ถูกไล่ออกมายิ่งดี แบบนี้เขาก็จะกินของเซ่นไหว้ได้อย่างเปิดเผยแล้ว!

หลังจากไล่สองพ่อลูกออกไป กู้จิ้งรู้สึกว่าไม่ถูกต้องนัก เธอไล่พวกเขาออกไปแบบนี้ พวกเขาก็ออกไปรับบทเซียนหลอกลวงคนอื่นต่อไปได้ตามใจชอบน่ะสิ?

แต่คิดถึงเรื่องที่สองพ่อลูกร่วมมือกันแล้ว ช่างเถอะๆ ไล่ก็ไล่ไปแล้ว เลิกคิดดีกว่า

ไม่นานนักเซียวเอ้อเป่าก็ตื่น พอไม่เห็นมารดา เด็กน้อยก็เบะปากร้องไห้โฮ กู้จิ้งได้ยินก็รีบวิ่งกลับเข้าไปในห้อง ไม่สนใจสองพ่อลูกที่ถูกไล่ออกไปอีก

เธอตรวจดูก่อนว่าเซียวเอ้อเป่าอึหรือว่าฉี่หรือไม่ จากนั้นก็รีบอุ้มขึ้นมาตบหลังเบาๆ แต่เซียวเอ้อเป่ายังเอาแต่ร้องไห้งอแงไม่หยุด กู้จิ้งนึกรู้ว่าแกคงจะหิวแล้ว ดังนั้นจึงรีบป้อนนมให้

ป้อนไปๆ เซียวเอ้อเป่าก็ผายลมออกมาเสียงดัง จากนั้นก็มีอะไรบางอย่างร้อนๆ ไหลตามออกมา กู้จิ้งเห็นแกฉี่ ปากก็ร้องออกไปโดยไม่รู้ตัวว่า “เซียวเถี่ยเฟิง เอ้อเป่าฉี่ รีบหยิบผ้าอ้อมผืนใหม่มาเร็ว”

แต่รออยู่เป็นนานก็ไม่มีเสียงตอบรับ กู้จิ้งค่อยนึกขึ้นได้ว่า ตาโง่ที่คอยทำทุกอย่างตามที่เธอสั่งโดยไม่เคยปริปากบ่นถูกไล่ออกไปแล้ว

เธอวางเซียวเอ้อเป่าลงแล้วเดินไปหยิบผ้าอ้อมเอง หลังจากทำความสะอาดเสร็จก็เปลี่ยนผ้าอ้อมผืนใหม่ให้ เสร็จแล้วค่อยป้อนนมให้เซียวเอ้อเป่าต่อ

รอจนเซียวเอ้อเป่ากินอิ่ม นอนเล่นอยู่บนเตียงอย่างอารมณ์ดี กู้จิ้งก็ฉวยโอกาสรีบกินข้าว กินเสร็จแล้วค่อยเอนกายลงกอดลูกนอน

เฮ้อ…นอนคนเดียว เหงาเหมือนกันแฮะ

ไม่คิดแล้วๆ ต้องอดทนให้ได้!

เซียวเถี่ยเฟิงกับเซียวต้าเป่าไปพักอยู่ที่ถ้ำซึ่งมักจะใช้เป็นสถานที่พักผ่อนเวลาเข้าป่าไปล่าสัตว์

เซียวต้าเป่าคว้าชายเสื้อของเซียวเถี่ยเฟิงเอาไว้พลางพูดด้วยความตื่นเต้น “ท่านพ่อ ตอนนี้เราจะทำอะไรกันดี? ในเมื่อถูกไล่ออกแล้วเราย่อมสมควรต้องทำการใหญ่ ให้ท่านแม่มองเราใหม่”

เซียวเถี่ยเฟิงพูดไม่ออก เขาเอื้อมมือไปลูบศีรษะลูก ในใจอดคิดไม่ได้ว่ามิน่ากู้จิ้งถึงได้โกรธ เซียวต้าเป่านี่ซุกซนจริงๆ คิดแล้วเขาก็ถอนใจยาว “เซียวต้าเป่าเอ๊ย บนโลกนี้มีการใหญ่ไม่กี่เรื่อง เราก็อยู่เงียบๆ ล่าสัตว์เลี้ยงชีพต่อไปเถอะ ตอนนี้เจ้ารอพ่ออยู่ในถ้ำก่อน พ่อจะไปดูว่ามีสัตว์มาติดกับดักที่วางทิ้งไว้บ้างหรือไม่ ถ้ามีเราค่อยมาย่างกินกัน”

ก่อนจากไป เซียวเถี่ยเฟิงก่อไฟทิ้งเอาไว้กองหนึ่ง เซียวต้าเป่าก็กอดฮัสกี้นั่งรออยู่ตรงข้างกองไฟเงียบๆ

ไม่นานนัก เซียวเถี่ยเฟิงก็หิ้วไก่ป่าที่ทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อยแล้วกลับมาที่ถ้ำ จากนั้นก็ใช้กิ่งไม้เสียบแล้วเริ่มลงมือย่าง

ไก่ป่าอ้วนมาก ระหว่างที่ย่างมีน้ำมันหยดในกองไฟดังชี่ๆ ทำให้ไฟยิ่งลุกโชนกว่าเดิม ไม่นานนัก ไก่ก็สุก เซียวเถี่ยเฟิงเป่าให้มันเย็นลง จากนั้นจึงฉีกปีกออกมา “ต้าเป่า หอมไหม”

เซียวต้าเป่ารับปีกไก่ไปแทะโดยไม่สนใจว่ามันยังร้อนอยู่ พอแทะเนื้อหมด โยนกระดูกให้ฮัสกี้ เซียวเถี่ยเฟิงก็ส่งน่องไก่มาให้อีก

เห็นเซียวต้าเป่ากินอย่างเอร็ดอร่อย เซียวเถี่ยเฟิงก็นึกถึงครั้งหนึ่งในอดีตที่ตัวเองเคยย่างไก่ป่า เพลงที่กู้จิ้งเคยร้องตอนแทะปีกไก่เรียกว่าอะไรนะ?

อ้อ ใช่แล้ว ฉันชอบกินปีกไก่ย่าง…

คิดถึงตรงนี้ เซียวเถี่ยเฟิงก็ฉีกปีกไก่กับน่องไก่ที่เหลือออกมาแล้วใช้ผ้าห่อเอาไว้ ปากก็พึมพำว่า “เสี่ยวจิ้งเอ๋อชอบกินปีกไก่มากที่สุด เดี๋ยวข้าต้องเอาไปให้นาง”

เพลงนั้นเพราะมาก แต่เซียวเถี่ยเฟิงไม่เข้าใจเลยว่าทำไมกู้จิ้งถึงได้ร้องซ้ำๆ อยู่ประโยคเดียวนะ?

กู้จิ้งเองก็ไม่เข้าใจ ทำไมตาโง่นั่นถึงได้สมองทึบแบบนี้นะ ดึกขนาดนี้แล้วก็ไม่รู้จักกลับมา ในป่ามีความชื้นสูง ถ้าไม่สบายไปจะทำยังไงกัน?

แต่เซียวเอ้อเป่าอายุยังน้อย ไม่เหมาะจะอุ้มเข้าไปในป่าตอนกลางคืน ถ้าทำให้แกตกใจอีกคงจะไม่ดีแน่

คิดไปคิดมา กู้จิ้งก็ผล็อยหลับไป กลางดึก เสียงร้องไห้ของเซียวเอ้อเป่าปลุกกู้จิ้งตื่น เธอยื่นมือออกไปผลักคนข้างๆ ทั้งที่ยังหลับตา “เซียวเถี่ยเฟิง ไปดูซิว่าลูกเป็นอะไร?”

แต่ข้างกายกลับมีเพียงความว่างเปล่า กู้จิ้งบ่นพึมพำกับตัวเองด้วยความจนใจ จากนั้นจึงฝืนลุกขึ้นเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เซียวเอ้อเป่า เสร็จแล้วก็เอาผ้าอ้อมใช้แล้วไปโยนใส่อ่างไม้ที่หน้าประตู

คิดไม่ถึงว่าเซียวเอ้อเป่าที่เพิ่งเปลี่ยนผ้าอ้อมเสร็จกลับไม่ยอมนอนต่อ แกเอาแต่เบิกตามองกู้จิ้งนิ่ง กู้จิ้งเห็นแล้วทั้งขันทั้งโมโห เธอจำต้องอุ้มเซียวเอ้อเป่าขึ้นมาตบหลังพลางเดินวนไปวนมาอยู่ในห้อง หวังจะกล่อมให้หลับ

ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำให้กู้จิ้งเหนื่อยเหลือเกิน “ตอนเลี้ยงต้าเป่าไม่เห็นจะเหนื่อยแบบนี้เลย ถ้ารู้ว่าเอ้อเป่างอแงแบบนี้ ไม่ไล่เขาไปเสียก็ดี…”

ไม่มีผู้ชายนี่ลำบากจริงๆ เธอน่าจะไล่เซียวต้าเป่าไปคนเดียวให้เขาได้รับบทเรียน แต่เก็บแรงงานอย่างเซียวเถี่ยเฟิงเอาไว้

แต่คิดอีกทีก็ไม่ถูกต้องนัก ไล่เซียวต้าเป่าไป ถ้าเขาไปทำอะไรไม่ดีจะทำยังไงกัน?

คิดทั้งคืนก็ยังคิดไม่ตก สุดท้ายก็ผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว

เช้าวันรุ่งขึ้น กู้จิ้งคิดจะฉวยโอกาสที่เซียวเอ้อเป่ายังหลับสนิทจัดการซักผ้าอ้อมที่เก็บสะสมเอาไว้ทั้งคืนให้สะอาดแล้วตากให้แห้ง คืนนี้จะได้มีผ้าอ้อมใช้

กู้จิ้งหาวพลางเดินไปที่ประตู แต่แล้วกลับพบว่าผ้าอ้อมที่โยนทิ้งไว้ตรงหน้าประตูหายไปเสียแล้ว

“หรือจะวางผิดที่?” กู้จิ้งมองออกไปข้างนอกด้วยความงุนงง พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นผ้าหลายสิบผืนซึ่งถูกตากไว้บนราวกำลังปลิวสะบัดไปตามสายลมยามเช้า กู้จิ้งถึงได้รู้ว่าเซียวเถี่ยเฟิงคงแอบกลับมาซักให้ตอนกลางคืน

กู้จิ้งเดินไปแตะผ้าผืนหนึ่งดู ยังชื้นอยู่แถมยังมีน้ำหยด ดูท่าเพิ่งจะซักเสร็จไม่นาน “ฮึ! ถือว่าเขายังมีจิตสำนึกอยู่บ้าง ซักสะอาดดีนี่”

หืม? กลิ่นอะไร จู่ๆ กู้จิ้งก็ได้กลิ่นหอมของอะไรบางอย่าง เธอเดินตามกลิ่นไปที่ห้องครัว พอเปิดฝาหม้อดูก็พบว่าในหม้อมีข้าววางอยู่ชามหนึ่ง แถมบนชามนั้นยังมีปีกไก่กับน่องไก่อยู่ด้วย

ปีกไก่กับน่องไก่ยังร้อนอยู่ หนังถูกย่างเป็นสีเหลืองกรอบ แค่ดูก็รู้ว่าอร่อย!

กู้จิ้งเห็นเช่นนี้ก็อดยิ้มไม่ได้

ฮึ! ไม่กลับมาใช่ไหม รอดูไปแล้วกันว่าใครจะทนได้นานกว่ากัน

คิดได้เช่นนี้ เธอก็หยิบน่องไก่ขึ้นมากินอย่างอารมณ์ดี

 

ตอนแรกๆ ที่กู้จิ้งคลอดทารกซึ่งหน้าตาคล้ายกับลุงหัวล้าน เธอทั้งเสียใจทั้งผิดหวัง แต่ผ่านไประยะหนึ่ง ทารกน้อยก็ดูไม่ค่อยเหมือนกับลุงหัวล้านอีกต่อไป เธอถึงได้รู้สึกดีขึ้นบ้าง

คิดไม่ถึงว่าผ่านไปได้สองปี เธอก็ให้กำเนิดทารกน้อยอีกคน พอได้เห็นแกครั้งแรก เธอรู้สึกเหมือนตัวเองถูกฟ้าผ่าไม่มีผิด นี่ๆๆ ทำไมเด็กคนนี้ถึงได้เหมือนกับหัวหน้าตระกูลเซียวคนที่เธอเคยเห็นสมัยยังเด็กนะ? ตาแก่หัวโบราณคร่ำครึที่เอาแต่ตีหน้าเคร่งขรึมพูดจาภาษาบัณฑิตที่ไม่มีใครฟังรู้เรื่อง?

กู้จิ้งทนทุกข์ทรมานใจอยู่อีกสองปี ในที่สุดก็รู้สึกดีขึ้น

ตอนนี้เธอทำใจยอมรับความจริงได้แล้ว เธอเป็นบรรพบุรุษฝ่ายหญิงของตระกูลเซียวแห่งเขาเว่ยอวิ๋นจริงๆ บรรพบุรุษฝ่ายหญิงคนที่ถูกลบชื่อออกจากม้วนรายชื่อบรรพบุรุษ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมลูกหลานเนรคุณถึงได้ลบชื่อของเธอออก คุณยายเอ๊ยคุณยาย ช่างอกตัญญูเสียจริง!

พอทำใจได้แล้ว เธอก็ใช้ชีวิตอยู่บนเขาเว่ยอวิ๋นกับเซียวเถี่ยเฟิงอย่างมีความสุข

เดี๋ยวนี้เธอรักษาโรคให้ผู้คน ว่างๆ ก็เปิดบรรยายเรื่องการดูแลรักษาสุขภาพ ผู้คนที่มาฟังการบรรยายของเธอมาจากทั่วทุกสารทิศ ช่วยไม่ได้ ภูเขาไม่สูงมีเซียนสถิตอยู่ก็ศักดิ์สิทธิ์ หมอเทวดาแห่งเขาเว่ยอวิ๋นเช่นเธอมีชื่อเสียงโด่งดังมาก

วันนี้ เธอกับเซียวเถี่ยเฟิงกำลังช่วยกันเก็บพุทราเปรี้ยว เธอคิดจะเอาพุทราเปรี้ยวไปดองให้ลูกกิน สองสามีภรรยาเก็บไปๆ ก็รู้สึกเหนื่อยขึ้นมา ดังนั้นจึงล้มตัวลงนอนพักผ่อนบนพื้นหญ้า

ยามนี้มีแสงแดดสดใสสายลมพัดเอื่อย ต้นไม้ใบหญ้าพลิ้วไหวไปตามสายลม ทำให้จิตใจของผู้คนทั้งปลอดโปร่งทั้งผ่อนคลาย

เซียวเถี่ยเฟิงกอดกู้จิ้งเอาไว้พลางกล่าวอย่างยิ้มแย้ม “เจ้าคิดว่าเวลานี้เหมาะจะทำอะไรมากที่สุด?”

กู้จิ้ง “คงจะเหมาะกับการทำงานมากที่สุดล่ะมั้ง”

เซียวเถี่ยเฟิงมองใบหน้าอ่อนโยนสีชมพูเรื่อกับดวงตาทอประกายวาววับของเธอแล้ว ในใจก็นึกปรารถนาขึ้นมา เขาจึงขยับเข้าไปใกล้ๆ แล้วกล่าวคำสองคำกับเธอด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

ใบหน้าของกู้จิ้งเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เธอรีบกวาดตามองไปรอบๆ เห็นเจ้าเด็กบ้าสองคนนั่นไม่รู้กลับบ้านไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอจึงเอื้อมมือไปหยิกเอวของเขาเบาๆ

“คิดอะไรกัน ระวังลูกๆ จะมาเห็นเข้า”

“ไม่หรอก เจ้าสองคนนั้นไม่มาแน่”

“ที่นี่มีคนเดินผ่านไปผ่านมา ถ้ามีใครมาเห็นเข้า…”

แต่ยามนี้เซียวเถี่ยเฟิงคิดแต่จะ ‘เอาเจ้า’ มีเวลามาสนใจอะไรให้มากความเสียที่ไหน บังเอิญมือของเขาคลำไปโดนกระเป๋าหนังสีดำเข้าพอดี เขาจึงกล่าวเสียงแหบพร่าว่า “ไป เราหลบเข้าไปในกระเป๋ากัน”

“อืม…”

เซียวเถี่ยเฟิงเคยตามกู้จิ้งเข้าไปหยิบของในกระเป๋าหลายครั้ง เรียกได้ว่าคุ้นเคยดี พริบตาต่อมา ทั้งสองก็มุดเข้าไปในกระเป๋า พอเข้าไปได้ เซียวเถี่ยเฟิงก็หมดความอดทน เขารีบกอดกู้จิ้งเอาไว้ ถอดเสื้อผ้าของเธอออก จากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มคลุกวงในกัน