เพราะลูกชายทั้งสองติดแม่มาก เขาก็เลยไม่ได้ทำอะไรแบบนี้มานานแล้ว พอมีโอกาสได้มาอยู่ในสถานที่ที่กว้างขวางซ้ำยังไม่มีใครมารบกวนเช่นนี้ ศึกรักจึงดุเดือดมาก

หยาดเหงื่อจากร่างแข็งแรงของชายหนุ่มทำให้กู้จิ้งรู้สึกเหมือนถูกคลื่นยักษ์ถาโถมเข้าใส่ พอถึงจุดไคลแมกซ์ เธอก็เผลอลืมตัวใช้เล็บข่วนแผ่นหลังของเซียวเถี่ยเฟิงเข้าอย่างแรง

เซียวเถี่ยเฟิงถูกข่วนก็ยิ่งตื่นเต้น หลังจากนั้นเขาก็พยายามงัดกลเม็ดทั้งหมดออกมามอบความรักให้สตรีใต้ร่าง

รอจนทุกอย่างผ่านพ้นไป ทั้งสองก็นอนกอดกันอย่างเกียจคร้าน พวกเขามอบจุมพิตพลางป้อนคำหวานให้แก่กัน ไม่รู้ผ่านไปนานแค่ไหน ในที่สุดทั้งสองก็ลุกขึ้นบิดขี้เกียจแล้วมุดออกจากกระเป๋า

คิดไม่ถึงว่า พอออกมากลับพบว่ามีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง

เอ๋… ทิวทัศน์ในฤดูใบไม้ผลิแสนงดงามเมื่อครู่หายไปไหนแล้ว?

ทั้งสองมองหน้ากันด้วยความตื่นตะลึง

ทันใดนั้น พวกเขาก็ตระหนักถึงปัญหาปัญหาหนึ่งขึ้นมา ระหว่างที่พวกเขากำลังพร่ำพลอดกันอยู่ในกระเป๋า ไม่รู้เหมือนกันว่าไปโดนอะไรเข้า กระเป๋าหนังสีดำใบนี้ก็เลยพาพวกเขาข้ามเวลามาอีกแล้ว

ทั้งสองมองหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างเข้าใจความกังวลบนใบหน้าของอีกฝ่าย

“เซียวต้าเป่า!”

“เซียวเอ้อเป่า!”

ทั้งสองร้องตะโกนออกมาพร้อมกันพลางตั้งหน้าตั้งตาวิ่งกลับไปที่บ้าน

ถ้าพวกเขาข้ามเวลามา แล้วลูกทั้งสองคนล่ะ พวกเขาทิ้งลูกทั้งสองไว้ท่ามกลางกาลเวลาหรือเปล่า?

ช่างเป็นพ่อแม่ที่ไม่ได้ความจริงๆ เห็นแก่ความสุขของตัวเอง สุดท้ายก็เลยทำเรื่องไร้จิตสำนึกแบบนี้ออกมา!

ทั้งสองวิ่งกลับไปที่บ้านราวกับคนบ้า เห็นบ้านยังดูใหม่เหมือนเดิม กำแพงด้านนอกเหมือนจะเปลี่ยนกระเบื้องใหม่ ต้นไม้ที่นอกกำแพงพวกนั้นก็สูงกว่าเดิมมาก

ทั้งสองถอนใจโล่งอก ใจคิดว่าถึงเวลาจะผ่านไป แต่ก็ไม่น่าจะนานนัก อย่างมากก็ปีสองปี

หวังว่าลูกทั้งสองจะยังมีชีวิตอยู่!

ทั้งสองตั้งท่าจะก้าวเข้าไป คิดไม่ถึงว่าพอเดินไปถึงหน้าประตูเรือนกลับพบว่าเหนือประตูบานนั้นมีป้ายเขียนเอาไว้ว่า ‘จวนฟ้าประทาน’ ทั้งสองตะลึงงัน ในใจอดนึกสงสัยไม่ได้ว่านี่หมายความว่าอย่างไร? หรือบ้านหลังนี้จะเปลี่ยนเจ้าของไปแล้ว?

แล้วลูกสองคนของพวกเธอล่ะ?

หัวใจของทั้งสองบีบตัวแน่น พวกเขารีบผลักประตูเข้าไป คิดไม่ถึงว่าเพิ่งเดินไปได้ไม่กี่ก้าว องครักษ์สิบคนก็โผล่ออกมาล้อมพวกเขาเอาไว้ ซ้ำยังใช้ง้าวยาวชี้ตรงมาที่พวกเขาอีกด้วย

“พวกเจ้าเป็นใคร กล้าบุกจวนของท่านเซียนแบบนี้!”

เซียวเถี่ยเฟิงกับกู้จิ้งตกใจมาก สุดท้ายเซียวเถี่ยเฟิงก็ก้าวออกไปข้างหน้าพลางกล่าวเสียงเย็น “ตอนนี้เป็นปีไหน แล้วใครเป็นคนอาศัยอยู่ที่นี่?”

“เจ้าโจรชั่ว เรื่องแค่นี้ก็ไม่รู้งั้นรึ นี่ย่อมเป็นจวนของเป่าต้าเซียน พวกเจ้ากล้าบุกเข้ามาแบบนี้ พี่น้องทั้งหลาย จับพวกมันเอาไว้!”

เซียวเถี่ยเฟิงกับกู้จิ้งยิ่งงงกว่าเดิม ชั่วพริบตาต่อมา คนทั้งกลุ่มก็บุกเข้ามา พวกเขาย่อมไม่ยอมอยู่เฉยๆ ให้จับง่ายๆ เซียวเถี่ยเฟิงปกป้องกู้จิ้งไปพลางตอบโต้ไปพลาง ไม่นานนักอีกฝ่ายก็แตกพ่ายไม่เป็นกระบวน

หลังจากคนเหล่านั้นล้มลง ใครบางคนก็ตะโกนขึ้นว่า “เร็วเข้า มีคนบุกจวนของท่านเซียน!”

เซียวเถี่ยเฟิงกับกู้จิ้งยิ่งงงกว่าเดิม ชั่วพริบตาต่อมา คนทั้งกลุ่มก็บุกเข้ามา พวกเขาย่อมไม่ยอมอยู่เฉยๆ ให้จับง่ายๆ เซียวเถี่ยเฟิงปกป้องกู้จิ้งไปพลางตอบโต้ไปพลาง ไม่นานนักอีกฝ่ายก็แตกพ่ายไม่เป็นกระบวน

หลังจากคนเหล่านั้นล้มลง ใครบางคนก็ตะโกนขึ้นว่า “เร็วเข้า มีคนบุกจวนของท่านเซียน!”

สิ้นเสียงของเขา คนอีกกลุ่มก็โผล่ออกมาจากทุกทิศทุกทาง

กู้จิ้งอกสั่นขวัญแขวน “ฉันคือหมอเทวดา พวกนายเป็นใคร?”

หรือเวลาผ่านไปหลายปีแล้ว บ้านของพวกเขาก็เลยถูกคนอื่นยึดครอง ลูกของพวกเขาตายไปนานแล้ว แถมยังมีคนอื่นมาทำตัวเป็นสิบแปดมงกุฎหลอกลวงชาวบ้านที่นี่ต่ออีกด้วย?

คิดไม่ถึงว่าในตอนนั้นเอง เด็กหนุ่มคนหนึ่งกลับปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าพวกเขา เขาสวมเสื้อคลุมสีแดง ศีรษะสวมมงกุฎทองม่วง ด้านหลังมีสาวใช้เดินตามมาสี่คน ดูหล่อเหลาเอามากๆ

กู้จิ้งเบิกตากว้าง

นี่ๆๆ เด็กหนุ่มตรงหน้าผู้นี้มีอายุประมาณสิบเอ็ดถึงสิบสองปี แต่กลับมีหน้าตาคล้ายกับสามีของเธอมาก เรียกได้ว่าเป็นเซียวเถี่ยเฟิงเวอร์ชันย่อส่วนดีๆ นี่เอง!

แต่ว่า…ตอนที่จากไป เซียวต้าเป่าเพิ่งอายุเจ็ดขวบ ส่วนเซียวเอ้อเป่าอายุสามขวบ กู้จิ้งจึงยังทำใจยอมรับไม่ค่อยได้ หรือเพียงชั่วพริบตาเดียว ลูกของเธอก็โตขนาดนี้แล้ว?

เด็กหนุ่มคนนั้นหันมาเห็นกู้จิ้งกับเซียวเถี่ยเฟิงเข้าก็ตะลึงงันไปเช่นกัน ทันใดนั้น แววยินดีก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา น้ำตาเอ่อขึ้นมาในดวงตา

“ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านกลับมาแล้ว!”

เด็กหนุ่มโผเข้ามากอดกู้จิ้งเอาไว้

กู้จิ้งตื่นเต้นดีใจมาก ไปเปิดศึกในป่ามารอบหนึ่ง ลูกชายก็โตเป็นผู้ใหญ่ที่รู้ความ ไม่ต้องให้เธอคอยดูแลอีกต่อไป เธอดีใจจนน้ำตาไหลเลยทีเดียว

“ต้าเป่า เจ้าโตขนาดนี้แล้ว แถมยังรู้ความอีกด้วย ดีจริงๆ เลย!”

เขาจะไม่ดื้อ ไม่ทำให้เธอโมโหจนแทบเต้นอีกแล้ว

“ท่านแม่ ข้าคือเอ้อเป่าต่างหาก!” เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นพลางตอบอย่างว่าง่าย

“เอ้อ…เอ้อเป่า?!” กู้จิ้งตกใจ

“ใช่ ข้าคือเอ้อเป่า ท่านแม่ ท่านจำข้าไม่ได้แล้วหรือ?” เด็กหนุ่มน้อยอกน้อยใจ

“จำได้ จำได้แน่นอน!” กู้จิ้งลูบใบหน้าหล่อเหลาของเซียวเอ้อเป่า “เอ้อเป่าเอ๊ย ลูกชายที่รักของแม่ ปีนี้เจ้าอายุเท่าไหร่แล้ว?”

เอ๋… ทำไมคำพูดนี้ถึงฟังดูแปลกๆ นะ ลูกชายของเธอ แต่เธอกลับไม่รู้ว่าอายุเท่าไหร่?

“ท่านแม่ พวกท่านจากไปเจ็ดปีแล้ว ปีนี้พี่ชายข้าอายุสิบสี่ ข้าเองก็อายุสิบเอ็ดปีแล้ว แถมท่านพี่ยังนำพาข้าสร้างอาณาจักรของเราขึ้นบนเขาเว่ยอวิ๋นแล้วอีกด้วย” เซียวเอ้อเป่าพูดด้วยความภาคภูมิใจ

“อาณาจักร?” กู้จิ้งสังหรณ์ใจไม่ค่อยดีนัก

“ใช่ ผู้คนในรัศมีสามร้อยลี้รอบเขาเว่ยอวิ๋นล้วนเป็นศิษยานุศิษย์ของเรา พวกเขาเชื่อฟังเรามาก ขุนนางท้องถิ่นเองก็ส่งองครักษ์มาคอยคุ้มครองเรา เราฝึกทหารใต้บังคับบัญชาขึ้นกลุ่มหนึ่ง ทั้งยังสั่งสมทรัพย์สินเงินทองเอาไว้จำนวนหนึ่ง บนแผ่นดินนี้ไม่มีอะไรที่เราต้องกลัวอีกต่อไป!”

เซียวเอ้อเป่าพูดให้มารดาฟังเหมือนกำลังโอ้อวดสมบัติล้ำค่า

เซียวเถี่ยเฟิงกับกู้จิ้งผู้น่าสงสารตกใจจนได้แต่มองหน้ากันไปมา พูดอะไรไม่ออกสักคำ

ในตอนนั้นเอง ทหารองครักษ์อีกกลุ่มหนึ่งก็มาถึง พวกเขาตั้งใจมาจับโจรโดยเฉพาะ ดังนั้นหัวหน้ากลุ่มจึงตะโกนขึ้นว่า “การปกป้องท่านเซียนเป็นหน้าที่ของทุกคน พวกเราสู้ตาย!”

พูดจบก็ยกง้าวขึ้นพุ่งเข้าใส่เซียวเถี่ยเฟิงกับกู้จิ้ง

ทันใดนั้น เซียวเอ้อเป่าซึ่งกำลังแสร้งทำตัวเป็นเด็กดีอยู่ในอ้อมกอดของมารดาก็ก้าวออกไปข้างหน้าแล้วตวาดเสียงดังว่า “พวกเจ้าไม่มีตารึ กล้าล่วงเกินท่านพ่อเซียนกับท่านแม่เซียนของข้า!”

ท่านพ่อเซียนท่านแม่เซียน? กู้จิ้งกับเซียวเถี่ยเฟิงพูดไม่ออก

องครักษ์กลุ่มนั้นได้ยินเช่นนี้ก็ถึงกับตะลึงงันอยู่กับที่ พริบตาต่อมา พวกเขาก็รีบคุกเข่าลงอย่างรวดเร็ว

“ขอต้อนรับท่านพ่อเซียนกับท่านแม่เซียนกลับคืนสู่โลกมนุษย์!”

ระหว่างที่คนกลุ่มนี้กำลังตะโกน เด็กหนุ่มในชุดเสื้อคลุมสีแดงอีกคนก็เดินมาจากอีกฟาก เขามีริมฝีปากแดงฟันขาวดวงตางดงามราวภาพวาด คล้ายกู้จิ้งอยู่หลายส่วน

“ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านกลับมาแล้ว?”

กู้จิ้งกับเซียวเถี่ยเฟิงเงยหน้าขึ้น “หา? เจ้าคือ…เจ้าคือเซียวต้าเป่า?”

เซียวต้าเป่าโผเข้ามาด้วยความตื่นเต้นยินดี “ใช่ ท่านแม่ ในที่สุดพวกท่านก็กลับมา เรารอพวกท่านมาเจ็ดปีแล้ว? ในช่วงเจ็ดปีมานี้ พวกท่านไปทำอะไรมาหรือ?”

เซียวเถี่ยเฟิง “…”

กู้จิ้ง “…”

พระท่านว่าไม่ควรเอ่ย

เซียวต้าเป่าหันไปตำหนิองครักษ์เหล่านั้นรอบหนึ่ง บอกว่าต่อไปอยู่ว่างๆ ก็เบิกตาให้กว้าง จำหน้าท่านพ่อเซียนกับท่านแม่เซียนให้ดี ห้ามล่วงเกินเด็ดขาด

องครักษ์กลุ่มนั้นย่อมคุกเข่าลงยอมรับผิดอย่างนอบน้อม จากนั้นจึงคลานหนีไป

พอถอยห่างออกมา องครักษ์ A ก็กล่าวขึ้นว่า “ท่านพ่อเซียนกับท่านแม่เซียนดูไม่แก่แถมยังดูดีมากๆ อีกด้วย!”

องครักษ์ B “แน่นอน นั่นคือท่านพ่อท่านแม่ของท่านเซียนนะ ย่อมต้องไม่แก่และดูดีอยู่แล้ว”

องครักษ์ C “แต่ทำไมรูปสลักของท่านพ่อเซียนกับท่านแม่เซียนในศาลด้านนอกถึงดูไม่ค่อยดีนักล่ะ?”

องครักษ์ A กับองครักษ์ B หันขวับไปมององครักษ์ C เป็นตาเดียว “พูดเหลวไหลอะไร?!”

องครักษ์ C รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม “หรือพวกเจ้าคิดว่ารูปสลักในศาลเหมือนกับท่านพ่อเซียนท่านแม่เซียน? ถ้าเหมือน ทำไมพวกเจ้าถึงจำท่านพ่อเซียนกับท่านแม่เซียนไม่ได้เล่า?”

องครักษ์ A กับองครักษ์ B พูดไม่ออก

จริงด้วย ทำไมรูปสลักในศาลถึงมีหน้าตาแบบนั้นนะ?!

แตกต่างจากตัวจริงมากขนาดนั้น พวกเขาจะจำได้ยังไง?

ไม่พูดถึงองครักษ์ ‘ตาถั่ว’ กลุ่มนี้ หันมาพูดถึงกู้จิ้งกับเซียวเถี่ยเฟิง หลังจากเข้าไปทำศึกรักในกระเป๋าจนสะใจมารอบหนึ่ง พอออกมาลูกทั้งสองก็โตแล้ว แถมยังดูเหมือนจะ ‘ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน’ อีกด้วย พวกเขาก็ตื่นตะลึงจนถึงขั้นทำอะไรไม่ถูก

ทั้งสองถูกลูกชายพาเข้าไปใน ‘จวนเซียน’ หลังจากสาวใช้หน้าตาสะสวยยกน้ำชากับผลไม้มาให้ พวกนางก็ถอยออกไป ปล่อยให้สองสามีภรรยาพูดคุยกับบุตรชายตามลำพัง