บทที่ 19 ตำรับยา
โม่หลิวเฟิงเป็นคนเสนอความคิดว่าพวกเขาทั้งสามคนควรรับประทานอาหารร่วมกัน นานแล้วที่เขาไม่ได้เจอน้องสาวตัวเอง เขาถึงอยากทานมื้อเย็นกับเธอ อีกสาเหตุหนึ่งคือน้องสาวของเขาเป็นคนที่เชื่อคนง่ายเกินไป ในฐานะพี่ชาย โม่หลิวเฟิงจำเป็นต้องปกป้องเธอและไม่ปล่อยให้คนอื่นเอาเปรียบเธอ จากความสัมพันธ์อันลึกซึ้งของพวกเขาเป็นอันขาด
แต่ดูเหมือนว่าโม่หลิวเฟิงจะคิดมากเกินไปหน่อย ถึง โม่อ้ายลี่จะเป็นคนเลินเล่อ สดใสแล้วก็ร่าเริงมาก แต่เธอก็รู้ว่าคนที่เข้าหาเธอเป็นคนจริงใจหรือด้วยความเจ้าเล่ห์ เธอรู้ดีว่า มู่หรงเสวี่ยมองเธอเป็นเพื่อนคนหนึ่งจริงๆ
พวกเขาเลือกร้านอาหารส่วนตัวที่บรรยากาศภายในร้านดีมาก ทั้งสามคนเดินเข้าไปในห้องอาหารแล้วนั่งลงที่โต๊ะอาหารด้วยความเงียบ
ในระหว่างที่ได้พูดคุยกัน โม่หลิวเฟิงเป็นคนอารมณ์ดีและเข้ากับคนง่าย ทำให้บรรยากาศภายในห้องอาหารดีมาก บางครั้งเขาก็หัวเราะออกมา ด้วยความแปลกใจ เขาไม่คิดว่า มู่หรงเสวี่ยจะเข้าใจสิ่งต่างๆกับพูดคุยกับเขาได้ ทั้งๆที่เรื่องทั้งหมดเกินความเข้าใจของเด็กที่อายุยังน้อยไปมาก
มู่หรงเสวี่ยดูไม่เหมือนเด็กสาวอายุ 15 ที่โม่หลิวเฟิงเคยรู้จัก ด้วยเหตุนี้ เขาจึงชื่นชมเธอผ่านสายตา น้องสาวของเขาได้คบเพื่อนดีแล้วจริงๆ
ไม่นาน โม่อ้ายลี่ช่วยมู่หรงเสวี่ยขอความช่วยเหลือจากพี่ชาย มู่หรงเสวี่ยอธิบายเหตุผลต่างๆที่เธอต้องการหาบอดี้การ์ดสักคนอย่างมีชั้นเชิง เธอบอกว่าเธอขอแค่คนที่ซื่อสัตย์และมีฝีมือก็พอ นอกเหนือจากสองอย่างนี้ก็ไม่ต้องการอะไรอีก
โม่หลิวเฟิงตอบตกลง เขาจะช่วยหาคนที่มีคุณสมบัติตามที่เธอต้องการมาให้ภายในสองวันนี้
มู่หรงเสวี่ยจะไม่ลืมน้ำใจจากโม่หลิวเฟิง เธอคิดว่าอีกสองวัน เธอจะหาของขวัญเล็กๆน้อยๆมามอบให้อีกฝ่ายเพื่อตอบแทนความรู้สึกของเธอ เธอนึกถึงสูตรยาในมิติ มีหลายรายการที่เป็นสูตรยาช่วยชีวิตได้ หรือบางที เธอควรปรุงยาขึ้นมาให้โม่หลิวเฟิงแทนคำขอบคุณ
สุดท้าย โม่หลิวเฟิงก็เป็นถึงนายพลเพียงไม่กี่คนในโลกแห่งสงคราม และมีโอกาสที่ความตายจะพรากชีวิตเขาไปสูงมาก เพราะฉะนั้นของขวัญสำหรับโม่หลิวเฟิงที่มีหน้าที่อันใหญ่หลวงแบบนี้ คงไม่มีอะไรดีไปกว่ายาช่วยชีวิตแล้ว
หลังจากที่ทานอาหารค่ำเสร็จแล้ว โม่อ้ายลี่ก็อยากชวน มู่หรงเสวี่ยไปที่บ้านตัวเอง แต่มู่หรงเสวี่ยปฏิเสธแล้วให้เหตุผลว่าพี่ชายของเธอ โม่หลิวเฟิงเพิ่งกลับมาถึง ตอนนี้ครอบครัวของเธอคงรอพบเขาอยู่ มู่หรงเสวี่ยจึงให้สัญญากับเธอว่า จะไปเยี่ยม โม่อ้ายลี่ที่บ้านวันหลัง ในที่สุด ทั้งสองคนก็ได้แยกทางกัน และกลับบ้านของตัวเองไป
ทันทีที่ถึงอะพาร์ตเมนต์มู่หรงเสวี่ยก็รีบเข้ามาในมิติ ในตอนที่เธอเห็นต้นผลไม้ที่เธอปลูกไว้ เธอรู้สึกพอใจกับผลลัพธ์มาก แต่เมื่อเธอเห็นผลไม้ลูกใหญ่ที่สุกงอมจนหล่นจากต้นมากองอยู่ที่พื้น มู่หรงเสวี่ยพลันใจสลายและรู้สึกโหวงราวกับสูญเสียของมีค่าไป เพราะถึงผลไม้พวกนี้จะไม่มีคุณภาพเทียบเท่าผลไม้ที่ยังอยู่บนต้น แต่ตราบใดที่มันเป็นผลไม้ที่อยู่ในมิติ พวกมันก็ยังส่งผลดีต่อร่างกายมนุษย์อยู่ดี
น่าเสียดาย ที่พวกมันหล่นจากต้นแล้ว บางทีเธออาจจะสร้างผลิตภัณฑ์เสริมอาหารก็เป็นได้ มู่หรงเสวี่ย เธอนี่มันซื่อบื้อ จริงๆเลยที่ไม่ใช้มิติให้เกิดประโยชน์
ในตอนนี้ มู่หรงเสวี่ยยังขาดคนที่สามารถไว้ใจได้ ทั้งหมดนี้ จากการที่เธอเอาแต่อยู่กับเสี่ยวเข่อลี่แค่คนเดียวเท่านั้น ทำให้เธอมีเพื่อนน้อยเกินไป ส่วนตอนนี้เธอก็มีแค่โม่อ้ายลี่ที่เป็นเพื่อนเธอเท่านั้น เฮ้อ มู่หรงเสวี่ยเอ๋ย ใครใช้ให้เธอมีเพื่อนน้อยขนาดนี้กันเล่า!?
มู่หรงเสวี่ยสลัดความคิดที่ยุ่งเหยิงทั้งหมดทิ้งไป จากนั้นก็เดินเข้าไปในศาลาสมุนไพรที่มีอุปกรณ์อาทิเช่นขวดยาอยู่มากมายและบางขวดก็มียาอัดเม็ดแบบสำเร็จรูปอยู่ข้างใน ทางด้านซ้ายคือเตาขนาดกะทัดรัดส่วนด้านขวาคือสมุนไพรแปรรูปจำนวนหนึ่ง นี่มันห้องวิจัยยาแบบย้อนยุคนี่นา!
มู่หรงเสวี่ยตรวจดูขวดยาด้วยความระมัดระวัง บนขวดแต่ละขวดจะมีชื่อยาเขียนกำกับเอาไว้ อย่างเช่น ยารักษาบาดแผล ยาพิษ ยาฟื้นฟูดวงจิต เป็นต้น ชื่อยาเหล่านี้มักจะปรากฏแค่ในนิยายเท่านั้น แต่เธอก็ได้พบมันในมิติจริงๆ และมียาพิษจำนวนมากมาย ทำให้เธอมีตัวช่วยให้ตัวเองมากขึ้น
มู่หรงเสวี่ยกำลังคิดว่าเธอจะลองปรุงยารักษาบาดแผลเป็นอย่างแรก เนื่องจากว่ายาชนิดนี้ใช้ได้ผลดีกับบาดแผลและอาการบาดเจ็บทั่วไป ถ้าเธอสามารถปรุงมันได้สำเร็จ เธอจะเอายาชนิดนี้ไปให้โม่หลิวเฟิงทดลองมัน นอกจากนี้ เธอยังเจอสูตรยาและวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับยารักษาบาดแผลอื่นๆ จากคู่มือในการใช้ยา
หลังจากนั้น มู่หรงเสวี่ยได้ทำการเตรียมและตรวจสอบสมุนไพรที่จำเป็นต้องใช้ด้วยความรอบคอบ เมื่อทำความสะอาดและจัดเรียงสมุนไพรทั้งหมดแล้ว เธอก็เริ่มปรุงยาทีละขั้นตอนตามที่ระบุไว้ในตำรา
เมื่อเวลาผ่านไปครู่หนึ่ง มู่หรงเสวี่ยได้มองดูก้อนที่เคลือบด้วยสีดำ ทำให้มองไม่เห็นลักษณะของสมุนไพรเลยสักนิด น่าเสียดายที่ผลที่ได้คือ ความล้มเหลว มู่หรงเสวี่ยไม่ลดละความพยายาม ถึงจะต้องทำอีกกี่สิบครั้ง เธอจะทำมันให้สำเร็จให้ได้
ในที่สุด ความพยายามของมู่หรงเสวี่ยก็สำเร็จ!
มู่หรงเสวี่ยมองดูยารักษาบาดแผลที่ตัวเองสามารถปรุงมันออกมาด้วยความตื่นเต้น เธอจะไปหาสัตว์ตัวเล็กมาทดลองยาก่อน เพราะไม่มีใครรู้ว่ายาที่เธอปรุงออกมาจะส่งผลอย่างไรบ้าง เธอจึงไม่สามารถใช้งานมัน โดยที่ตัวเองไม่รู้ถึงผลกระทบของยา
ด้วยความตื่นเต้นสุดขีด ทำให้มู่หรงเสวี่ยอยากรู้ผลลัพธ์ของยาทันทีที่เธอประสบความสำเร็จในการปรุงยาในครั้งแรก ในตอนนี้เธอไม่สามารถระงับความตื่นเต้นที่ระเบิดออกมาได้เลย
มู่หรงเสวี่ยรีบออกจากมิติลับและวิ่งไปซื้อไก่หนึ่งตัวมาเป็นหนูทดลอง จากนั้นเธอก็นำมีดกรีดลงบนขาไก่ที่ถูกขังไว้ในกรงทันที
มู่หรงเสวี่ยบดยาเม็ดรักษาบาดแผลให้อยู่ในรูปแบบผงแล้ว โรยมันลงบนบาดแผลตรงขาไก่ จากไก่ที่ส่งเสียงดังก่อนหน้านี้ เริ่มเงียบเสียงลงทันที และเลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผลก็หยุดไหลในทันที สองชั่วโมงต่อมา บาดแผลที่ขาไก่ก็ค่อยๆจางหายไป ตามที่ระบุเอาไว้ในตำราไม่มีผิด
เพื่อป้องกันความผิดพลาด มู่หรงเสวี่ยจัดการโยนไก่เข้าไปในมิติทันที จากนั้นก็รออีกสองวัน เพื่อให้แน่ใจว่าบาดแผลบนขาไก่หายสนิทแล้วจริงๆ เมื่อเวลาผ่านไปสองวัน มู่หรงเสวี่ยเข้าไปดูไก่ในมิติและพบว่าแผลของมันหายดีแล้ว มู่หรงเสวี่ยรู้สึกโล่งใจมาก หลังจากนั้นเธอก็เริ่มทำการปรุงยาสำรองไว้หลายขวด แล้วเก็บรักษามันเอาไว้ในมิติ
ในตอนที่รู้สึกเธอว่ามียารักษาบาดแผลเพียงพอแล้ว มู่หรงเสวี่ยก็เริ่มปรุงยาวิเศษชนิดอื่นต่อ เพื่อที่จะรักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ เธอจึงเป็นต้องเตรียมยาพวกนี้ไว้เป็นอย่างดี เพราะเธอได้ปรุงยาออกมาเพียงยารักษาบาดแผลเท่านั้น ซึ่งหมายความว่า มู่หรงเสวี่ยควรปรุงยาวิเศษชนิดอื่นเพิ่มอีก!
ยาวิเศษที่เธอปรุงออกมาส่วนใหญ่คือ ยาพิษ ผลของมันไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต ยาพิษที่คร่าชีวิตผู้คนไม่ได้หากไม่ได้ใช้มันในปริมาณที่มากพอ เธอไม่มีสิทธิ์ใช้ยาชนิดนี้กับชีวิตของคนอื่นได้อย่างหน้าตาเฉย หากเธอไม่ได้เป็นฝ่ายถูกรังแกก่อน เธอก็จะไม่ใช้ยาพวกนี้เป็นอันขาด
มู่หรงเสวี่ยที่ปรุงยา อ่านตำราต่างๆ และพักกินผลไม้เมื่อรู้สึกว่าท้องตัวเองเริ่มส่งเสียงไปเรื่อยๆ ทำให้เธอได้พัฒนาฝีมือทางด้านการแพทย์ไปมาก ในตอนนี้ เธอเริ่มทดลองสูตรยาในแบบฉบับของตัวเอง ถึงเธอจะยังไม่ได้ทดลองสูตรยาใหม่ๆ แต่ก็ถือว่าเธอได้ประสบความสำเร็จอีกขั้นแล้ว
วันพรุ่งนี้ มู่หรงเสวี่ยต้องการหาชุดฝังเข็มสักชุดมาใช้ในการรักษา เทคนิคฟีนิกซ์เก้าเข็มที่แล่นเข้ามาในสมองของเธอในวันนั้นคือการฝังเข็มและการรมยาแบบแพทย์แผนจีนชนิดหนึ่ง มู่หรงเสวี่ยลองค้นหาเทคนิคนี้อย่างละเอียด แต่กลับไม่พบเทคนิคการฝังเข็มฟีนิกซ์เก้าเข็มในตำราเลยสักเล่ม
มู่หรงเสวี่ยจำเป็นต้องมีเข็มไว้เพื่อฝึกการฝังเข็มและการรมยาของแพทย์แผนจีน เนื่องจากว่าคุณภาพเข็มที่ผลิตจากโรงงานไม่ดีพอ ในเมื่อเธอหาซื้อมันไม่ได้ เห็นที เธอคงต้องหาใครสักคนที่สามารถสร้างมันขึ้นมาโดยเฉพาะเท่านั้น
หลังจากที่อยู่ในมิติลับเป็นเวลานาน มู่หรงเสวี่ยก็ได้ออกมาจากมิติ เธอเห็นว่านาฬิกาบนผนังในตอนนี้บอกเวลา 03.00 น. เนื่องจากว่าวันพรุ่งนี้ไม่ใช่วันหยุด และเธอจำเป็นต้องไปโรงเรียน เมื่อได้เวลาอันสมควร มู่หรงเสวี่ยจึงล้มตัวลงนอนบนเตียง จากนั้นก็ค่อยๆหลับตาลงและเข้าสู่ห้วงนิทราไปในที่สุด