เขาถูกชะตาเจ้าหมาน้อยน่ารักตัวนี้ขึ้นมาทันที

“หมาป่าน้อย แม่ของเจ้าล่ะ?” เซียวต้าเป่าลูบหัวของมัน น้ำเสียงที่พูดเต็มไปด้วยความเอ็นดู ทำให้หมาป่าน้อยนึกชอบเขาขึ้นมาเช่นกัน

มันส่งเสียงร้องครางคำหนึ่งแล้วก็แลบลิ้นออกมาเลียมือของเซียวต้าเป่าอีก

เซียวต้าเป่าลุกขึ้นมองไปรอบๆ แต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของแม่หมาป่า

“เจ้าน่าสงสารจริงๆ แม่ไปไหนก็ไม่รู้ ตามข้ากลับบ้านดีไหม” เซียวต้าเป่าออกแรงอุ้มหมาป่าน้อยขึ้นมาอย่างยากลำบาก “ท่านแม่ของข้าใจดีมากเลย ท่านแม่ทำของอร่อยให้ข้ากินบ่อยๆ ถึงตอนนั้นเราก็มาแบ่งกันกินดีไหม”

เด็กคนอื่นๆ เห็นเช่นนี้ก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ

พวกเขาคิดอยู่แล้วว่าต้องเจอลูกหมาป่า กำลังตั้งท่าจะบุกเข้าไปพร้อมท่อนไม้ในมือ เซียวต้าเป่ากลับบอกว่าจะอุ้มลูกหมาป่ากลับบ้าน

นี่ๆๆๆ… สมกับเป็นเซียน ไม่เหมือนคนอื่นๆ จริงๆ ด้วย!

ทุกคนมองเซียวต้าเป่าด้วยสายตาเคารพเลื่อมใส

“ทุกคนกลับบ้านไปก่อน สั่งสอนลูกหมาป่าตัวนี้เสร็จแล้ว ข้าจะพามันกลับบ้าน”

“ท่านพี่เซียน ท่าน…ท่านร้ายกาจจริงๆ…”

ทุกคนปากอ้าตาค้าง

เซียวต้าเป่าเองก็รู้สึกว่าตัวเองร้ายกาจมาก เขาอุ้มหมาป่าน้อยเดินกลับบ้านด้วยความภาคภูมิใจ

สำหรับเด็กอายุสี่ขวบอย่างเซียวต้าเป่า ลูกหมาป่าในอ้อมแขนหนักมาก เดินไปได้ระยะหนึ่ง เขาก็ต้องวางมันลงบนพื้นแล้วหยุดพักสักครู่หนึ่ง

เซียวต้าเป่ายกมือขึ้นเช็ดเหงื่อบนหน้าผากพลางพูดกับลูกหมาป่าว่า “เจ้าหนักมากเลย ข้าว่าข้าก็กินข้าวเยอะแล้วนะ ทำไมเรี่ยวแรงถึงไม่เพิ่มขึ้นเลย? หรือข้าสมควรต้องเรียนวิชาเซียนเหมือนกับท่านแม่? อืม…ดูท่าข้าต้องหาวิธีเอาถุงหนังสีดำใบนั้นมาให้ได้ซะแล้ว”

เขายกมือขึ้นเท้าคางพลางครุ่นคิดถึงปัญหา หลังจากหยุดพักอยู่ครู่หนึ่ง พอมีเรี่ยวแรงมากขึ้น เซียวต้าเป่าก็อุ้มลูกหมาป่าขึ้นมาแล้วเดินกลับบ้านต่อ

เดินๆ หยุดๆ อยู่หลายครั้ง เหนื่อยจนแทบจะไม่มีเรี่ยวแรงเหลืออยู่อีก ในที่สุดเซียวต้าเป่าก็เห็นประตูบ้าน

“หมาป่าน้อย ทนอีกนิดนะ เดี๋ยวเราก็จะถึงบ้านแล้ว” เซียวต้าเป่าให้กำลังใจตัวเองพลางพยายามเดินไปที่ประตูบ้านทีละก้าวๆ อย่างยากลำบาก

“เจ้าลูกเวร ออกไปเล่นก็ไม่รู้จักกลับมา นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว” กู้จิ้งมองท้องฟ้าด้วยความร้อนใจ ฟ้าใกล้จะมืดแล้ว ทำให้เธออดกังวลใจไม่ได้ “รอให้พ่อของเจ้ากลับมาเมื่อไหร่ ค่อยให้เขาออกไปตามหาก็แล้วกัน เจ้าลูกเวร ดูสิว่าคราวนี้ฉันจะสั่งสอนยังไง วันๆ เอาแต่ซุกซนอยู่ข้างนอก!”

เซียวเอ้อเป่ากำลังหลับ กู้จิ้งไม่กล้าไปไหนไกล หลังจากมองออกไปข้างนอกอยู่หลายตลบ ในที่สุดก็เห็นเซียวต้าเป่ากลับมา

กู้จิ้งรีบพุ่งตัวออกไปหา มองเซียวต้าเป่าที่นั่งหอบอยู่ตรงประตูบ้านแล้ว กู้จิ้งก็โมโหปรี๊ดขึ้นมาทันที “เจ้าอายุสี่ขวบแล้ว ทำไมไม่รู้จักเชื่อฟังแม่บ้าง? บอกมา เจ้าไปทำอะไรมา? ไปแกล้งเด็กผู้หญิงในหมู่บ้านหรือไปรังแกเด็กคนอื่นๆ อีก?”

อย่าคิดว่าเธอถูกหลอกได้ง่ายๆ นะ เมื่อครู่ตอนที่เห็นท่าทางของเซียวต้าเป่า เธออดรู้สึกสงสารไม่ได้ แต่หลังจากนั้นเธอก็คิดได้ เจ้าเด็กบ้า หากคนอื่นไม่ยอมเล่นด้วยก็หมายความว่าเขาชอบรังแกคนอื่น ใครๆ ก็เลยหวาดผวากันไปหมด!

เขาน่าสงสาร? ขอโทษที คนที่น่าสงสารคือเธอต่างหาก!

เซียวต้าเป่าไม่สามารถตอบคำถามของมารดาได้ เขาย่อมรู้ว่าตัวเองไปทำอะไรมา ดังนั้นจึงตัดสินใจใช้แผนเดิมอีกครั้ง เขารีบก้มหน้าลงแล้วกอดลูกหมาป่าในอ้อมกอดเอาไว้แน่นด้วยท่าทางน่าสงสาร

หมาป่าน้อยแลบลิ้นออกมาเลียใบหน้าของเขา ความอบอุ่นที่ได้รับทำให้เขายิ่งกอดมันแน่นขึ้น

“ฮือๆๆ ท่านแม่ ไม่มีใครเล่นกับข้า ข้าก็เลยต้องเล่นกับหมาป่าน้อย…”

“หมาป่าน้อย?” กู้จิ้งรู้สึกว่าคำนี้ฟังดูคุ้นๆ อย่างบอกไม่ถูก…

เซียวต้าเป่าเงยหน้าขึ้นพูดกับกู้จิ้งอย่างระมัดระวัง “เป็นลูกหมาป่า มันหาแม่ไม่เจอ”

กู้จิ้งตะลึงมองลูกหมาป่าในอ้อมแขนของเซียวต้าเป่า ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกคุ้นตา ไม่ผิด มันดูคุ้นตาจริงๆ เจ้า ‘หมาป่าน้อย’ นี่เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน…

“ฮะ…ฮัสกี้…” ตอนนั้นกู้จิ้งกับเซียวเถี่ยเฟิงข้ามเวลาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฮัสกี้ถูกทิ้งไว้ในสายธารประวัติศาสตร์ สุดท้ายก็ไม่รู้หายไปไหน

เจ้าหมาตัวนี้ เห็นชัดๆ ว่าเป็นลูกหลานของฮัสกี้ เพราะมันมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกันไม่มีผิด!

“ฮัสกี้? ท่านแม่ มันคืออะไรหรือ?”

เซียวต้าเป่าเป็นเด็กที่ได้ยินคำพูดประโยคหนึ่งก็เชื่อมโยงไปได้ถึงโลกทั้งโลก มีจุดศูนย์กลางก็คิดจะงัดโลกทั้งใบ ได้ยินคำที่แปลกใหม่เช่นนี้ ย่อมไม่ยอมปล่อยให้ผ่านไปง่ายๆ

“ไม่ต้องถาม เป็นเด็กเป็นเล็กจะถามทำไม! มีอะไรทำก็รีบไปทำซะ!” กู้จิ้งรีบชักสีหน้า

คนในยุคปัจจุบันชอบพูดว่าต้องค่อยๆ สอนค่อยๆ สื่อสารอย่างเท่าเทียมกัน เหลวไหลทั้งเพ มาเจอเด็กแบบเซียวต้าเป่า วิธีพวกนั้นไม่มีทางได้ผลแน่ มีแต่ไม้เรียวเท่านั้นถึงจะได้ผลดีที่สุด

เซียวเถี่ยเฟิงซึ่งเพิ่งทำงานในนาเสร็จกลับมาเจอกู้จิ้งกำลังสั่งสอนเซียวต้าเป่าเข้าพอดี เขาวางคันธนูยาวในมือลงแล้วเกลี้ยกล่อมกู้จิ้งว่า “เขายังเป็นเด็กเล็กๆ เอง อยากทำอะไรก็ปล่อยให้ทำไปเถอะ ก็แค่ออกไปเล่นเท่านั้นไม่ใช่หรือ”

ในสายตาของเซียวเถี่ยเฟิง ลูกชายของเขาดีที่สุด ไม่ว่าทำอะไรก็ดีทั้งนั้น

เขาย่อกายลงพลางยื่นมือไปหาเซียวต้าเป่า “มา ต้าเป่า มาให้พ่อกอดหน่อย”

เซียวต้าเป่าย่อมรู้ดีว่าควรเข้าทางใคร เขารีบอุ้มหมาป่าน้อยวิ่งไปหาเซียวเถี่ยเฟิงแล้วยื่นมันไปให้บิดาดู “ท่านพ่อ ดูสิ ลูกหมาป่า ข้าจับมาได้ ต่อไปมันจะเป็นสัตว์เลี้ยงของข้า”

เซียวเถี่ยเฟิงเห็น ‘ลูกหมาป่า’ แล้วก็แทบจะสำลัก เขาจ้อง ‘ลูกหมาป่า’ นิ่งนาน ในใจคิดว่าเจ้าลูกโง่ ทำไมถึงเหมือนกับแม่ไม่มีผิดเลยนะ?

นี่มันหมาชัดๆ แต่เจ้ากลับคิดว่าเป็นหมาป่า!

แต่ทำไมหมาตัวนี้ถึงได้เหมือนฮัสกี้แบบนี้?

เขาหันไปมองกู้จิ้งซึ่งยืนอยู่ข้างๆ เห็นเธอกำลังอุ้มเซียวเอ้อเป่าอยู่ด้วยสีหน้าอับอาย แต่ก็พยายามแสร้งทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

อืม… คนที่เห็นหมาเป็นหมาป่าไม่ใช่เธอ ไม่ใช่เธอ ต้องไม่ใช่เธอแน่ๆ!

เซียวเถี่ยเฟิงยิ้มด้วยความจนใจ เขาคว้าร่างของเซียวต้าเป่ากับลูกหมาน้อยมากอดไว้ในอ้อมอกพลางลูบศีรษะเซียวต้าเป่าด้วยความเอ็นดู “ที่แท้นี่ก็เป็นลูกหมาป่าของต้าเป่า มันชื่ออะไรหรือ?”

“ท่านพ่อ ข้าคิดไม่ออก ท่านช่วยคิดให้ข้าสักชื่อสิ”

เซียวเถี่ยเฟิงคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เอ่ยขึ้นว่า “จริงๆ แล้วชื่อของมันคือ ฮัสกี้”

เซียวต้าเป่าได้ยินเช่นนี้ก็แอบเหลือบมองมารดาแวบหนึ่ง “ฮัสกี้?”

เซียวเถี่ยเฟิง “อืม ฮัสกี้!”

เซียวต้าเป่ากล่าวด้วยความยินดี “ฮัสกี้ ฮัสกี้ ลูกหมาป่าของข้ามีชื่อแล้ว มันชื่อฮัสกี้!”

แต่ถึงปากจะพูดเช่นนี้ ในใจกลับคิดว่า เรื่องนี้ต้องมีอะไรซ่อนอยู่เบื้องหลังแน่ ข้าเซียวต้าเป่าต้องสืบให้ได้ว่าฮัสกี้คืออะไรกันแน่!

 

กู้จิ้งเห็นเซียวเถี่ยเฟิงมองเซียวต้าเป่าด้วยความรักความเอ็นดูก็ได้แต่พูดไม่ออก

ลูกคนนี้อาศัยที่พ่อของมันโง่ แถมยังทั้งรักทั้งตามใจ ไม่อย่างนั้นป่านนี้คงถูกเธอจับแก้ผ้าห้อยกับขื่อบ้านแล้วเฆี่ยนด้วยแส้ชุบน้ำแช่พริกไปแล้ว

อย่าคิดว่าเธอไม่รู้นะว่าเขาทำเรื่องไม่ดีอะไรไว้ลับหลังบ้าง มีเด็กในหมู่บ้านไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ที่พากันมากราบไหว้เขา แถมยังเอาขนมของตัวเองมาเซ่นไหว้ด้วย!

คิดถึงตรงนี้ เธอก็แค่นหัวเราะเสียงเย็น “เซียวเถี่ยเฟิงเอ๊ย ตามใจเข้าไปเถอะ ไม่ดูเสียบ้างว่าตอนนี้ใครๆ พูดถึงเซียวต้าเป่ากันว่ายังไงบ้าง~~~”

เวรกรรมแท้ๆ ในฐานะบรรพชนตระกูลเซียว เธอไม่มีทางเลือก เผลอรับบทสิบแปดมงกุฎโดยไม่ได้ตั้งใจแล้วก็ถอนตัวไม่ได้อีก แต่เธอก็ยังหวังว่าลูกหลานรุ่นหลังจะเป็นคนที่เปิดเผย ซื่อสัตย์สุจริต ไม่ทำตัวเป็นเทพเซียนหลอกลวงชาวบ้านอีก

เธอคิดว่าตัวเองควรให้บทเรียนกับเซียวเถี่ยเฟิงและเซียวต้าเป่า พวกเขาจะได้รู้ถึงความร้ายกาจของเธอเสียบ้าง

“เซียวเถี่ยเฟิง ฉันคิดว่านายควรจะคิดทบทวนว่า เราควรทำอะไรให้เป็นแบบอย่างแก่ลูกหลานรุ่นหลังบ้าง”

“ตอนนี้ทุกอย่างก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?”

สีหน้าของเซียวเถี่ยเฟิงบริสุทธิ์ไร้เดียงสา

เซียวต้าเป่าราดน้ำมันลงในกองเพลิง “เราใช้ชีวิตเยี่ยงเทพยดาอยู่แล้วไม่ใช่หรือ? ท่านแม่เป็นเซียนหญิง ท่านพ่อเป็นเซียนชาย ข้าเป็นเซียนน้อย เอ้อเป่าเป็นทารกเซียน~~”

เซียวต้าเป่าชื่นชอบชีวิตเช่นนี้มาก ครอบครัวของเขาเป็นเซียนสืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ

กู้จิ้งสะอึก

“ได้ นายว่าดีก็ดี แต่นับจากวันนี้เป็นต้นไป พวกนายย้ายออกไปอยู่ข้างนอกซะ ทำงานหาเลี้ยงตัวเอง ไม่ต้องกลับมาชั่วคราว”

“สิ่งมงคลล้ำค่าสามประการอย่างพวกนายออกไปใช้ชีวิตหวานชื่นด้วยกันซะเถอะ มา…ท่านเซียนทั้งหลาย เชิญทางด้านนี้!”

เซียวต้าเป่าซึ่งอุ้มฮัสกี้เอาไว้ในอ้อมแขนถูกดันออกไปนอกประตูพร้อมกับเซียวเถี่ยเฟิง เซียวเถี่ยเฟิงลูบศีรษะด้วยความงุนงง “สิ่งมงคลล้ำค่าสามประการคืออะไร?”

เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็หันไปพูดกับเซียวต้าเป่าว่า “สิ่งมงคลล้ำค่าสามประการต้องเป็นของดีแน่”

เซียวต้าเป่าไม่สนใจเรื่องที่ตัวเองถูกไล่ออกมาสักนิด “บางทีสิ่งมงคลล้ำค่าสามประการอาจจะมีไว้สำหรับรับของเซ่นไหว้ก็เป็นได้!”