บทที่ 216 เตรียมพร้อมก่อนรบ

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

ออกมาจากบ้านพักตากอากาศจู๋วหลิน เย่เทียนไม่ได้กลับไปที่บริษัทตระกูลเฉิน แต่ว่ามาที่คฤหาสน์เดี่ยวหลังเล็กที่จี้เยียนหรันเตรียมไว้ให้เขา

ตอนนี้กว่าจะใกล้ถึงช่วงค่ำยังมีเวลาอีกสักระยะหนึ่ง เขาไม่อยากสิ้นเปลืองเวลาโดยเปล่าประโยชน์

พูดให้ถูกต้อง เขาสามารถรอได้ แต่ของบางอย่างไม่อาจรอได้

หลังจากหอบตัวยาที่ให้จี้เยียนหรันช่วยหามาให้ออกจากในรถเดินเข้าคฤหาสน์ไป เย่เทียนหยิบหนอนกู่ตัวนั้นที่ได้มาจากในร่างกายกงหย่วนเมื่อก่อนหน้านี้ออกมาแบบอดใจรอไม่ไหว

บางทีเป็นเพราะว่าสองสามวันนี้ไม่ได้อยู่ในร่างกายคน หนอนกู่สภาพอ่อนระโหยโรยแรง ดูอันตรายถึงชีวิตพอสมควร

“ไอ้หนุ่ม อย่าหาว่าฉันเมตตาไม่พอนะ ก่อนหน้าแกตาย ฉันจะให้แกได้กินอิ่มสักมื้อแน่ จะไม่ให้แกเป็นผีตะกละหรอก!”

เย่เทียนเขย่าขวดแก้วสักหน่อย หลังแน่ใจว่าหนอนกู่ไม่ตาย มุมปากก็เผยรอยยิ้มแปลกประหลาดออกมา

การแพทย์สามารถช่วยชีวิตคนได้ และสามารถฆ่าคนได้เช่นกัน!

หนอนกู่ตัวนี้ใช้การได้เหมาะสม ขณะเดียวกันยังนำผลประโยชน์ยิ่งใหญ่มาให้ได้ด้วย

ระหว่างที่พูด เย่เทียนก็หยิบขวดเล็กใบหนึ่งออกมาจากในหน้าอก ด้านในนี้บรรจุศพของแมงมุมร้อยพิษหกสีไว้!

นำหนอนกู่โยนเข้าไปแล้ว เห็นหนอนกู่ที่หิวมาสองสามวันราวกับแมวที่ได้กลิ่นปลาเริ่มเคี้ยวแมงมุมร้อยพิษหกสีอย่างเอร็ดอร่อย เย่เทียนถึงเริ่มต้นจัดการตัวยาในกล่องขึ้นมาแล้ว

ตรวจทานดูคร่าวๆ รอบหนึ่ง และตัดความต้องการของตนเองออกไป ยังมีตัวยาของยาเพิ่มพลังเกินมาหกชุด นึกได้ว่านายท่านจี้กลัวจะเกิดเหตุการณ์ล้มเหลว จึงเสนอตัวยาสองชุดมาเพิ่มเป็นพิเศษ

เพียงแต่ นายท่านจี้จะรู้ได้อย่างไรว่า การปรุงยาเพิ่มพลังสำหรับเย่เทียนนั้นยังง่ายดายเหมือนกินข้าวนอนหลับ นี่คือเรื่องที่ทำสำเร็จเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก จะเกิดความเป็นไปได้ว่าจะล้มเหลวได้อย่างไรล่ะ?

แน่นอนว่า เรื่องแบบนี้เย่เทียนคงไม่อธิบาย เอาเปรียบได้แต่ไม่เอาเปรียบก็โง่แล้ว!

หลังจากหยิบตัวยาออกมาจากในกล่องทั้งหมด แบ่งประเภทแต่ละอย่างไว้โดยละเอียดเรียบร้อย เย่เทียนถึงมีเวลาไปดูสถานการณ์ของหนอนกู่

จากช่วงก่อนหน้านี้เป็นเวลาแค่ครึ่งชั่วโมง หนอนกู่กินอิ่มหนำจนนอนอยู่กลางขวดอย่างเกียจคร้าน ยังมีเงาของแมงมุมร้อยพิษหกสีอยู่ที่ไหนอีก เข้าไปอยู่ในท้องของหนอนกู่หมดเลย

“ไอ้หนุ่ม แกนี่มันเกินความคาดหมายของฉันจริงๆ นะ ตอนแรกฉันยังคิดว่าอย่างน้อยแกจะต้องใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงถึงกินลงไปทั้งหมดล่ะ!”

เขย่าๆ ขวดแก้วแล้ว เห็นหนอนกู่ในขวดที่มีชีวิตชีวากลับมา และพลังเต็มเปี่ยม เย่เทียนหัวเราะดีใจเก่าเดิมแล้ว

เมื่อเตรียมตัวยาที่ต้องการใช้ไว้เรียบร้อยดี และตรวจสอบเตาอีกรอบหนึ่ง หลังจากมั่นใจว่าไม่มีขาดตกบกพร่องใดๆ เย่เทียนถึงลงมือแบบเป็นทางการ เริ่มต้นปรุงยา!

ใช้เวลาไปเกือบหนึ่งชั่วโมง จึงรวมทั้งนำหนอนกู่ตัวยาที่อยู่ในราคาเกือบล้านใส่เข้าไปด้วย ในที่สุดเย่เทียนที่เหงื่อออกเต็มหน้าก็หยุดมือลงมาแล้ว

ถึงแม้จะเหนื่อยล้า แต่พอเห็นยาก้นเตาที่ขนาดใหญ่เท่าหัวแม่มือ ส่วนใหญ่ดูสมบูรณ์ และแอบส่องแสงสีเขียวเม็ดนั้น นัยน์ตาดำมืดของเย่เทียนก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น

ยาคงจิต เป็นยาที่ช่วยเพิ่มความสามารถได้อย่างหนึ่ง

เพียงแต่ ส่วนประกอบที่อยากจะปรุงยามันยากลำบากเกินไป ถึงแม้จะนับเมื่อชาติที่แล้วด้วย เย่เทียนยังปรุงยาเป็นครั้งที่สองเอง

ไม่มีเหตุผลอื่น ส่วนประกอบสำคัญที่สุดนี้ก็คือร่างของสัตว์ที่อย่างน้อยร้อยปีขึ้นไป

แน่นอนว่า สัตว์ที่พอจะอยู่ได้มานานเป็นร้อยปีและไม่ตาย นั่นจะฉลาดปราดเปรียวมากแค่ไหน สามารถเรียกได้ว่านั่นเป็นสัตว์วิเศษเลยทีเดียว

ถึงแม้ว่าจะเป็นชาติที่แล้ว เย่เทียนก็เจอเพียงจิ้งจอกแก่ตัวหนึ่ง ปลิ้นปล้อนใกล้จะเหมือนกับคน

จัดการเรื่องหนึ่งได้ปัญหาต่อๆ ไปก็จัดการได้ราบรื่น

ถึงบอกว่าหนอนกู่ไม่ได้อยู่มาจนร้อยปี แต่ก็ยังต้านทานต่อการมีอยู่ของแมงมุมร้อยพิษหกสีไม่ไหว!

การเพาะเลี้ยงของแมงมุมร้อยพิษหกสีสิ้นเปลืองของและนานยิ่งกว่าหนอนกู่เสียอีก ไม่รู้ว่าต้องให้ของล้ำค่ามากเท่าไรถึงจะสามารถเลี้ยงดูได้ คงไม่แย่ไปกว่าสัตว์ที่อยู่ร้อยปีขึ้นไปสักเท่าไรหรอก

แน่นอนว่า พวกนี้เป็นแค่การคาดการณ์ที่กล้าหาญของเย่เทียน เมื่อคำนวณแบบจริงจังขึ้นมา เขายังทำแบบนี้เป็นครั้งแรกจริงๆ

สำเร็จแล้วย่อมดีที่สุดแน่ ล้มเหลวก็กระทบต่อเขาไม่ได้มากมายเช่นกัน

เรื่องโชคดีมากคือ เขาประสบความสำเร็จแล้ว! ปรุงยาคงจิตออกมาได้สำเร็จแล้ว!

นี่เหมือนกันกับด้านในยาทั่วไป แต่ตอนที่ขาดตัวยาอย่างหนึ่งไป มักจะมีตัวยาอย่างอื่นสามารถแทนที่ได้ และมีประสิทธิภาพเหมือนกันด้วย

ถือโอกาสหนอนกู่เพิ่งเขมือบแมงมุมร้อยพิษหกสี ยังไม่ได้ย่อยร่างของแมงมุมร้อยพิษหกสีจนหมดเกลี้ยง จึงสร้างสัตว์วิเศษร้อยปีของปลอมตัวหนึ่งออกมาได้สำเร็จแล้ว

ไม่เหมือนกับยาเพิ่มพลังที่ให้นักบู๊ดูดซึมผ่านชี่ทิพย์แฝงในตัวเองโดยตรง คือยาคงจิตนั้นจะกระตุ้นร่างกาย ปลุกเร้าพลังแฝง บรรลุประสิทธิผลการฝึกจิตใจและร่างกายทั้งคู่ได้

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวก็คือ รสชาติของยาคงจิตอันนี้ไม่ใช่ย่ำแย่ธรรมดา หลังกินลงไปทั่วทั้งตัวราวกับถูกมดกัด คันอย่างยิ่ง

แต่ คนที่ฝึกต่อสู้มาคนไหนไม่แข็งแกร่งและทรหดไร้ที่เปรียบบ้าง เทียบกับประสิทธิภาพของยาคงจิตขึ้นมาแล้ว ความคันจุดนี้จะถือว่าสักเท่าไรกัน?

ถึงแม้ในกระบวนการปรุงจะเกิดความผิดพลาดเล็กน้อย แต่อาศัยเทคนิคปรุงยาแบบเชี่ยวชาญ สุดท้ายยังคงทำให้เย่เทียนปรุงออกมาได้สำเร็จอย่างดูอกสั่นขวัญขวัญแขวนแต่ก็ไม่เป็นอันตราย

อึก!

พักผ่อนสักหน่อยครู่หนึ่ง เย่เทียนหยิบยาคงจิตเข้ามากลืนเข้าในปากแบบไม่ลังเลสักนิด หลับตาทั้งคู่สนิท คัมภีร์หวงภายในร่างกายเริ่มดำเนินการโคจร

เวลาเพียงชั่วพริบตาเดียว เย่เทียนรู้สึกเพียงมีความเจ็บเหมือนเข็มทิ่มลอยมาจากทุกส่วนบนร่างกายแบบเลือนราง

เย่เทียนรู้ดี นี่คือผลข้างเคียงที่เขาใช้สัตว์วิเศษร้อยปีของปลอมมาปรุงยา เดิมทีเป็นอาการคันของมดกัดแปรเปลี่ยนมาเป็นความเจ็บปวดแบบโดนเข็มทิ่ม

แต่ เย่เทียนยิ่งรู้ว่า ยาคงจิตปรุงออกมาได้สำเร็จจริง ไม่แน่ว่าประสิทธิภาพยังจะแข็งแกร่งกว่าฉบับเดิมเสียอีก รีบคงอยู่ในท่วงท่านั่งไม่ขยับไปไหน ฝืนกลั้นความรู้สึกที่ทำให้คนคลุ้มคลั่งนั้นไว้

มีผลกระทบอยู่เกือบสิบห้านาที ความรู้สึกเจ็บของเข็มทิ่มถึงเลือนหายไปในที่สุด สิ่งที่เข้ามาแทนที่คือความรู้สึกอบอุ่นเป็นระยะ และความสบายความพอใจที่พูดไม่ถูก

“ถือว่าจะพุ่งขึ้นไปชั้นที่ห้าแล้วเหรอ?”

เมื่อรับรู้อย่างละเอียดถึงการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกาย มุมปากเย่เทียนอดวาดรอยยิ้มอ่อนๆ ขึ้นไม่ได้

หลังดูดซึมหินทิพย์ที่ได้มาจากบนตัวลี่ชุ่ยฮวาคุณยายกระดาษไหว้เจ้าตั้งแต่แรก เขาก็เหยียบบนยอดของการฝึกพลังชั้นสี่ ขอเพียงมาถึงเป้าหมายก้าวหนึ่งก็สามารถก้าวเข้าชั้นห้าได้

ปัจจุบันนี้ภายใต้ผลกระทบของยาคงจิตอันนี้ ถือว่าได้เริ่มต้นพุ่งขึ้นไปยังการฝึกพลังชั้นห้าแล้ว

เย่เทียนไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย ควบคุมชี่ทิพย์ด้วยความระมัดระวังดำเนินการตามคัมภีร์หวง นำพลังใจทั้งหมดมาไว้ในการบำเพ็ญฌาน

เวลาค่อนข้างผ่านไปรวดเร็ว และผ่านไปอีกหนึ่งชั่วโมง เย่เทียนที่หลับตาบำเพ็ญฌานก็ลืมตาขึ้นแล้ว นัยน์ตาลึกแอบมีแสงสว่างแวบผ่าน!

ฮู้!

เย่เทียนพ่นลมหายใจเสียงต่ำออกมาทีหนึ่ง รอยยิ้มที่มุมปากยิ่งเข้มขึ้น ไม่เกินความคาดหมายของเขา ไม่เพียงก้าวผ่านฝึกพลังชั้นห้าได้สำเร็จ แม้แต่ความรู้สึกเหน็ดเหนื่อยก่อนหน้านี้ยังหายลับเกือบหมด สิ่งที่เข้ามาแทนที่คือพลังที่เหมือนใช้ไม่หมดทั้งตัว

พึ่บพั่บ!

ลุกขึ้นขยับมือขยับเท้านิดหน่อยแล้ว กระดูกทั่วตัวเสียดสีกันเกิดเสียงดังเป็นระยะ รู้สึกถึงพลังที่มีชีวิตชีวาภายในร่างกายนั้น เย่เทียนอดไม่ไหวส่งเสียงร้องที่สบายตัวออกมา

เพียงแค่ เย่เทียนไม่ได้ออกไปจากที่นี่ แต่ว่านั่งลงมาอีกครั้ง เริ่มปรุงยาใหม่อีก ขณะเดียวกันยังปรุงยาเพิ่มพลังให้นายท่านจี้ และเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการสู้รบในคืนนี้ด้วย

แต่ สิ่งที่เย่เทียนผู้ซึ่งจิตใจจดจ่อกับการปรุงยาไม่สังเกตเห็นคือ มือถือที่เขาเปลี่ยนเป็นโหมดเงียบเสียง และทิ้งไว้ด้านข้างกลับเปล่งประกายแบบบ้าคลั่ง สามารถมองเห็นได้ว่ามีสายไม่ได้รับและข้อความหลายสิบอัน

เห็นได้ว่าคนผู้นั้นต้องมีธุระด่วนอะไรอยากตามหาเย่เทียน ไม่อย่างนั้นคงไม่โทรศัพท์เข้ามาติดกันมากมายเช่นนี้หรอก

เพียงแต่น่าเสียดาย ในช่วงเวลาสั้นๆ นี้เย่เทียนถูกลิขิตมาให้ไม่มีทางรับโทรศัพท์ของผู้ใดเลย…..