวกเราสักสามร้อยยก ตอนนี้เจ้าก็เป็นเพียงแค่หนู เป็นหนูสกปรกที่ไม่กล้าสู้หน้าผู้คน เจ้ารู้หรือไม่?!”

ผู้อาวุโสของนิกายประตูจันทราโบราณตะโกนเสียงดังออกไป ใช้วิธีการยั่วยุเพื่อกระตุ้นให้ผู้อื่นเคลื่อนไหว

“ใช่ โผล่หัวออกมาซะ แน่จริงก็มาต่อสู้เดิมพันชีวิตกับพวกเรา การที่เอาแต่หลบๆซ่อนๆเช่นนี้ ไม่ได้แตกต่างจากหนูสกปรกแม้แต่น้อย เจ้าจะกล้าเรียกตนเองว่าลูกผู้ชายได้อีกหรือ?” ผู้อาวุโสจำนวนมากกัดฟันอย่างแน่น

แต่ไม่ว่าพวกเขาจะตะโกนอย่างไร รอบๆก็เงียบสงัด ไม่มีเสียงใดๆดังขึ้นมา ดูเหมือนว่าจะไม่ต้องการตอบสนองต่อพวกเขา ยังคงวางแผนที่จะตามตูดพวกเขาไป ต้องการที่จะร่ำรวยขึ้นมาอย่างเงียบๆ

นี่ก็ทำให้พวกเขาโกรธแค้นอย่างมาก แต่ละคนต่างก็มีควันออกจมูก

“ท่าไม่ดีแล้ว ปล่อยให้เป็นเช่นนี้ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นการที่พวกเราทำงานกันอย่างหนัก ทว่าผลประโยชน์ทั้งหมดก็ตกไปอยู่ในมือของเจ้าอู๋ตี่นั่น พวกเราไม่ได้มาแม้กระทั่งเส้นขน ราวกับเป็นการตัดชุดแต่งงานให้ผู้อื่น”

ผู้อาวุโสของนิกายสวรรค์ชั้นฟ้าเอ่ยออกมา

“พวกเราจะสามารถทำอะไรได้อีก? เจ้าคิดว่าพวกเราไม่ต้องการกำจัดเขาหรือ ทว่าความสามารถในการหลบซ่อนของเขาก็ล้ำเลิศเกินไป ปรากฏตัวและหายไปอย่างที่ไม่อาจคาดเดาได้ ไม่สามารถหาตำแหน่งของเขา หากเขาไม่ได้ทิ้งข้อความไว้บนผนังถ้ำล่ะก็ พวกเราก็คงจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใคร” ผู้อาวุโสของนิกายสวรรค์เบื้องบนก็พูดออกมาอย่างอับจนหนทาง นี่ไม่ใช่เป็นการที่พวกเขาไม่ต้องการกำจัดเจ้าอู๋ตี่ ทว่าเป็นเพราะฝ่ายตรงข้ามเจ้าเล่ห์เกินไป

“เหอะ ต่อให้จะปรากฏตัวและหายไปอย่างที่ไม่อาจคาดเดาได้ ทว่าสุดท้ายแม้แต่พระก็ไม่สามารถหลบหนีออกจากวัดได้”

ผู้อาวุโสของนิกายบัญชาสวรรค์เผยสายตาที่เย็นชาออกมา “ตราบใดที่พวกเราจัดตั้งค่ายกลยับยั้งไว้ใกล้กับสายแร่ จัดตั้งตาข่ายที่หลบหนีไม่ได้ เมื่อใดที่เจ้าเด็กนั่นก้าวเข้าไปในกับดักของพวกเรา ทันใดนั้นพวกเราก็จะสามารถจัดการกับเจ้าอู๋ตี่และกลุ่มของอสูรเวิ้งว้างได้ภายในคราวเดียว เมื่อถึงเวลานั้น ต่อให้เจ้าเด็กนั่นจะมีปีก ก็ไม่สามารถหลบหนีออกไปได้”

“เยี่ยม นี่เป็นความคิดที่ดี”

เมื่อผู้อาวุโสของนิกายหยวนหมิงได้ยินเช่นนี้ เขาก็มีสายตาเป็นประกายทันที “พวกเราไม่สามารถตามหาตำแหน่งของเขาได้ ทว่าก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเราจะจัดตั้งกับดักขึ้นมาไม่ได้ รอให้เจ้าเด็กนี่เดินเข้ามาติดกับดักเอง จับเขามาเป็นๆ”

“นิกายของพวกเราก็บังเอิญมีค่ายกลบัญชาสวรรค์จองจำ เมื่อใดที่จัดตั้งสำเร็จ มันจะผนึกฟ้าปิดกั้นพสุธา ครอบคลุมความว่างเปล่าอย่างสมบูรณ์ ปิดกั้นพื้นที่ทั้งหมด ไม่ว่าเจ้าเด็กนั่นจะมีความสามารถในการหลบหนีที่ร้ายกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถหลบหนีออกไปได้อย่างแน่นอน”

ผู้อาวุโสของนิกายบัญชาสวรรค์แสยะออกมา “ถึงอย่างไรเจ้านั่นก็เล็งเป้าหมายมาที่พวกเราก่อน พวกเราสามารถใช้กลยุทธ์แผนซ้อนแผนได้ มุ่งหน้าไปที่สายแร่และจัดตั้งค่ายกล รอให้เจ้าเด็กนั่นหลงกลพวกเรา”

“เยี่ยม ข้าอดทนอดกลั้นกับเจ้าเด็กนั่นมามากพอแล้ว จะต้องทำลายเจ้าบัดซบนั่นให้สิ้นซาก”

ผู้อาวุโสจำนวนมากก็มองหน้าซึ่งกันและกันพลางกำหมัดขึ้นมา ปรองดองสามัคคีกันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

พวกเขาก็เริ่มเคลื่อนไหวกันทันที กระจายกันออกไป บางส่วนตามหาสายแร่ บางส่วนหาสภาพแวดล้อมสำหรับจัดตั้งกับดัก บางส่วนเตรียมวัสดุสำหรับค่ายกล บางส่วนยืนคุ้มกันอยู่รอบๆ ไม่ให้แผนการนี้รั่วไหลออกไปได้

อีกทั้งก็มีผู้อาวุโสบางคนที่อดทนรอไม่ไหว ออกสำรวจหารอบๆ หวังว่าจะสามารถตามหาร่องรอยเจ้าเด็กนั่นได้

……………..

ทว่าในตอนนี้ เซี่ยปิงไม่ได้ให้ความสนใจกับแผนการของนิกายหยวนหมิงและนิกายอื่นๆแม้แต่น้อย เขาได้เดินทางไปยังสถานที่อีกแห่งหนึ่ง เพราะว่าสไลม์ทองสัมผัสได้ถึงสายแร่ขนาดใหญ่ของหินห้วงมิติ

สายแร่แห่งนี้เหมือนจะมีขนาดใหญ่กว่าสายแร่ที่ผ่านๆมานับสิบนับร้อยเท่า เป็นสายแร่ขนาดมหึมาอย่างแท้จริง ซ่อนเร้นหินห้วงมิติไว้อย่างมหาศาล อยู่เหนือจินตนาการของทุกๆคน

“ช่างเป็นสายแร่ที่ใหญ่สุดๆ!”

เซี่ยปิงก็ติดตามสไลม์ทองไป มาถึงพื้นที่เทือกเขาแห่งหนึ่ง พื้นที่เทือกเขาแห่งนี้มีขนาดใหญ่มาก ทอดยาวออกไปไกลกว่าสามแสนกิโลเมตร ไกลจนสุดลูกตาจะมองเห็น มีภูเขาที่สูงตระหง่านตั้งเรียงรายกันอยู่นับไม่ถ้วน

นี่เป็นเหมือนกับมังกรสวรรค์บรรพกาลที่เลื้อยอยู่บนพื้นดินก็ว่าได้ มีขนาดใหญ่และอลังการ ทำให้ผู้คนตกตะลึง

ในขณะเดียวกันเขาก็สามารถสัมผัสได้ว่าส่วนลึกของพื้นที่เทือกเขาแห่งนี้มีออร่าที่คลุ้มคลั่งแผ่ออกมา มีอสูรเวิ้งว้างจำนวนนับไม่ถ้วนที่อาศัยอยู่รอบๆ มีราชันอสูรเวิ้งว้างเป็นจำนวนมาก ซึ่งแต่ละมีพลังอำนาจอยู่ในระดับลงทัณฑ์สายฟ้าขั้นสูงสุด

เรียกได้ว่าสถานที่แห่งนี้เป็นรังที่แท้จริงของพวกอสูรเวิ้งว้าง มีจำนวนมากกว่าสามร้อยล้านตัวเสียอีก

เมื่อใดที่อสูรดุร้ายเหล่านี้คลุ้มคลั่งขึ้นมา นี่คือคลื่นยักษ์ของสัตว์ร้ายที่แท้จริง สามารถกวาดทำลายทุกสิ่งทุกอย่างได้

หล่ง หล่ง หล่ง~

ในตอนนี้ สไลม์ทองก็ขุดลงไปที่พื้นดินอย่างกะทันหัน เป็นเหมือนกับเครื่องขุดเจาะก็ว่าได้ เจาะทะลวงผ่านชั้นพื้นดินไปได้อย่างง่ายดาย เจาะลึกลงไปถึงหลายร้อยกิโลเมตร

จากนั้นมันก็ลงไปลึกใต้ดินและทำการขุดอุโมงค์ที่น่าอัศจรรย์ขึ้นมา เป็นเหมือนกับช่องทางที่สามารถเคลื่อนที่ใต้พื้นที่เทือกเขานี้ ในช่วงเวลานี้ก็เงียบสงัดอย่างมาก ไม่มีอสูรเวิ้งว้างใดๆที่ค้นพบการสั่นสะเทือนนี้

เพราะว่าฝีมือการขุดทำอุโมงค์ใต้ดินของสไลม์ทองร้ายกาจอย่างมาก มันดูดกลืนก้อนหิน ดินและมวลสารอื่นๆเข้าไปโดยตรง จากนั้นก็ย่อยสลายภายในท้องของมัน ดังนั้นจึงไม่ได้เกิดเสียงใดๆขึ้น กลืนกินสิ่งเหล่านี้เข้าไปอย่างไร้ร่องรอย

“ร้ายกาจจริงๆ”

เซี่ยปิงก็มีสายตาเป็นประกาย เพราะว่าสายแร่นี้มีขนาดใหญ่จริงๆ ทอดยาวออกไปไกลหลายหมื่นกิโลเมตร มีหินห้วงมิติเป็นปริมาณที่มากจนเกินจินตนาการ สายแร่ขนาดเล็กกว่าสิบแห่งก่อนหน้านี้ ไม่สามารถที่จะเทียบเส้นขนของสายแร่นี้ด้วยซ้ำ

เรียกได้ว่าสายแร่ของหินห้วงมิตินี้ควรจะเป็นสายแร่หลักภายในดินแดนที่ลี้ลับแห่งนี้ เป็นสถานที่ที่เก็บขุมทรัพย์ที่แท้จริงไว้

“เดี๋ยว นั่นมันคือสิ่งใดกัน?”

ทันใดนั้นจิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์ของเซี่ยปิงก็แผ่กระจายออกไป สำรวจไปทั่วใต้ดินจนไปถึงส่วนที่ลึกที่สุดโดยตรง

เห็นเพียงแค่ส่วนลึกของอุโมงค์นี้ มีแสงสว่างที่ปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหัน เหมือนกับเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ซ่อนอยู่ใต้ดิน เป็นโพรงขนาดใหญ่ พื้นที่แห่งนี้ก็เพียงพอที่จะรองรับประชากรกว่าหลายล้านคนได้

ทว่าตรงกลางของพื้นที่แห่งนี้ มีคริสตัลขนาดเท่ากับกำปั้นปรากฏขึ้นมา มันส่องแสงเจ็ดสีออกมาทั่วทั้งตัว ระยิบระยับอย่างต่อเนื่อง จุดประกายสว่างให้ทั่วทั้งพื้นที่

ทว่าราชันอสูรเวิ้งว้างจำนวนมากก็เหมือนจะคลานอยู่ใต้คริสตัลก้อนนี้ กำลังคุ้มครองแร่ที่แปลกประหลาดนี้อยู่ เหมือนกับรังสีที่ฉายออกมาจากมันจะมีผลประโยชน์ต่ออสูรเวิ้งว้างเหล่านี้อย่างมาก

“ไม่มีทาง นี่มันหินศักดิ์สิทธิ์เจ็ดสี! เจ้านาย จะต้องครอบครองมันมาให้ได้ ครอบครองหินก้อนนี้มา”

เมื่อได้ยินข้อมูลที่เซี่ยปิงถ่ายทอดมา กระทิงสีครามก็ตื่นเต้นอย่างมาก ตะโกนออกมาจากภายในพื้นที่ของลูกปัดพิภพ